กลยุทธ์ Calendar Spread

1. 1. กลยุทธ์ Calendar Spread

Calendar Spread เป็นกลยุทธ์ออปชั่นที่มุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในออปชั่นที่มีวันหมดอายุต่างกัน แต่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) เดียวกัน กลยุทธ์นี้ถูกนำมาใช้ทั้งในตลาดออปชั่นแบบทั่วไป และสามารถปรับใช้กับ ไบนารี่ออปชั่น ได้เช่นกัน แม้ว่าการนำไปใช้ในไบนารี่ออปชั่นจะมีความซับซ้อนกว่าและต้องใช้แพลตฟอร์มที่รองรับการเทรดออปชั่นแบบหลายวันหมดอายุ

1. 1. 1. หลักการทำงานของ Calendar Spread

หัวใจสำคัญของ Calendar Spread คือการซื้อออปชั่นที่มีวันหมดอายุยาวนานกว่า และขายออปชั่นที่มีวันหมดอายุสั้นกว่า โดยมีราคาใช้สิทธิเหมือนกัน โดยทั่วไปนักลงทุนจะคาดการณ์ว่าสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวเล็กน้อยหรือไม่เคลื่อนไหวเลยในช่วงเวลาสั้นๆ แต่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกว่าในช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า

• • องค์ประกอบของ Calendar Spread:**

• **Long Call/Put:** การซื้อออปชั่น Call หรือ Put ที่มีวันหมดอายุยาวนานกว่า (ถือว่าเป็น Long Position)
• **Short Call/Put:** การขายออปชั่น Call หรือ Put ที่มีราคาใช้สิทธิเดียวกัน แต่มีวันหมดอายุสั้นกว่า (ถือว่าเป็น Short Position)

• • ตัวอย่าง:**

สมมติว่าคุณเชื่อว่าหุ้น XYZ จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า แต่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า คุณสามารถใช้กลยุทธ์ Calendar Call Spread ได้ดังนี้:

1. ซื้อ Call Option ของ XYZ ที่มีราคาใช้สิทธิ 50 บาท และหมดอายุในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า 2. ขาย Call Option ของ XYZ ที่มีราคาใช้สิทธิ 50 บาท และหมดอายุในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า

1. 1. 1. ประเภทของ Calendar Spread

Calendar Spread สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ:

• **Calendar Call Spread:** ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
• **Calendar Put Spread:** ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะคงที่หรือลดลงเล็กน้อย

1. 1. 1. ทำไมต้องใช้ Calendar Spread?

กลยุทธ์นี้มีประโยชน์หลายประการ:

• **ลดต้นทุน:** การขายออปชั่นระยะสั้นช่วยลดต้นทุนในการซื้อออปชั่นระยะยาว
• **สร้างรายได้:** หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ขายออปชั่นระยะสั้นจะได้รับกำไรจากค่าพรีเมียม
• **ควบคุมความเสี่ยง:** กลยุทธ์นี้ช่วยจำกัดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการซื้อออปชั่นเพียงอย่างเดียว
• **ใช้ประโยชน์จาก Time Decay (Theta):** ออปชั่นระยะสั้นจะสูญเสียมูลค่าเร็วกว่าออปชั่นระยะยาวเมื่อใกล้ถึงวันหมดอายุ (Time Decay) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ขายออปชั่นระยะสั้น

1. 1. 1. การนำ Calendar Spread ไปใช้กับไบนารี่ออปชั่น

การนำ Calendar Spread ไปใช้กับไบนารี่ออปชั่นนั้นมีความท้าทาย เนื่องจากไบนารี่ออปชั่นส่วนใหญ่มีระยะเวลาหมดอายุที่สั้นกว่าออปชั่นแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม หากแพลตฟอร์มไบนารี่ออปชั่นของคุณรองรับออปชั่นที่มีวันหมดอายุหลายวัน คุณสามารถใช้หลักการของ Calendar Spread ได้ โดย:

1. **เลือกสินทรัพย์อ้างอิง:** เลือกสินทรัพย์ที่คุณมีความเข้าใจและคาดการณ์แนวโน้มได้ 2. **เลือกราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** เลือกราคาที่ใกล้เคียงกับราคาปัจจุบันของสินทรัพย์ 3. **ซื้อออปชั่นระยะยาว:** ซื้อไบนารี่ออปชั่นที่มีวันหมดอายุยาวนานกว่า (เช่น 1 สัปดาห์) 4. **ขายออปชั่นระยะสั้น:** ขายไบนารี่ออปชั่นที่มีวันหมดอายุสั้นกว่า (เช่น 1 วัน) ที่ราคาใช้สิทธิเดียวกัน 5. **บริหารความเสี่ยง:** กำหนดขนาดของการเทรดให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ และใช้คำสั่ง Stop-Loss หากจำเป็น

1. 1. 1. การวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลตอบแทน

การวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะใช้กลยุทธ์ Calendar Spread:

• • ความเสี่ยง:**

• **ราคาเคลื่อนไหวรุนแรง:** หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้
• **Time Decay:** แม้ว่า Time Decay จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ขายออปชั่นระยะสั้น แต่หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ Time Decay อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้
• **ค่าคอมมิชชั่น:** ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อและขายออปชั่นอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรโดยรวม

• • ผลตอบแทน:**

• **กำไรสูงสุด:** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงเวลาสั้นๆ
• **จุดคุ้มทุน:** ขึ้นอยู่กับค่าพรีเมียมที่จ่ายและได้รับในการซื้อและขายออปชั่น
• **การจำกัดความเสี่ยง:** กลยุทธ์นี้ช่วยจำกัดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการซื้อออปชั่นเพียงอย่างเดียว

1. 1. 1. ตัวอย่างการคำนวณผลตอบแทน (โดยประมาณ)

สมมติว่า:

• ซื้อ Call Option ระยะยาว (1 สัปดาห์) ราคาพรีเมียม 20 บาท
• ขาย Call Option ระยะสั้น (1 วัน) ราคาพรีเมียม 10 บาท
• ต้นทุนสุทธิ: 10 บาท (20 - 10)

• • สถานการณ์ 1: ราคาหุ้น XYZ ไม่เปลี่ยนแปลง**

• ออปชั่นระยะสั้นหมดอายุไร้ค่า (Out of the Money)
• ออปชั่นระยะยาวยังคงมีมูลค่า
• กำไร: ประมาณ 10 บาท (ค่าพรีเมียมที่ได้รับ)

• • สถานการณ์ 2: ราคาหุ้น XYZ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ**

• ออปชั่นระยะสั้นมีกำไร
• ออปชั่นระยะยาวมีกำไรมากขึ้น
• กำไรโดยรวม: ขึ้นอยู่กับระดับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น

• • สถานการณ์ 3: ราคาหุ้น XYZ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ**

• ออปชั่นระยะสั้นหมดอายุไร้ค่า (Out of the Money)
• ออปชั่นระยะยาวอาจขาดทุน
• ขาดทุนโดยรวม: จำกัดอยู่ที่ต้นทุนสุทธิ (10 บาท)

1. 1. 1. การใช้ Indicator และการวิเคราะห์ทางเทคนิค

เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์ Calendar Spread ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและ Indicator ต่างๆ:

• **Support and Resistance:** ระบุระดับแนวรับและแนวต้านเพื่อคาดการณ์ขอบเขตการเคลื่อนไหวของราคา
• **Moving Averages:** วิเคราะห์แนวโน้มของราคาและจุดตัดของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
• **Bollinger Bands:** ประเมินความผันผวนของราคาและระบุช่วงราคาที่อาจเกิดขึ้น
• **Relative Strength Index (RSI):** วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมของราคา

นอกจากนี้ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุสัญญาณการกลับตัว

1. 1. 1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

• **Straddle:** ซื้อทั้ง Call และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง
• **Strangle:** ซื้อ Call และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิแตกต่างกัน แต่มีวันหมดอายุเดียวกัน ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง
• **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่ซับซ้อนขึ้นที่รวมการขาย Call และ Put Option ระยะสั้น และซื้อ Call และ Put Option ระยะยาว ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด
• **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความคาดหวังว่าราคาจะคงที่หรือเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบ
• **Covered Call:** ขาย Call Option บนหุ้นที่คุณถืออยู่แล้ว ใช้เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม

1. 1. 1. ข้อควรระวัง

• **ความซับซ้อน:** Calendar Spread เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและต้องมีความเข้าใจในออปชั่นอย่างละเอียด
• **การบริหารความเสี่ยง:** การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดออปชั่นทุกประเภท
• **ค่าธรรมเนียม:** พิจารณาค่าธรรมเนียมในการซื้อขายออปชั่น
• **สภาพคล่อง:** ตรวจสอบสภาพคล่องของออปชั่นก่อนทำการเทรด

1. 1. 1. สรุป

กลยุทธ์ Calendar Spread เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในออปชั่นที่มีวันหมดอายุต่างกัน การทำความเข้าใจหลักการทำงาน ความเสี่ยง และผลตอบแทนของกลยุทธ์นี้ รวมถึงการใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและ Indicator ต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

ตัวอย่างเปรียบเทียบกลยุทธ์

กลยุทธ์	คำอธิบาย	ระดับความเสี่ยง	ระดับความซับซ้อน
Calendar Spread	ซื้อออปชั่นระยะยาว, ขายออปชั่นระยะสั้น	ปานกลาง	ปานกลาง-สูง
Straddle	ซื้อ Call และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน	สูง	ปานกลาง
Strangle	ซื้อ Call และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิแตกต่างกัน	สูง	ปานกลาง
Iron Condor	ซับซ้อน, ขายออปชั่นระยะสั้น, ซื้อออปชั่นระยะยาว	ต่ำ-ปานกลาง	สูง
Butterfly Spread	ใช้ประโยชน์จากความคาดหวังว่าราคาจะคงที่	ต่ำ-ปานกลาง	สูง

การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การบริหารความเสี่ยง ไบนารี่ออปชั่น ออปชั่น ราคาใช้สิทธิ วันหมดอายุ Time Decay Volatility Theta Delta Gamma Vega Straddle Strategy Strangle Strategy Iron Condor Strategy Butterfly Spread Strategy Covered Call Strategy แนวรับแนวต้าน Moving Average Bollinger Bands RSI MACD Volume Analysis (Category:Options Strategies)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น