Butterfly Option
- Butterfly Option
Butterfly Option เป็นกลยุทธ์ออปชั่นที่เป็นกลาง (Neutral Strategy) ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ในช่วงเวลาที่เหลือของออปชั่น กลยุทธ์นี้มีลักษณะเป็นรูปผีเสื้อ (Butterfly) เมื่อนำกราฟผลกำไร/ขาดทุน (Payoff Diagram) มาวาด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ กลยุทธ์นี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เทรดที่ต้องการจำกัดความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนต่ำ หรือคาดว่าจะมีความผันผวนต่ำลง
- หลักการทำงานของ Butterfly Option
Butterfly Option สร้างขึ้นจากการรวมกันของออปชั่น Call หรือ Put 4 รายการ โดยมี Strike Price ที่แตกต่างกัน 3 ระดับ ได้แก่ Strike Price ต่ำ, Strike Price กลาง, และ Strike Price สูง กลยุทธ์นี้สามารถสร้างได้ทั้งจาก Call Option และ Put Option ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย
- Butterfly Option ด้วย Call Option:**
- ซื้อ 1 Call Option ที่ Strike Price ต่ำ (Low Strike)
- ขาย 2 Call Option ที่ Strike Price กลาง (Middle Strike)
- ซื้อ 1 Call Option ที่ Strike Price สูง (High Strike)
- Butterfly Option ด้วย Put Option:**
- ซื้อ 1 Put Option ที่ Strike Price สูง (High Strike)
- ขาย 2 Put Option ที่ Strike Price กลาง (Middle Strike)
- ซื้อ 1 Put Option ที่ Strike Price ต่ำ (Low Strike)
- เงื่อนไขสำคัญ:** Strike Price กลางมักจะอยู่ที่ระดับราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง หรือใกล้เคียงกับระดับราคาที่คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่อยู่
- การคำนวณต้นทุนสุทธิ (Net Premium)
ต้นทุนสุทธิของ Butterfly Option คือ ผลต่างระหว่างค่าพรีเมี่ยมที่จ่ายสำหรับออปชั่นที่ซื้อ และค่าพรีเมี่ยมที่ได้รับจากการขายออปชั่น โดยทั่วไปแล้ว ต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์นี้มักจะเป็นบวก ซึ่งหมายความว่าผู้เทรดจะต้องจ่ายเงินเพื่อเปิดสถานะ Butterfly Option
- **Net Premium = (ค่าพรีเมี่ยม Call Option ต่ำ + ค่าพรีเมี่ยม Call Option สูง) - (2 x ค่าพรีเมี่ยม Call Option กลาง)** (สำหรับ Call Butterfly)
- **Net Premium = (ค่าพรีเมี่ยม Put Option สูง + ค่าพรีเมี่ยม Put Option ต่ำ) - (2 x ค่าพรีเมี่ยม Put Option กลาง)** (สำหรับ Put Butterfly)
- กราฟผลกำไร/ขาดทุน (Payoff Diagram)
กราฟผลกำไร/ขาดทุนของ Butterfly Option มีลักษณะคล้ายกับปีกผีเสื้อ โดยมีจุดสูงสุดของผลกำไรอยู่ที่ Strike Price กลาง และผลกำไรจะลดลงเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนที่ห่างออกไปจาก Strike Price กลาง
- **ผลกำไรสูงสุด:** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ที่ Strike Price กลางพอดี
- **จุดคุ้มทุน (Break-even Points):** มี 2 จุด คือ จุดที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงต่ำกว่า Strike Price กลาง และจุดที่ราคาสูงกว่า Strike Price กลาง
- **ขาดทุนสูงสุด:** จำกัดอยู่ที่ต้นทุนสุทธิ (Net Premium) ที่จ่ายไปในการเปิดสถานะ
- ข้อดีและข้อเสียของ Butterfly Option
- ข้อดี:**
- **จำกัดความเสี่ยง:** ความเสี่ยงถูกจำกัดอยู่ที่ต้นทุนสุทธิที่จ่ายไป
- **เหมาะกับตลาดที่แบนราบ:** สร้างผลกำไรได้ดีเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ
- **ความผันผวนต่ำ:** กลยุทธ์นี้ทำงานได้ดีในตลาดที่มีความผันผวนต่ำ
- ข้อเสีย:**
- **ผลตอบแทนจำกัด:** ผลตอบแทนสูงสุดถูกจำกัดอยู่ที่ผลต่างระหว่าง Strike Price และต้นทุนสุทธิ
- **ต้องคาดการณ์ช่วงราคาที่ถูกต้อง:** จำเป็นต้องคาดการณ์ช่วงราคาที่ราคาจะเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ
- **ค่าคอมมิชชั่น:** การซื้อขายออปชั่น 4 รายการอาจทำให้มีค่าคอมมิชชั่นสูง
- การนำไปใช้ใน Binary Options
แม้ว่า Butterfly Option จะเป็นกลยุทธ์ที่มักใช้ในตลาดออปชั่นแบบดั้งเดิม แต่แนวคิดนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ใน Binary Options ได้ โดยการใช้ Binary Options หลายรายการที่มี Strike Price ที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างรูปแบบผลกำไร/ขาดทุนที่คล้ายคลึงกัน
ตัวอย่างเช่น:
- ซื้อ Binary Option ที่ Strike Price ต่ำ
- ขาย 2 Binary Option ที่ Strike Price กลาง
- ซื้อ Binary Option ที่ Strike Price สูง
อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้ใน Binary Options อาจมีความซับซ้อน และผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เนื่องจากลักษณะของ Binary Options ที่มีผลตอบแทนแบบคงที่ (Fixed Payout)
- กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
- **Straddle:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง แต่ไม่รู้ทิศทาง Straddle
- **Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Strike Price ที่ห่างออกจากราคาปัจจุบัน Strangle
- **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่คล้ายกับ Butterfly แต่ใช้ทั้ง Call และ Put Option Iron Condor
- **Covered Call:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดว่าราคาจะคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย Covered Call
- **Protective Put:** กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ลดลง Protective Put
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน
การใช้ Butterfly Option อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิคและพื้นฐาน
- **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD, และ Bollinger Bands เพื่อระบุแนวโน้มและช่วงราคาที่เป็นไปได้
- **การวิเคราะห์พื้นฐาน:** พิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ เช่น ข่าวเศรษฐกิจ, รายงานผลประกอบการของบริษัท, และเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง การวิเคราะห์พื้นฐาน
- **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุจุดกลับตัวของราคา การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
- การจัดการความเสี่ยง
- **กำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing):** กำหนดขนาดสถานะที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
- **ตั้ง Stop-Loss:** ตั้ง Stop-Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
- **ปรับสถานะ:** ปรับสถานะเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
- ตัวอย่างการเทรด Butterfly Option
สมมติว่าคุณเชื่อว่าราคาหุ้น ABC จะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ใกล้กับราคาปัจจุบันที่ 50 บาท คุณสามารถสร้าง Butterfly Option ด้วย Call Option ได้ดังนี้:
- ซื้อ 1 Call Option ที่ Strike Price 45 บาท ด้วยราคา 2 บาท
- ขาย 2 Call Option ที่ Strike Price 50 บาท ด้วยราคา 1 บาทต่อสัญญา (รวม 2 บาท)
- ซื้อ 1 Call Option ที่ Strike Price 55 บาท ด้วยราคา 0.50 บาท
ต้นทุนสุทธิ (Net Premium) = (2 + 0.50) - (2 x 1) = 0.50 บาท
- **สถานการณ์ที่ 1: ราคาหุ้น ABC อยู่ที่ 50 บาท (Strike Price กลาง)** ผลกำไรสูงสุด = (50-45) - 0.50 = 4.50 บาท
- **สถานการณ์ที่ 2: ราคาหุ้น ABC อยู่ที่ 40 บาท** ขาดทุนสูงสุด = 0.50 บาท
- **สถานการณ์ที่ 3: ราคาหุ้น ABC อยู่ที่ 60 บาท** ขาดทุนสูงสุด = 0.50 บาท
- สรุป
Butterfly Option เป็นกลยุทธ์ออปชั่นที่ซับซ้อน แต่มีประโยชน์สำหรับผู้เทรดที่ต้องการจำกัดความเสี่ยงและผลตอบแทนในตลาดที่มีความผันผวนต่ำ การทำความเข้าใจหลักการทำงาน, ข้อดีข้อเสีย, และวิธีการนำไปใช้ จะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการเทรดออปชั่น
การบริหารความเสี่ยงในการเทรดออปชั่น การเลือกโบรกเกอร์ออปชั่น ทำความเข้าใจค่าพรีเมี่ยมออปชั่น การหมดอายุของออปชั่น การใช้ประโยชน์จาก Implied Volatility การวิเคราะห์ Delta, Gamma, และ Theta กลยุทธ์ Calendar Spread กลยุทธ์ Diagonal Spread กลยุทธ์ Ratio Spread กลยุทธ์ Condor Spread การใช้ Fibonacci Retracement การใช้ Elliott Wave Theory การใช้ Ichimoku Cloud การใช้ Pivot Points การใช้ Support and Resistance
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
