ออปชั่น Call และ Put

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1
    1. Template:DISPLAYTITLE – คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่ออธิบาย Template:DISPLAYTITLE ใน MediaWiki อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น โดยจะครอบคลุมการทำงาน, การใช้งาน, ข้อดีข้อเสีย, และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด พร้อมทั้งเชื่อมโยงไปยังแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา MediaWiki และเทมเพลตต่างๆ

      1. บทนำ

Template:DISPLAYTITLE เป็นเทมเพลตสำคัญใน MediaWiki ที่อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบและผู้แก้ไขกำหนดชื่อแสดงผลของหน้าเว็บที่แตกต่างจากชื่อหน้าจริง (page title) ชื่อแสดงผลนี้คือชื่อที่ปรากฏในแท็บเบราว์เซอร์, ผลลัพธ์การค้นหา, และในบางส่วนของอินเทอร์เฟซ MediaWiki การใช้งาน DISPLAYTITLE มีประโยชน์อย่างมากในการปรับปรุงความชัดเจน, จัดระเบียบ, และความสวยงามของเว็บไซต์วิกิ

      1. ทำไมต้องใช้ Template:DISPLAYTITLE?

มีหลายเหตุผลที่ทำให้การใช้ DISPLAYTITLE เป็นประโยชน์:

  • **ปรับปรุงความชัดเจน:** บางครั้งชื่อหน้าจริงอาจมีความซับซ้อนหรือใช้ศัพท์เฉพาะทาง การใช้ DISPLAYTITLE ที่เข้าใจง่ายกว่าสามารถช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาของหน้าได้ง่ายขึ้น
  • **จัดระเบียบเนื้อหา:** ในกรณีที่มีหน้าที่มีชื่อคล้ายกันมาก การใช้ DISPLAYTITLE ที่แตกต่างกันสามารถช่วยให้ผู้ใช้แยกแยะความแตกต่างระหว่างหน้าเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น เช่น หน้าเกี่ยวกับ “การวิเคราะห์ทางเทคนิค” และ “การวิเคราะห์พื้นฐาน” อาจมี DISPLAYTITLE ที่ระบุประเภทการวิเคราะห์อย่างชัดเจน
  • **ความสวยงาม:** DISPLAYTITLE สามารถใช้เพื่อปรับปรุงความสวยงามของเว็บไซต์วิกิได้ ตัวอย่างเช่น สามารถใช้เพื่อเพิ่มสัญลักษณ์หรือรูปแบบการจัดรูปแบบพิเศษให้กับชื่อหน้า
  • **การจัดการชื่อเรื่องที่ยาว:** เมื่อชื่อเรื่องยาวเกินไป DISPLAYTITLE ช่วยให้แสดงชื่อเรื่องที่กระชับและอ่านง่ายขึ้นในส่วนต่างๆ ของวิกิ
  • **การสร้างลิงก์ที่ชัดเจน:** DISPLAYTITLE ช่วยให้การสร้าง ลิงก์ภายใน ที่มีความหมายและชัดเจนยิ่งขึ้น
      1. วิธีการใช้งาน Template:DISPLAYTITLE

การใช้งาน DISPLAYTITLE ค่อนข้างง่าย เพียงเพิ่มโค้ดต่อไปนี้ที่ด้านบนของหน้า:

```wiki

```

โดย “ชื่อที่ต้องการแสดง” คือข้อความที่คุณต้องการให้ปรากฏเป็นชื่อแสดงผลของหน้า

    • ตัวอย่าง:**

หากชื่อหน้าจริงคือ “Binary Options Strategies: Trend Following” และคุณต้องการให้ชื่อแสดงผลเป็น “Trend Following Strategies” คุณสามารถเพิ่มโค้ดต่อไปนี้ที่ด้านบนของหน้า:

```wiki

```

      1. ข้อจำกัดและข้อควรระวัง
  • **การใช้งานที่มากเกินไป:** การใช้ DISPLAYTITLE ในทุกหน้าอาจทำให้เกิดความสับสนและลดความสอดคล้องของเว็บไซต์วิกิ ควรใช้ DISPLAYTITLE เฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
  • **การบำรุงรักษา:** หากคุณเปลี่ยนชื่อหน้าจริง คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า DISPLAYTITLE ยังคงถูกต้องและสอดคล้องกับเนื้อหาของหน้า
  • **การค้นหา:** แม้ว่า DISPLAYTITLE จะปรากฏในผลลัพธ์การค้นหาบางประเภท แต่ก็อาจไม่ครอบคลุมทุกกรณี ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อหน้าจริงยังคงมีความเกี่ยวข้องและสามารถค้นหาได้ง่าย
  • **ความซับซ้อน:** การใช้ DISPLAYTITLE ที่ซับซ้อนเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาในการแสดงผลหรือการบำรุงรักษา ควรใช้ DISPLAYTITLE ที่เรียบง่ายและเข้าใจง่ายเสมอ
  • **การเข้าถึง:** ตรวจสอบให้แน่ใจว่า DISPLAYTITLE ที่คุณเลือกสามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน รวมถึงผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
      1. เทคนิคขั้นสูงในการใช้ Template:DISPLAYTITLE
  • **การใช้ตัวแปร:** คุณสามารถใช้ตัวแปรใน DISPLAYTITLE เพื่อสร้างชื่อแสดงผลแบบไดนามิก ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ตัวแปรเพื่อแสดงวันที่ปัจจุบันหรือชื่อผู้ใช้ที่แก้ไขหน้า
  • **การใช้เงื่อนไข:** คุณสามารถใช้เงื่อนไขใน DISPLAYTITLE เพื่อแสดงชื่อแสดงผลที่แตกต่างกันตามเงื่อนไขบางอย่าง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถแสดงชื่อแสดงผลที่แตกต่างกันสำหรับผู้ใช้ที่ล็อกอินและผู้ใช้ที่ไม่ล็อกอิน
  • **การใช้ฟังก์ชัน:** คุณสามารถใช้ฟังก์ชันใน DISPLAYTITLE เพื่อประมวลผลข้อมูลและสร้างชื่อแสดงผลที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ฟังก์ชันเพื่อแปลงข้อความเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวพิมพ์เล็ก
  • **การใช้ร่วมกับเทมเพลตอื่นๆ:** DISPLAYTITLE สามารถใช้ร่วมกับเทมเพลตอื่นๆ เพื่อสร้างชื่อแสดงผลที่ปรับแต่งได้มากขึ้น
      1. ตัวอย่างการใช้งาน DISPLAYTITLE ในบริบทของไบนารี่ออปชั่น

ในการสร้างเว็บไซต์วิกิที่เกี่ยวข้องกับไบนารี่ออปชั่น DISPLAYTITLE สามารถใช้เพื่อปรับปรุงความชัดเจนและความสวยงามของหน้าต่างๆ ได้

| ชื่อหน้าจริง | DISPLAYTITLE | เหตุผล | | ---------------------------------------------- | -------------------------------------------- | ------------------------------------------------------------------------------------------------- | | Binary Options Strategies: 60 Second Trading | 60 Second Trading Strategies | ทำให้ชื่อกระชับและเน้นที่กลยุทธ์ | | Technical Analysis: Moving Averages | Moving Average Strategies | ทำให้ชื่อชัดเจนว่าหน้าเกี่ยวกับกลยุทธ์ | | Risk Management in Binary Options | Binary Options Risk Management | ปรับปรุงความชัดเจนและความสอดคล้อง | | Binary Options Brokers Comparison | Best Binary Options Brokers | ทำให้ชื่อน่าสนใจและดึงดูดผู้ใช้ | | Understanding Volatility in Binary Options | Binary Options Volatility Explained | ทำให้ชื่อเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับผู้เริ่มต้น |

      1. การเชื่อมโยงกับแนวคิดที่เกี่ยวข้อง
  • **MediaWiki**: แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์วิกิที่ใช้ DISPLAYTITLE
  • **เทมเพลต**: กลไกในการสร้างส่วนประกอบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ใน MediaWiki
  • **[[ชื่อหน้า (Page Title)]**: ชื่อจริงของหน้าเว็บ
  • **[[ชื่อแสดงผล (Display Title)]**: ชื่อที่ปรากฏต่อผู้ใช้
  • **[[การจัดระเบียบเนื้อหา (Content Organization)]**: การจัดโครงสร้างเนื้อหาเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและทำความเข้าใจ
  • **[[การออกแบบส่วนต่อประสานผู้ใช้ (User Interface Design)]**: การออกแบบอินเทอร์เฟซเพื่อให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ
  • **[[การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience Optimization)]**: การปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ในการใช้งานเว็บไซต์วิกิ
  • **[[การค้นหาภายในวิกิ (Wiki Search)]**: ระบบการค้นหาข้อมูลภายในเว็บไซต์วิกิ
      1. กลยุทธ์, การวิเคราะห์ทางเทคนิค, และการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายที่เกี่ยวข้อง
      1. สรุป

Template:DISPLAYTITLE เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการปรับปรุงความชัดเจน, ความสวยงาม, และความสามารถในการใช้งานของเว็บไซต์ MediaWiki การใช้งานอย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ง่ายขึ้นและปรับปรุงประสบการณ์โดยรวมในการใช้งานเว็บไซต์วิกิ

ตัวอย่างการใช้งาน DISPLAYTITLE
ชื่อหน้าจริง DISPLAYTITLE คำอธิบาย
Help:Contents Help ปรับปรุงชื่อแสดงผลของหน้าความช่วยเหลือหลัก
Template:Editprotected Edit Protected Template ทำให้ชื่อชัดเจนว่าเทมเพลตนี้ได้รับการป้องกันการแก้ไข
Category:Binary Options Strategies Binary Options Strategies ทำให้ชื่อหมวดหมู่กระชับและชัดเจน
Special:Search Search ทำให้ชื่อหน้าพิเศษชัดเจน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาหลักทรัพย์และกำไร/ขาดทุนของออปชั่น Call และ Put
ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาหลักทรัพย์และกำไร/ขาดทุนของออปชั่น Call และ Put
  1. ออปชั่น Call และ Put: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ออปชั่น Call และ ออปชั่น Put ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) เราจะอธิบายหลักการทำงาน ความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย และกลยุทธ์การใช้งานเบื้องต้นสำหรับผู้เริ่มต้น

    1. 1. ออปชั่นคืออะไร?

ออปชั่น (Option) คือ สัญญาที่ให้สิทธิ (แต่ไม่บังคับ) แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Expiration Date) ผู้ขายออปชั่นมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญา หากผู้ซื้อใช้สิทธิ (Exercise)

ออปชั่นแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก:

  • **ออปชั่น Call:** ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อในการ *ซื้อ* สินทรัพย์อ้างอิงในราคา Strike Price
  • **ออปชั่น Put:** ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อในการ *ขาย* สินทรัพย์อ้างอิงในราคา Strike Price
    1. 2. ออปชั่น Call: เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น

ออปชั่น Call เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะ *เพิ่มขึ้น* ในอนาคต

  • **สถานการณ์:** สมมติว่าคุณเชื่อว่าราคาหุ้นของบริษัท ABC ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 100 บาท จะสูงขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า คุณสามารถซื้อออปชั่น Call ของหุ้น ABC ที่มี Strike Price 105 บาท และวันหมดอายุในอีกหนึ่งเดือน
  • **การทำงาน:**
   *   **ถ้าราคาหุ้น ABC สูงกว่า 105 บาท เมื่อถึงวันหมดอายุ:** คุณสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้น ABC ในราคา 105 บาท แล้วขายในตลาดที่ราคาปัจจุบันที่สูงกว่านั้น ทำให้คุณได้กำไร (หักค่าพรีเมียมที่จ่ายไป)
   *   **ถ้าราคาหุ้น ABC ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 105 บาท เมื่อถึงวันหมดอายุ:** คุณจะไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้น ABC เพราะจะทำให้ขาดทุน คุณจะเสียเฉพาะค่าพรีเมียมที่จ่ายไป
    • ตัวอย่าง:**

สมมติว่าค่าพรีเมียมของออปชั่น Call คือ 5 บาทต่อหุ้น

  • **กรณีที่ 1: ราคาหุ้น ABC = 110 บาท**
   *   กำไร = (110 - 105) - 5 = 0 บาท (กำไรก่อนหักค่าธรรมเนียม)
  • **กรณีที่ 2: ราคาหุ้น ABC = 105 บาท**
   *   กำไร = (105 - 105) - 5 = -5 บาท (ขาดทุนเท่ากับค่าพรีเมียม)
  • **กรณีที่ 3: ราคาหุ้น ABC = 100 บาท**
   *   กำไร = (100 - 105) - 5 = -10 บาท (ขาดทุนเท่ากับค่าพรีเมียม + ส่วนต่างราคา)
    1. 3. ออปชั่น Put: เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะลดลง

ออปชั่น Put เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะ *ลดลง* ในอนาคต

  • **สถานการณ์:** สมมติว่าคุณเชื่อว่าราคาหุ้นของบริษัท XYZ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 50 บาท จะลดลงในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า คุณสามารถซื้อออปชั่น Put ของหุ้น XYZ ที่มี Strike Price 45 บาท และวันหมดอายุในอีกหนึ่งสัปดาห์
  • **การทำงาน:**
   *   **ถ้าราคาหุ้น XYZ ต่ำกว่า 45 บาท เมื่อถึงวันหมดอายุ:** คุณสามารถใช้สิทธิขายหุ้น XYZ ในราคา 45 บาท แล้วซื้อในตลาดที่ราคาปัจจุบันที่ต่ำกว่านั้น ทำให้คุณได้กำไร (หักค่าพรีเมียมที่จ่ายไป)
   *   **ถ้าราคาหุ้น XYZ สูงกว่าหรือเท่ากับ 45 บาท เมื่อถึงวันหมดอายุ:** คุณจะไม่ใช้สิทธิขายหุ้น XYZ เพราะจะทำให้ขาดทุน คุณจะเสียเฉพาะค่าพรีเมียมที่จ่ายไป
    • ตัวอย่าง:**

สมมติว่าค่าพรีเมียมของออปชั่น Put คือ 3 บาทต่อหุ้น

  • **กรณีที่ 1: ราคาหุ้น XYZ = 40 บาท**
   *   กำไร = (45 - 40) - 3 = 2 บาท (กำไรก่อนหักค่าธรรมเนียม)
  • **กรณีที่ 2: ราคาหุ้น XYZ = 45 บาท**
   *   กำไร = (45 - 45) - 3 = -3 บาท (ขาดทุนเท่ากับค่าพรีเมียม)
  • **กรณีที่ 3: ราคาหุ้น XYZ = 50 บาท**
   *   กำไร = (45 - 50) - 3 = -8 บาท (ขาดทุนเท่ากับค่าพรีเมียม + ส่วนต่างราคา)
    1. 4. ปัจจัยที่มีผลต่อราคาออปชั่น

ราคาของออปชั่น (เรียกว่า "พรีเมียม") ไม่ได้คงที่ แต่จะเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยหลายประการ:

  • **ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง:** โดยทั่วไปแล้ว ราคาออปชั่น Call จะสูงขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงสูงขึ้น และราคาออปชั่น Put จะสูงขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงลดลง
  • **Strike Price:** ราคาออปชั่น Call จะสูงขึ้นเมื่อ Strike Price ต่ำ และราคาออปชั่น Put จะสูงขึ้นเมื่อ Strike Price สูง
  • **เวลาจนถึงวันหมดอายุ (Time to Expiration):** โดยทั่วไปแล้ว ราคาออปชั่นจะสูงขึ้นเมื่อมีเวลาเหลือจนถึงวันหมดอายุมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสมากขึ้นที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการ
  • **ความผันผวน (Volatility):** ความผันผวนที่สูงขึ้นจะทำให้ราคาออปชั่นสูงขึ้น เนื่องจากมีความไม่แน่นอนของราคามากขึ้น
  • **อัตราดอกเบี้ย:** อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจส่งผลให้ราคาออปชั่น Call สูงขึ้น และราคาออปชั่น Put ลดลง
    1. 5. ข้อดีและข้อเสียของออปชั่น
      1. ข้อดี:
  • **เลเวอเรจ (Leverage):** ออปชั่นช่วยให้คุณควบคุมสินทรัพย์จำนวนมากด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า
  • **จำกัดความเสี่ยง:** ความเสี่ยงสูงสุดของผู้ซื้อออปชั่นคือค่าพรีเมียมที่จ่ายไป
  • **ความยืดหยุ่น:** ออปชั่นสามารถใช้เพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย
      1. ข้อเสีย:
  • **ความซับซ้อน:** ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อน และต้องมีความเข้าใจในหลักการทำงานอย่างละเอียด
  • **การสูญเสียค่าพรีเมียม:** หากการคาดการณ์ของคุณผิดพลาด คุณจะสูญเสียค่าพรีเมียมที่จ่ายไปทั้งหมด
  • **การหมดอายุ:** ออปชั่นมีวันหมดอายุ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องใช้สิทธิหรือยอมเสียค่าพรีเมียมหากราคาไม่เป็นไปตามที่คุณคาดการณ์
    1. 6. กลยุทธ์การใช้งานออปชั่นเบื้องต้น
  • **Long Call:** ซื้อออปชั่น Call เมื่อคาดว่าราคาจะสูงขึ้น (Bullish Strategy)
  • **Long Put:** ซื้อออปชั่น Put เมื่อคาดว่าราคาจะลดลง (Bearish Strategy)
  • **Covered Call:** ขายออปชั่น Call บนหุ้นที่คุณถืออยู่เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม (Income Strategy)
  • **Protective Put:** ซื้อออปชั่น Put บนหุ้นที่คุณถืออยู่เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ลดลง (Hedging Strategy)
    1. 7. ออปชั่นในตลาดไบนารี่ออปชั่น (Binary Options)

ในตลาด ไบนารี่ออปชั่น รูปแบบออปชั่น Call และ Put จะถูกนำมาใช้ในรูปแบบที่ง่ายกว่า โดยนักลงทุนจะคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น (Call) หรือลดลง (Put) ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากการคาดการณ์ถูกต้อง นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่หากผิดพลาด นักลงทุนจะเสียเงินลงทุนทั้งหมด

    • ข้อควรระวัง:** ตลาดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง และควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทำการลงทุน
    1. 8. เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
  • **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** ศึกษา กราฟราคา แนวรับ (Support) แนวต้าน (Resistance) และ รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) เพื่อช่วยในการคาดการณ์ทิศทางราคา
  • **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจ รายงานทางการเงิน และข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์อ้างอิง
  • **ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators):** ใช้ Moving Average MACD RSI และ Bollinger Bands เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและสัญญาณการซื้อขาย
  • **การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):** กำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม Stop-Loss Order และ Take-Profit Order เพื่อควบคุมความเสี่ยง
    1. 9. สรุป

ออปชั่น Call และ Put เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การใช้งานออปชั่นต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการทำงานและปัจจัยที่มีผลต่อราคาอย่างละเอียด การศึกษาข้อมูลและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากออปชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการลงทุน

ตัวอย่างเปรียบเทียบออปชั่น Call และ Put
สินทรัพย์อ้างอิง Strike Price วันหมดอายุ การคาดการณ์ ประเภทออปชั่น หุ้น ABC 100 บาท 1 เดือน ราคาจะสูงขึ้น Call หุ้น XYZ 50 บาท 1 สัปดาห์ ราคาจะลดลง Put
สถานการณ์ ผลลัพธ์ ราคาหุ้น ABC = 110 บาท กำไร ราคาหุ้น XYZ = 40 บาท กำไร ราคาหุ้น ABC = 90 บาท ขาดทุน ราคาหุ้น XYZ = 60 บาท ขาดทุน

ออปชั่น ออปชั่น Call ออปชั่น Put ไบนารี่ออปชั่น การลงทุน การเก็งกำไร การป้องกันความเสี่ยง การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กราฟราคา แนวรับ (Support) แนวต้าน (Resistance) รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) Moving Average MACD RSI Bollinger Bands Bullish Strategy Bearish Strategy Income Strategy Hedging Strategy Stop-Loss Order Take-Profit Order การจัดการความเสี่ยง รายงานทางการเงิน Time to Expiration Volatility Leverage Strike Price Underlying Asset Expiration Date Premium Exercise Long Call Long Put Covered Call Protective Put Binary Option Strategies Technical Indicators Trading Volume Analysis Trend Analysis Candlestick Patterns Fibonacci Retracements Options Trading Strategies Risk Reward Ratio Money Management Market Sentiment Implied Volatility Delta Gamma Theta Vega Rho Options Greeks Option Pricing Models Black-Scholes Model Binomial Option Pricing Model American Option European Option Exotic Options Barrier Options Asian Options Lookback Options Volatility Smile Volatility Skew Options Chain Open Interest Volume Put-Call Parity Arbitrage Options Trading Platforms Options Brokers Regulatory Frameworks Options Taxation Options Education Options Trading Simulation Options Trading Journal Options Trading Psychology Options Trading Signals Options Trading News Options Trading Forums Options Trading Communities Options Trading Blogs Options Trading Books Options Trading Courses Options Trading Mentorship Options Trading Robots Algorithmic Trading High-Frequency Trading Quantitative Trading Options Trading API Options Trading Automation Options Trading Backtesting Options Trading Optimization Options Trading Risk Assessment Options Trading Performance Analysis Options Trading Portfolio Management [[O

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Баннер
Retrieved from "https://binaryoption.wiki/th/index.php?title=ออปชั่น_Call_และ_Put&oldid=30943"