Iron Butterfly

1. Iron Butterfly

Iron Butterfly เป็นกลยุทธ์การซื้อขายออปชั่นที่เป็นกลาง (Neutral Strategy) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำกำไรเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ในช่วงเวลาที่เหลือของสัญญา กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาจะคงที่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของกลยุทธ์ Iron Butterfly รวมถึงวิธีการสร้าง การจัดการความเสี่ยง และข้อดีข้อเสียต่างๆ

แนวคิดพื้นฐาน

Iron Butterfly ประกอบด้วยการรวมกันของกลยุทธ์ Short Strangle และ Long Butterfly โดยประกอบด้วย 4 สัญญาออปชั่น ดังนี้:

ขาย (Sell) Call Option ที่ราคา Strike สูง (High Strike Call)
ซื้อ (Buy) Call Option ที่ราคา Strike สูงกว่า (Higher Strike Call)
ขาย (Sell) Put Option ที่ราคา Strike ต่ำ (Low Strike Put)
ซื้อ (Buy) Put Option ที่ราคา Strike ต่ำกว่า (Lower Strike Put)

ราคา Strike ทั้งสี่ราคาจะต้องมีระยะห่างเท่ากัน โดยราคา Strike กลาง (Mid Strike) มักจะใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง

การสร้าง Iron Butterfly

ขั้นตอนการสร้าง Iron Butterfly มีดังนี้:

1. **เลือกสินทรัพย์อ้างอิง:** เลือกสินทรัพย์ที่คุณคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ 2. **เลือกวันหมดอายุ (Expiration Date):** เลือกวันหมดอายุที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่คุณคาดการณ์ 3. **กำหนดราคา Strike:** กำหนดราคา Strike ทั้งสี่ราคา โดยให้มีระยะห่างเท่ากัน และให้ราคา Strike กลางใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน 4. **ดำเนินการซื้อขาย:**

   *   ขาย Call Option ที่ราคา Strike สูง
   *   ซื้อ Call Option ที่ราคา Strike สูงกว่า
   *   ขาย Put Option ที่ราคา Strike ต่ำ
   *   ซื้อ Put Option ที่ราคา Strike ต่ำกว่า

ตัวอย่างการซื้อขาย

สมมติว่าหุ้น XYZ ซื้อขายที่ราคา 50 บาท คุณคาดว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ในอีก 30 วันข้างหน้า คุณจึงตัดสินใจสร้าง Iron Butterfly ด้วยราคา Strike ดังนี้:

ขาย Call Option ที่ Strike 55 บาท ได้รับ Premium 1 บาทต่อหุ้น
ซื้อ Call Option ที่ Strike 60 บาท จ่าย Premium 0.50 บาทต่อหุ้น
ขาย Put Option ที่ Strike 45 บาท ได้รับ Premium 1 บาทต่อหุ้น
ซื้อ Put Option ที่ Strike 40 บาท จ่าย Premium 0.50 บาทต่อหุ้น

ค่าใช้จ่ายสุทธิ (Net Debit) ในการสร้าง Iron Butterfly คือ (0.50 + 0.50) – (1 + 1) = -1 บาทต่อหุ้น

การทำกำไรและขาดทุน

**กำไรสูงสุด:** กำไรสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้น XYZ อยู่ที่ราคา Strike กลาง (50 บาท) ณ วันหมดอายุ โดยกำไรสูงสุดเท่ากับ ค่าใช้จ่ายสุทธิ (Net Debit) ซึ่งในตัวอย่างนี้คือ 1 บาทต่อหุ้น
**ขาดทุนสูงสุด:** ขาดทุนสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้น XYZ อยู่เหนือราคา Strike สูง (55 บาท) หรือต่ำกว่าราคา Strike ต่ำ (45 บาท) ณ วันหมดอายุ โดยขาดทุนสูงสุดจะจำกัดอยู่ที่ความแตกต่างระหว่างราคา Strike และค่าใช้จ่ายสุทธิ (Net Debit) ในตัวอย่างนี้คือ (55-50) - 1 = 4 บาทต่อหุ้น หรือ (50-45) - 1 = 4 บาทต่อหุ้น
**จุดคุ้มทุน:** มีสองจุดคุ้มทุน ได้แก่ ราคา Strike ต่ำ บวกค่าใช้จ่ายสุทธิ (45 + 1 = 46 บาท) และราคา Strike สูง ลบค่าใช้จ่ายสุทธิ (55 - 1 = 54 บาท)

การจัดการความเสี่ยง

**ปรับปรุง (Adjusting):** หากราคาหุ้น XYZ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเข้าใกล้ราคา Strike สูงหรือต่ำ คุณอาจต้องปรับปรุงกลยุทธ์โดยการ Roll ออปชั่น (เลื่อนวันหมดอายุ) หรือ Close Position (ปิดสถานะ) เพื่อจำกัดความเสี่ยง
**Early Assignment (การใช้สิทธิก่อนกำหนด):** แม้จะไม่บ่อยนัก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกใช้สิทธิก่อนกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากออปชั่นอยู่ใน In-the-Money (มีมูลค่า) คุณควรเตรียมพร้อมที่จะตอบสนองต่อการใช้สิทธิก่อนกำหนด
**Position Sizing (ขนาดสถานะ):** กำหนดขนาดสถานะที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความสูญเสียได้

ข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีและข้อเสียของ Iron Butterfly
ข้อเสีย\|	ขาดทุนสูงสุดจำกัด แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ \|	ต้องมีการติดตามและปรับปรุงสถานะอย่างสม่ำเสมอ \|	ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายออปชั่น 4 สัญญา \|	ต้องมีความเข้าใจในออปชั่นและกลยุทธ์การซื้อขาย \|

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

Short Strangle: กลยุทธ์ที่คล้ายกัน แต่ไม่มีการซื้อออปชั่นเพื่อจำกัดความเสี่ยง
Long Butterfly: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อทำกำไรจากราคาที่คงที่
Long Straddle: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา
Short Straddle: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดว่าราคาจะไม่ผันผวน
Covered Call: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมจากหุ้นที่ถืออยู่
Protective Put: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคาหุ้น
Calendar Spread: กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของวันหมดอายุ
Diagonal Spread: กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคา Strike และวันหมดอายุ
Collar: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น
Ratio Spread: กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่มีความเสี่ยงสูงกว่า

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย สามารถช่วยในการตัดสินใจสร้าง Iron Butterfly ได้ ตัวอย่างเช่น:

**การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):** หากแนวโน้มเป็น Sideways หรืออยู่ใน Range-Bound Iron Butterfly จะมีโอกาสทำกำไรสูง
**การวิเคราะห์ความผันผวน (Volatility Analysis):** Iron Butterfly เหมาะสำหรับตลาดที่มีความผันผวนต่ำ
**การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำบ่งบอกถึงความผันผวนที่ต่ำ ซึ่งเหมาะสำหรับ Iron Butterfly
**การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators):** ตัวชี้วัด เช่น Moving Average, Relative Strength Index (RSI), และ Bollinger Bands สามารถช่วยในการระบุช่วงราคาที่เหมาะสม

แนวโน้มตลาดและปัจจัยภายนอก

การพิจารณา แนวโน้มตลาด และ ปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจสร้าง Iron Butterfly ตัวอย่างเช่น หากมีข่าวดีเกี่ยวกับบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ อาจทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อกำไรของ Iron Butterfly

การใช้ Binary Options ร่วมกับ Iron Butterfly

แม้ว่า Iron Butterfly เป็นกลยุทธ์ออปชั่นดั้งเดิม แต่การทำความเข้าใจ Binary Options สามารถช่วยในการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนได้ การเปรียบเทียบผลตอบแทนที่คาดหวังจาก Iron Butterfly กับ Binary Options สามารถช่วยในการตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้

การจัดการเงินทุน (Money Management)

การจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขาย Iron Butterfly กำหนดขนาดสถานะที่เหมาะสม และใช้ Stop-Loss Order เพื่อจำกัดความเสี่ยง

สรุป

Iron Butterfly เป็นกลยุทธ์การซื้อขายออปชั่นที่เป็นกลางที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงจำกัด แต่ต้องการความเข้าใจในการซื้อขายออปชั่น และการติดตามสถานะอย่างสม่ำเสมอ การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค, การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย, และการจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากกลยุทธ์นี้

การซื้อขายออปชั่น กลยุทธ์การซื้อขาย การลงทุน การบริหารความเสี่ยง ตลาดทุน การวางแผนทางการเงิน การวิเคราะห์ตลาด การตัดสินใจลงทุน การจัดการพอร์ตโฟลิโอ การสร้างรายได้ การลดความเสี่ยง การเพิ่มผลตอบแทน การลงทุนระยะสั้น การลงทุนระยะยาว (Category:Options Strategies)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น