กลยุทธ์ Option Trading
- กลยุทธ์ Option Trading สำหรับผู้เริ่มต้น
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ กลยุทธ์ Option Trading สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นลงทุนในตลาดออปชั่น โดยจะครอบคลุมตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน ประเภทของออปชั่น กลยุทธ์ที่นิยมใช้ และข้อควรระวังในการลงทุน
ออปชั่นคืออะไร?
ออปชั่น (Options) เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ (แต่ไม่บังคับ) แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Expiration Date) ออปชั่นแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักคือ:
- Call Option – สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิง
- Put Option – สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิง
ผู้ขายออปชั่น (Option Writer) จะได้รับค่าพรีเมียม (Premium) จากผู้ซื้อออปชั่น (Option Buyer) เป็นค่าตอบแทนสำหรับความเสี่ยงที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาหากผู้ซื้อใช้สิทธิ
แนวคิดพื้นฐานที่ควรรู้
ก่อนที่จะเข้าสู่กลยุทธ์ต่างๆ ควรทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานเหล่านี้:
- In the Money (ITM) – ออปชั่นที่ทำกำไรได้ทันทีหากใช้สิทธิ
- At the Money (ATM) – ออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง
- Out of the Money (OTM) – ออปชั่นที่ยังไม่ทำกำไรหากใช้สิทธิ
- Volatility – ความผันผวนของราคาของสินทรัพย์อ้างอิง มีผลต่อราคาออปชั่นอย่างมาก (การวัดความผันผวน)
- Time Decay (Theta) – การลดลงของมูลค่าออปชั่นเมื่อใกล้ถึงวันหมดอายุ (Theta)
- Intrinsic Value – มูลค่าที่แท้จริงของออปชั่นหากใช้สิทธิในทันที
- Extrinsic Value – มูลค่าส่วนเกินของออปชั่นนอกเหนือจาก Intrinsic Value ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น เวลาที่เหลืออยู่ และความผันผวน
กลยุทธ์ Option Trading สำหรับผู้เริ่มต้น
มีกลยุทธ์ออปชั่นมากมายที่นักลงทุนสามารถใช้ได้ แต่สำหรับผู้เริ่มต้น เราจะเน้นไปที่กลยุทธ์พื้นฐานที่เข้าใจง่ายและมีความเสี่ยงที่จัดการได้
1. Covered Call – กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสินทรัพย์อ้างอิงอยู่แล้ว โดยขาย Call Option เพื่อรับค่าพรีเมียม กลยุทธ์นี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนเล็กน้อย แต่จำกัดกำไรสูงสุดที่อาจได้รับ (Covered Call Strategy)
2. Protective Put – กลยุทธ์นี้ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลงของสินทรัพย์อ้างอิง โดยซื้อ Put Option พร้อมกับการถือครองสินทรัพย์อ้างอิงไว้ กลยุทธ์นี้จำกัดผลขาดทุนสูงสุดที่อาจเกิดขึ้น (Protective Put Strategy)
3. Long Call – กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัวสูงขึ้น โดยซื้อ Call Option กลยุทธ์นี้มีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน (Long Call Strategy)
4. Long Put – กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัวลดลง โดยซื้อ Put Option กลยุทธ์นี้มีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน (Long Put Strategy)
5. Short Call – กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก โดยขาย Call Option กลยุทธ์นี้มีจำกัดความเสี่ยง แต่จำกัดกำไรสูงสุดที่อาจได้รับ (Short Call Strategy)
6. Short Put – กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่ปรับตัวลดลงมากนัก โดยขาย Put Option กลยุทธ์นี้มีจำกัดความเสี่ยง แต่จำกัดกำไรสูงสุดที่อาจได้รับ (Short Put Strategy)
กลยุทธ์ขั้นสูง (สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์)
เมื่อมีความเข้าใจในกลยุทธ์พื้นฐานแล้ว นักลงทุนสามารถศึกษาและใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ เช่น:
- Straddle – ซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะผันผวนอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง (Straddle Strategy)
- Strangle – ซื้อ Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิแตกต่างกัน ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะผันผวนอย่างมาก แต่ต้องการค่าพรีเมียมที่ถูกกว่า Straddle (Strangle Strategy)
- Butterfly Spread – กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความคาดหวังว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ (Butterfly Spread)
- Condor Spread – คล้ายกับ Butterfly Spread แต่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน (Condor Spread)
- Iron Condor – กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความคาดหวังว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ และมีความเสี่ยงจำกัด (Iron Condor Strategy)
การวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจ
การตัดสินใจลงทุนในออปชั่นควรพิจารณาจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ดังนี้:
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) – ศึกษา รูปแบบกราฟ (Chart Patterns), ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เช่น Moving Average, MACD, RSI เพื่อประเมินแนวโน้มของราคา (การวิเคราะห์ทางเทคนิค)
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) – ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจ, ข่าวสาร, และผลประกอบการของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์อ้างอิง (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน)
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) – ศึกษาปริมาณการซื้อขายเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม (การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย)
- Implied Volatility – พิจารณาความผันผวนที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งมีผลต่อราคาออปชั่น (Implied Volatility)
- Greeks – ทำความเข้าใจและใช้ค่า Greeks (Delta, Gamma, Theta, Vega, Rho) เพื่อวัดความเสี่ยงและผลตอบแทนของออปชั่น (Option Greeks)
ข้อควรระวังในการลงทุนในออปชั่น
- ความเสี่ยงสูง – ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- Time Decay – มูลค่าของออปชั่นจะลดลงเมื่อใกล้ถึงวันหมดอายุ
- Leverage – ออปชั่นมีลักษณะ Leverage ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนและผลขาดทุนสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
- Liquidity – ออปชั่นบางตัวอาจมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้ยากต่อการซื้อขาย
- ค่าธรรมเนียม – การซื้อขายออปชั่นมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องพิจารณา
| กลยุทธ์ | ความคาดหวัง | ความเสี่ยง | ผลตอบแทน |
|---|---|---|---|
| Covered Call | ราคาคงที่ หรือขึ้นเล็กน้อย | จำกัดกำไร | รับค่าพรีเมียม |
| Protective Put | ราคาลดลง | จำกัดผลขาดทุน | ค่าพรีเมียม |
| Long Call | ราคาขึ้น | สูง | ไม่จำกัด |
| Long Put | ราคาลง | สูง | ไม่จำกัด |
| Short Call | ราคาไม่ขึ้น | จำกัดความเสี่ยง | ค่าพรีเมียม |
| Short Put | ราคาไม่ลง | จำกัดความเสี่ยง | ค่าพรีเมียม |
การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลงทุนออปชั่น ควรใช้เทคนิคต่างๆ เช่น:
- Position Sizing – กำหนดขนาดของ Position ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้
- Stop-Loss Order – ตั้ง Stop-Loss Order เพื่อจำกัดผลขาดทุน
- Diversification – กระจายการลงทุนในออปชั่นหลายตัว
- Hedging – ใช้กลยุทธ์ Hedging เพื่อลดความเสี่ยง
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
การลงทุนในออปชั่นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้ความรู้ความเข้าใจอย่างมาก ผู้เริ่มต้นควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและฝึกฝนด้วยบัญชีจำลอง (Demo Account) ก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็เป็นทางเลือกที่ดีเพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุน
การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น การวิเคราะห์ตลาด การบริหารเงินทุน การสร้างรายได้จากออปชั่น การลงทุนระยะสั้น การลงทุนระยะยาว ความรู้พื้นฐานด้านการเงิน ตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนในต่างประเทศ การวางแผนการเงิน การลดความเสี่ยงทางการเงิน การเลือกโบรกเกอร์ออปชั่น การทำความเข้าใจสัญญาออปชั่น การติดตามข่าวสารทางการเงิน การใช้โปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิค การประเมินความเสี่ยง (Category:Options)
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
