การใช้ Support and Resistance

การใช้ Support and Resistance

บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจและการประยุกต์ใช้แนวคิดเรื่อง Support และ Resistance ในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น การเข้าใจแนวคิดนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการการวิเคราะห์ทางเทคนิค และสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

Support และ Resistance คืออะไร?

Support และ Resistance คือแนวระดับราคาที่แนวโน้มของราคาในอดีตมีแนวโน้มที่จะหยุดหรือกลับตัว แนวคิดนี้มาจากความเชื่อที่ว่าในอดีตมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากที่ระดับราคานั้น ทำให้เกิดแรงกดดันที่ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะหยุดนิ่ง หรือเปลี่ยนทิศทาง

Support* คือระดับราคาที่คาดว่าจะมีแรงซื้อมากพอที่จะหยุดการลดลงของราคา ราคามักจะ “เด้ง” ขึ้นจากระดับ Support
Resistance คือระดับราคาที่คาดว่าจะมีแรงขายมากพอที่จะหยุดการเพิ่มขึ้นของราคา ราคามักจะ “ชน” และกลับลงจากระดับ Resistance

ทำไม Support และ Resistance ถึงเกิดขึ้น?

Support และ Resistance ก่อตัวขึ้นเนื่องจาก จิตวิทยาตลาด และพฤติกรรมของนักเทรด

อุปสงค์และอุปทาน (Supply and Demand) : เมื่อราคาลดลงถึงระดับ Support ผู้ซื้อจะมองว่าราคาถูกและเริ่มเข้าซื้อ ทำให้เกิดอุปสงค์ที่มากขึ้น ซึ่งจะดันราคาขึ้นไป
การเก็งกำไร (Speculation) : นักเทรดมักจะตั้งคำสั่งซื้อ (Buy Stop) เหนือระดับ Resistance และคำสั่งขาย (Sell Stop) ใต้ระดับ Support เพื่อเก็งกำไรจากราคาที่ทะลุแนวเหล่านี้ การตั้งคำสั่งเหล่านี้เองก็เป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหยุดหรือกลับตัว
ความทรงจำของตลาด (Market Memory): ราคาในอดีตมีผลต่อการตัดสินใจของนักเทรดในปัจจุบัน หากราคาเคย “เด้ง” ขึ้นจากระดับ Support มาก่อน นักเทรดจะคาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต

การระบุ Support และ Resistance

มีหลายวิธีในการระบุระดับ Support และ Resistance:

การมองหาจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด (Swing Highs and Swing Lows) : มองหาจุดสูงสุด (Swing High) และจุดต่ำสุด (Swing Low) ที่ชัดเจนบนกราฟ ราคาอาจหยุดหรือกลับตัวบริเวณเหล่านี้
เส้นแนวโน้ม (Trend Lines) : วาดเส้นเชื่อมต่อจุดต่ำสุด (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือจุดสูงสุด (สำหรับแนวโน้มขาลง) เส้นเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็น Support หรือ Resistance ได้
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) : ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน สามารถทำหน้าที่เป็น Support หรือ Resistance แบบไดนามิก
Fibonacci Retracement : ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุระดับ Support และ Resistance ที่อาจเกิดขึ้น โดยพิจารณาจากสัดส่วน Fibonacci ที่สำคัญ เช่น 38.2%, 50%, และ 61.8%
Pivot Points : คำนวณจากราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, และราคาปิดของช่วงเวลาก่อนหน้า (เช่น วันก่อนหน้า) Pivot Points และระดับ Support และ Resistance ที่เกี่ยวข้องสามารถใช้เป็นแนวทางในการเทรดได้

ตัวอย่างการระบุ Support และ Resistance
! วิธีการ	! คำอธิบาย	! ภาพประกอบ (สมมติ)
Swing Highs/Lows	มองหาจุดสูงสุดและต่ำสุดที่ชัดเจน	กราฟที่มีลูกศรชี้ไปยังจุดสูงสุดและต่ำสุด
Trend Lines	วาดเส้นเชื่อมต่อจุดต่ำสุด (ขาขึ้น) หรือสูงสุด (ขาลง)	กราฟที่มีเส้นแนวโน้มลากจากจุดต่ำสุดไปจุดต่ำสุด
Moving Averages	ใช้ MA 50 และ MA 200	กราฟที่มีเส้น MA 50 และ MA 200
Fibonacci Retracement	ใช้ระดับ Fibonacci ที่สำคัญ	กราฟที่มีเส้น Fibonacci Retracement

การใช้ Support และ Resistance ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

เมื่อคุณระบุระดับ Support และ Resistance ได้แล้ว คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเทรดไบนารี่ออปชั่นได้หลายวิธี:

การเทรดเมื่อราคาเด้ง (Bounce) : เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Support ให้พิจารณาเปิดออปชั่น Call (ขึ้น) โดยคาดหวังว่าราคาจะเด้งขึ้นจากระดับ Support
การเทรดเมื่อราคาชน (Rejection) : เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Resistance ให้พิจารณาเปิดออปชั่น Put (ลง) โดยคาดหวังว่าราคาจะชนและกลับลงจากระดับ Resistance
การ Breakout (ทะลุ) : หากราคาทะลุระดับ Resistance อย่างแข็งแกร่ง อาจเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้น ให้พิจารณาเปิดออปชั่น Call เมื่อราคา Breakout ระดับ Support อย่างแข็งแกร่ง อาจเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มขาลง ให้พิจารณาเปิดออปชั่น Put
การเทรดแบบ Range Trading (เทรดในกรอบราคา) : หากราคามีการเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง Support และ Resistance ให้เทรดโดยการซื้อเมื่อราคาเข้าใกล้ Support และขายเมื่อราคาเข้าใกล้ Resistance

การยืนยันสัญญาณ Support และ Resistance

การใช้ Support และ Resistance เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจเทรด ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและตัวชี้วัดอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ:

รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) : มองหารูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา เช่น รูปแบบ Hammer หรือ รูปแบบ Engulfing บริเวณ Support หรือ Resistance
ตัวชี้วัดโมเมนตัม (Momentum Indicators) : ใช้ตัวชี้วัดเช่น Relative Strength Index (RSI) หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD) เพื่อยืนยันว่าโมเมนตัมของราคาเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) : ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ Support หรือ Resistance อาจเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งว่าระดับเหล่านั้นมีความสำคัญ

กลยุทธ์การเทรดที่ใช้ Support and Resistance

Pin Bar Strategy : ใช้รูปแบบ Pin Bar ที่เกิดขึ้นบริเวณ Support หรือ Resistance เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัว
Breakout Strategy : เทรดเมื่อราคา Breakout ระดับ Support หรือ Resistance โดยใช้ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของการ Breakout
Double Top/Bottom Strategy : มองหารูปแบบ Double Top (บริเวณ Resistance) หรือ Double Bottom (บริเวณ Support) เพื่อคาดการณ์การกลับตัวของราคา
Trend Line Bounce Strategy : เทรดเมื่อราคาเด้งจากเส้นแนวโน้มที่ทำหน้าที่เป็น Support หรือ Resistance
Fibonacci Trading Strategy : ใช้ระดับ Fibonacci Retracement ร่วมกับ Support และ Resistance เพื่อระบุจุดเข้า/ออกที่ดีที่สุด

ข้อควรระวังในการใช้ Support และ Resistance

Support และ Resistance ไม่ใช่เส้นตาย : ราคาอาจทะลุระดับ Support หรือ Resistance ได้ ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าราคาจะหยุดหรือกลับตัวอย่างแน่นอนเสมอไป
ระดับ Support และ Resistance สามารถเปลี่ยนได้ : เมื่อราคาทะลุระดับ Support หรือ Resistance สำคัญ ระดับเหล่านั้นอาจเปลี่ยนบทบาท เช่น Resistance กลายเป็น Support และ Support กลายเป็น Resistance
ตลาดที่ผันผวนสูง : ในตลาดที่มีความผันผวนสูง ระดับ Support และ Resistance อาจไม่ชัดเจนหรือใช้งานได้ยาก
การใช้ Stop Loss : เสมอใช้ Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงของคุณในกรณีที่ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด

การฝึกฝนและการพัฒนา

การใช้ Support และ Resistance ให้เชี่ยวชาญต้องใช้การฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง:

Backtesting : ทดสอบกลยุทธ์การเทรดของคุณโดยใช้ข้อมูลในอดีต (Backtesting) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความเสี่ยง
Demo Account : ฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชี Demo ก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง
การเรียนรู้จากความผิดพลาด : วิเคราะห์การเทรดของคุณเพื่อเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณ

สรุป

Support และ Resistance เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเทรดไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจหลักการและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูลและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร อย่าลืมว่าการเทรดมีความเสี่ยง และควรใช้ความระมัดระวังเสมอ

การวิเคราะห์ทางเทคนิค จิตวิทยาตลาด ไบนารี่ออปชั่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Relative Strength Index (RSI) Moving Average Convergence Divergence (MACD) รูปแบบแท่งเทียน รูปแบบ Hammer รูปแบบ Engulfing Pin Bar Strategy Breakout Strategy Double Top/Bottom Strategy Trend Line Bounce Strategy Fibonacci Trading Strategy การจัดการความเสี่ยง Stop Loss การเทรดแบบ Range Trading การ Breakout การเก็งกำไร ปริมาณการซื้อขาย

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น