ทฤษฎี Elliott Wave

1. 1. ทฤษฎี Elliott Wave สำหรับผู้เริ่มต้นในไบนารี่ออปชั่น

บทนำ

ทฤษฎี Elliott Wave เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Ralph Nelson Elliott ในทศวรรษที่ 1930 ทฤษฎีนี้อ้างว่าราคาในตลาดการเงินเคลื่อนไหวในรูปแบบที่สามารถคาดการณ์ได้ โดยเป็นชุดของคลื่น (Waves) ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กัน การทำความเข้าใจทฤษฎี Elliott Wave สามารถช่วยเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) ในการระบุโอกาสในการเทรดและจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานของทฤษฎี Elliott Wave อย่างละเอียด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่สนใจศึกษาทฤษฎีนี้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรด

หลักการพื้นฐานของทฤษฎี Elliott Wave

Elliott สังเกตว่าการเคลื่อนไหวของราคาไม่ได้เป็นไปอย่างสุ่ม แต่มีรูปแบบที่ชัดเจนซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นคลื่นได้ เขาพบว่าราคาเคลื่อนไหวในรูปแบบของคลื่น 5 คลื่นในทิศทางของแนวโน้มหลัก (Impulse Waves) และตามด้วยคลื่น 3 คลื่นในการปรับฐาน (Corrective Waves) รูปแบบนี้เรียกว่า "5-3 Cycle"

• **Impulse Waves (คลื่นกระตุ้น)**: เป็นคลื่นที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก ประกอบด้วย 5 คลื่นย่อย ซึ่งมีลำดับดังนี้:

   *   คลื่นที่ 1: เป็นคลื่นเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ มักจะเริ่มต้นด้วยปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) ที่ต่ำ
   *   คลื่นที่ 2: เป็นคลื่นปรับฐานของคลื่นที่ 1 มักจะไม่เกิน 61.8% ของคลื่นที่ 1
   *   คลื่นที่ 3: เป็นคลื่นที่ยาวและแรงที่สุด มักจะเกิน 161.8% ของคลื่นที่ 1 และมีปริมาณการซื้อขายที่สูง
   *   คลื่นที่ 4: เป็นคลื่นปรับฐานของคลื่นที่ 3 มักจะไม่ทับซ้อนกับคลื่นที่ 1
   *   คลื่นที่ 5: เป็นคลื่นสุดท้ายของแนวโน้ม มักจะมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลง

• **Corrective Waves (คลื่นปรับฐาน)**: เป็นคลื่นที่เคลื่อนที่สวนทางกับแนวโน้มหลัก ประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย ซึ่งมีลำดับดังนี้:

   *   คลื่น A: เป็นคลื่นปรับฐานแรก มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
   *   คลื่น B: เป็นคลื่นที่ปรับฐานคลื่น A มักจะส่งสัญญาณหลอกให้คิดว่าแนวโน้มหลักได้กลับมา
   *   คลื่น C: เป็นคลื่นปรับฐานสุดท้าย มักจะยาวและแรงที่สุด

กฎและแนวทางของ Elliott Wave

เพื่อให้การวิเคราะห์ Elliott Wave มีความแม่นยำมากขึ้น มีกฎและแนวทางที่ควรพิจารณา:

• **กฎที่ 1:** คลื่นที่ 3 ไม่ควรเป็นคลื่นที่สั้นที่สุดในบรรดาคลื่น Impulse Waves ทั้ง 5 คลื่น
• **กฎที่ 2:** คลื่นที่ 4 ไม่ควรทับซ้อนกับพื้นที่ของคลื่นที่ 1 ยกเว้นในรูปแบบ Triangular Correction
• **กฎที่ 3:** คลื่นที่ 2 ไม่ควรย้อนกลับเกิน 100% ของคลื่นที่ 1
• **แนวทาง Fibonacci:** Elliott ใช้เลข Fibonacci ในการประมาณความยาวของคลื่นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราส่วน 61.8% และ 161.8% ซึ่งมักจะใช้ในการคาดการณ์จุดสิ้นสุดของคลื่น
• **แนวทาง Alternation:** คลื่น Corrective มักจะสลับรูปแบบกัน เช่น หากคลื่น A เป็นรูปแบบ Sharp Correction คลื่น C ก็มักจะเป็นรูปแบบ Flat Correction หรือ Zigzag

รูปแบบของ Corrective Waves

คลื่น Corrective มีหลายรูปแบบ ซึ่งเทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจ:

• **Zigzag:** เป็นรูปแบบที่ชัดเจนและรวดเร็ว ประกอบด้วยคลื่น A, B, และ C ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
• **Flat:** เป็นรูปแบบที่ซับซ้อนกว่า Zigzag คลื่น B มักจะย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของคลื่น A
• **Triangle:** เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นเมื่อคลื่น Corrective เกิดขึ้นในลักษณะสามเหลี่ยม ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในคลื่นที่ 4 หรือคลื่น B

การนำทฤษฎี Elliott Wave ไปใช้ในไบนารี่ออปชั่น

เทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นสามารถนำทฤษฎี Elliott Wave ไปใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจเทรดได้ดังนี้:

• **ระบุแนวโน้มหลัก:** ใช้ Elliott Wave ในการระบุแนวโน้มหลักของสินทรัพย์ที่ต้องการเทรด
• **คาดการณ์จุดสิ้นสุดของคลื่น:** ใช้ Fibonacci Ratios ในการคาดการณ์จุดสิ้นสุดของคลื่นต่างๆ เพื่อกำหนดจุดเข้าและออกของการเทรด
• **ยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมืออื่นๆ:** ใช้ Elliott Wave ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), และ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณ
• **จัดการความเสี่ยง:** กำหนดจุด Stop-Loss (จุดตัดขาดทุน) และ Take-Profit (จุดทำกำไร) ตามการคาดการณ์ของ Elliott Wave

ตัวอย่างการวิเคราะห์ Elliott Wave

สมมติว่าเรากำลังวิเคราะห์กราฟราคาของหุ้น XYZ และพบว่าราคาเคลื่อนไหวในรูปแบบของ 5 คลื่น Impulse Waves ที่ชัดเจน ตามด้วย 3 คลื่น Corrective Waves เราสามารถสรุปได้ว่าหุ้น XYZ กำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) และคาดการณ์ว่าคลื่นต่อไปจะเป็นคลื่น Impulse Wave ที่ 5 ซึ่งจะนำราคาขึ้นไปสูงขึ้น

ตัวอย่างการวิเคราะห์ Elliott Wave

คลื่น	คำอธิบาย	การประยุกต์ใช้ใน Binary Options
คลื่น 1	คลื่นเริ่มต้นของแนวโน้ม	รอสัญญาณยืนยันก่อนเข้าเทรด
คลื่น 2	คลื่นปรับฐานของคลื่น 1	พิจารณาเปิด Position Call เมื่อสิ้นสุดคลื่น 2
คลื่น 3	คลื่นที่ยาวและแรงที่สุด	เปิด Position Call เมื่อเริ่มต้นคลื่น 3
คลื่น 4	คลื่นปรับฐานของคลื่น 3	ระมัดระวังการปรับฐานที่รุนแรง
คลื่น 5	คลื่นสุดท้ายของแนวโน้ม	พิจารณาปิด Position หรือเปิด Position Put
คลื่น A	คลื่นปรับฐานแรก	รอสัญญาณยืนยันก่อนเข้าเทรด
คลื่น B	คลื่นที่ปรับฐานคลื่น A	ระมัดระวังสัญญาณหลอก
คลื่น C	คลื่นปรับฐานสุดท้าย	พิจารณาเปิด Position Put เมื่อสิ้นสุดคลื่น C

ข้อจำกัดของทฤษฎี Elliott Wave

แม้ว่าทฤษฎี Elliott Wave จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่เทรดเดอร์ควรทราบ:

• **ความซับซ้อน:** การวิเคราะห์ Elliott Wave อาจมีความซับซ้อนและต้องใช้ประสบการณ์ในการตีความ
• **ความเป็นอัตวิสัย:** การระบุคลื่นต่างๆ อาจขึ้นอยู่กับความเห็นส่วนบุคคลของนักวิเคราะห์
• **ความไม่แน่นอน:** ตลาดการเงินมีความผันผวนและอาจไม่เป็นไปตามรูปแบบที่คาดการณ์ไว้เสมอไป

กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นที่ใช้ร่วมกับ Elliott Wave

• **Trend Following:** เทรดตามแนวโน้มที่ระบุโดย Elliott Wave โดยเปิด Position Call ในแนวโน้มขาขึ้นและ Position Put ในแนวโน้มขาลง Trend Following Strategy
• **Breakout Trading:** เทรดเมื่อราคา Breakout จากรูปแบบ Elliott Wave Breakout Strategy
• **Retracement Trading:** เทรดเมื่อราคา Retrace (ปรับฐาน) กลับมาที่ระดับ Fibonacci ที่สำคัญ Retracement Strategy
• **Scalping:** ใช้ Elliott Wave ในการระบุโอกาสในการทำกำไรระยะสั้น Scalping Strategy
• **Straddle Strategy:** ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง Straddle Strategy
• **Butterfly Spread:** สร้าง Position ที่มีกำไรจากความผันผวนที่จำกัด Butterfly Spread
• **Pair Trading:** เทรดสองสินทรัพย์ที่สัมพันธ์กันโดยใช้ Elliott Wave เพื่อระบุความผิดปกติ Pair Trading
• **Mean Reversion:** เทรดเมื่อราคาเคลื่อนที่ออกจากค่าเฉลี่ย Mean Reversion Strategy
• **Momentum Trading:** เทรดตามแรงส่งของแนวโน้ม Momentum Trading Strategy
• **News Trading:** ใช้ Elliott Wave เพื่อประเมินผลกระทบของข่าวต่อราคา News Trading
• **Volatility Trading:** เทรดความผันผวนของราคา Volatility Trading
• **Option Greeks Strategy:** ใช้ Option Greeks ในการจัดการความเสี่ยง Option Greeks Strategy
• **Iron Condor:** สร้าง Position ที่มีกำไรจากความผันผวนที่ต่ำ Iron Condor Strategy
• **Covered Call:** ขาย Call Option บนหุ้นที่ถืออยู่เพื่อสร้างรายได้ Covered Call Strategy
• **Protective Put:** ซื้อ Put Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงของหุ้นที่ถืออยู่ Protective Put Strategy

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายร่วมกับ Elliott Wave

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume Analysis) สามารถช่วยยืนยันสัญญาณที่ได้จาก Elliott Wave ได้ ตัวอย่างเช่น:

• **คลื่น Impulse Waves:** มักจะมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง
• **คลื่น Corrective Waves:** มักจะมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่ต่ำ
• **Divergence:** หากปริมาณการซื้อขาย Diverge (แตกต่าง) จากการเคลื่อนไหวของราคา อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน

สรุป

ทฤษฎี Elliott Wave เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน แต่ต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การนำทฤษฎีนี้ไปประยุกต์ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ และการจัดการความเสี่ยงที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการเทรดไบนารี่ออปชั่นได้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค Fibonacci Retracement Candlestick Patterns Support and Resistance Chart Patterns Moving Average Convergence Divergence (MACD) Relative Strength Index (RSI) Bollinger Bands Stochastic Oscillator Volume Weighted Average Price (VWAP) Ichimoku Cloud Pivot Points Trend Lines Gap Analysis Head and Shoulders Pattern Double Top/Bottom Triangles Flags and Pennants Harmonic Patterns

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น