กลยุทธ์ butterfly

1. 1. กลยุทธ์ Butterfly ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

กลยุทธ์ Butterfly เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่ซับซ้อนกว่า แต่ก็มีศักยภาพในการทำกำไรที่น่าสนใจหากเข้าใจและนำไปใช้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์ Butterfly อย่างละเอียด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ๆ ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น เราจะครอบคลุมถึงหลักการทำงาน, การสร้างสถานะ, การจัดการความเสี่ยง, และตัวอย่างการใช้งานจริง รวมถึงข้อดีข้อเสียของกลยุทธ์นี้

1. 1. 1. บทนำสู่กลยุทธ์ Butterfly

กลยุทธ์ Butterfly เป็นกลยุทธ์แบบ Neutral ซึ่งหมายความว่ากลยุทธ์นี้ทำกำไรได้ดีที่สุดเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หรือเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ชื่อ “Butterfly” มาจากรูปแบบกราฟที่คล้ายกับปีกผีเสื้อเมื่อวาดกราฟกำไร/ขาดทุน (Profit/Loss graph) กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเปิดสถานะหลายรายการพร้อมกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงและจำกัดผลกำไรสูงสุดที่อาจได้รับ

1. 1. 1. หลักการทำงานของกลยุทธ์ Butterfly

กลยุทธ์ Butterfly ประกอบด้วยการซื้อและขายไบนารี่ออปชั่นหลายรายการที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ที่แตกต่างกันสามระดับ โดยมีราคาใช้สิทธิระดับกลางเป็นจุดที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ใกล้ที่สุดในวันหมดอายุ (Expiration Date) โดยปกติแล้ว กลยุทธ์นี้จะใช้ไบนารี่ออปชั่นที่มีวันหมดอายุที่สั้น (เช่น 5 นาที, 15 นาที, หรือ 30 นาที) เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด

1. 1. 1. การสร้างสถานะ Butterfly

กลยุทธ์ Butterfly สามารถสร้างได้หลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่พบบ่อยที่สุดคือ Long Butterfly ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้:

1. **ซื้อ (Buy)** ไบนารี่ออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิที่ต่ำที่สุด (K1) 2. **ขาย (Sell)** ไบนารี่ออปชั่น Call สองรายการที่ราคาใช้สิทธิระดับกลาง (K2) 3. **ซื้อ (Buy)** ไบนารี่ออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิที่สูงที่สุด (K3)

โดยที่ K1 < K2 < K3 และระยะห่างระหว่าง K1 กับ K2 เท่ากับระยะห่างระหว่าง K2 กับ K3 (เช่น K2 = (K1 + K3) / 2)

• • ตัวอย่าง:**

สมมติว่าเราคาดการณ์ว่าราคาของทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ในช่วง 15 นาทีข้างหน้า เราสามารถสร้างสถานะ Butterfly ได้ดังนี้:

• ซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ 1800 ดอลลาร์สหรัฐฯ (K1)
• ขาย Call Option สองรายการที่ราคาใช้สิทธิ 1805 ดอลลาร์สหรัฐฯ (K2)
• ซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ 1810 ดอลลาร์สหรัฐฯ (K3)

1. 1. 1. การคำนวณต้นทุนและผลกำไร

การคำนวณต้นทุนและผลกำไรของกลยุทธ์ Butterfly ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับต้นทุนการซื้อออปชั่นและรายได้จากการขายออปชั่น

• **ต้นทุนสุทธิ:** ต้นทุนในการซื้อออปชั่นลบด้วยรายได้จากการขายออปชั่น
• **ผลกำไรสูงสุด:** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ที่ราคาใช้สิทธิระดับกลาง (K2) ในวันหมดอายุ
• **จุดคุ้มทุน:** มีสองจุดคุ้มทุน ซึ่งคำนวณจากราคาใช้สิทธิและต้นทุนสุทธิ

ตัวอย่างการคำนวณต้นทุนและผลกำไร

Header 2 | Header 3 |
**ราคาต่อหน่วย** | **จำนวน** |	50 บาท | 1 |	30 บาท | 2 |	20 บาท | 1 |	| **20 บาท** (50 - (30*2) + 20) |	| **80 บาท** (เมื่อราคาอยู่ที่ 1805) |	| **1780 บาท** |	| **1820 บาท** |

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยงในกลยุทธ์ Butterfly

แม้ว่ากลยุทธ์ Butterfly จะช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจัดการ:

• **ความผันผวนของตลาด:** หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง กลยุทธ์ Butterfly อาจขาดทุนได้
• **ค่าคอมมิชชั่น:** ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นหลายรายการอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรโดยรวม
• **การเลือกราคาใช้สิทธิ:** การเลือกราคาใช้สิทธิที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้กลยุทธ์ไม่มีประสิทธิภาพ

• • แนวทางการจัดการความเสี่ยง:**

• **ขนาดของ Position:** กำหนดขนาดของ Position ให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• **Stop-Loss:** พิจารณาใช้ Stop-Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนหากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่คาดคิด
• **การเลือกสินทรัพย์:** เลือกสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ และมีความเสี่ยงที่คาดการณ์ได้
• **ติดตามตลาด:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง

1. 1. 1. ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Butterfly

• • ข้อดี:**

• **ความเสี่ยงจำกัด:** กลยุทธ์ Butterfly ช่วยจำกัดความเสี่ยงสูงสุดที่อาจเกิดขึ้น
• **ทำกำไรในตลาด Sideways:** เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ตลาดไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
• **ปรับเปลี่ยนได้:** สามารถปรับเปลี่ยนราคาใช้สิทธิและจำนวนออปชั่นเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์

• • ข้อเสีย:**

• **ผลกำไรจำกัด:** ผลกำไรสูงสุดที่อาจได้รับถูกจำกัด
• **ความซับซ้อน:** กลยุทธ์ Butterfly ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้ความเข้าใจในการซื้อขายออปชั่น
• **ต้องใช้เงินทุน:** การสร้างสถานะ Butterfly ต้องใช้เงินทุนในการซื้อและขายออปชั่นหลายรายการ

1. 1. 1. ตัวอย่างการใช้งานจริง

สมมติว่าคุณสังเกตเห็นว่าดัชนี S&P 500 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ในช่วงเช้า คุณคาดการณ์ว่าดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนี้ต่อไปอีก 30 นาที คุณสามารถใช้กลยุทธ์ Butterfly เพื่อทำกำไรจากการคาดการณ์นี้:

1. ซื้อ Call Option ที่ราคา 4500 (K1) ด้วยราคา 40 บาท 2. ขาย Call Option สองรายการที่ราคา 4505 (K2) ด้วยราคา 25 บาทต่อรายการ 3. ซื้อ Call Option ที่ราคา 4510 (K3) ด้วยราคา 15 บาท

ต้นทุนสุทธิ: 40 - (25 * 2) + 15 = 15 บาท

หากดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 4505 ในวันหมดอายุ คุณจะได้รับผลกำไรสูงสุด (คำนวณจากผลต่างของราคาออปชั่น)

1. 1. 1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

• Iron Butterfly: กลยุทธ์ที่คล้ายกับ Butterfly แต่ใช้ทั้ง Call และ Put Options
• Broken Wing Butterfly: รูปแบบของ Butterfly ที่มีความเสี่ยงและผลกำไรที่แตกต่างกัน
• Condor: กลยุทธ์ที่คล้ายกับ Butterfly แต่มีราคาใช้สิทธิมากกว่า
• Straddle: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
• Strangle: คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน
• Covered Call: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อถือครองสินทรัพย์อ้างอิง
• Protective Put: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคา
• Vertical Spread: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ทิศทางของราคา
• Calendar Spread: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ความผันผวนของตลาด
• Ratio Spread: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างราคา
• Risk Reversal: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อปรับเปลี่ยนความเสี่ยง
• Collar: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อจำกัดความเสี่ยงและผลกำไร
• Delta Hedging: เทคนิคการป้องกันความเสี่ยง
• Volatility Trading: การเทรดโดยใช้ความผันผวนของตลาด
• Mean Reversion: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

การใช้กลยุทธ์ Butterfly อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร:

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือ เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD, และ Bollinger Bands เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน
• **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:** พิจารณาข่าวสารและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
• **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** สังเกตปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและสัญญาณ

1. 1. 1. สรุป

กลยุทธ์ Butterfly เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้เทรดไบนารี่ออปชั่นที่ต้องการทำกำไรในตลาด Sideways การทำความเข้าใจหลักการทำงาน, การสร้างสถานะ, การจัดการความเสี่ยง, และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ได้อย่างประสบความสำเร็จ อย่าลืมว่าการฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการเทรดของคุณ

การบริหารเงินทุน (Money Management) | จิตวิทยาการเทรด (Trading Psychology) | การเลือกโบรกเกอร์ (Broker Selection) (Category:Trading Strategies)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น