การใช้ Option Chain

1. 1. การใช้ Option Chain

บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจและใช้งาน Option Chain ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ที่สนใจในตลาด ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงในตลาด ไบนารี่ออปชั่น และตลาดทุนโดยรวม เราจะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างของ Option Chain, วิธีการอ่านข้อมูล, และการนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจลงทุน

1. 1. 1. Option Chain คืออะไร?

Option Chain คือ ตารางที่แสดงรายการสัญญาออปชั่นทั้งหมดที่มีอยู่สำหรับสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) หนึ่งๆ เช่น หุ้น, ดัชนี, หรือสกุลเงิน ใน Option Chain จะแสดงข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น ราคาใช้สิทธิ (Strike Price), วันหมดอายุ (Expiration Date), ราคาซื้อขาย (Bid & Ask Price), ปริมาณการซื้อขาย (Volume), และค่าความผันผวนโดยนัย (Implied Volatility) Option Chain ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขของออปชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเลือกสัญญาออปชั่นที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนของตนเองได้

1. 1. 1. โครงสร้างของ Option Chain

Option Chain โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือ Call Option และ Put Option ซึ่งแต่ละส่วนจะแสดงข้อมูลของสัญญาออปชั่นที่มีสิทธิในการซื้อ (Call) หรือสิทธิในการขาย (Put) สินทรัพย์อ้างอิง ณ ราคาที่กำหนดไว้

โครงสร้างพื้นฐานของ Option Chain

Strike Price	Expiration Date	Call Option (Bid/Ask/Volume/Implied Volatility)	Put Option (Bid/Ask/Volume/Implied Volatility)
100	2024-12-31	2.50/2.60/1000/20%	1.00/1.10/500/22%
105	2024-12-31	1.00/1.10/800/21%	2.00/2.10/600/21%
110	2024-12-31	0.50/0.60/600/22%	3.00/3.10/400/23%

• • คำอธิบาย:**

• **Strike Price (ราคาใช้สิทธิ):** ราคาที่ผู้ถือสัญญาออปชั่นมีสิทธิในการซื้อ (Call) หรือขาย (Put) สินทรัพย์อ้างอิง
• **Expiration Date (วันหมดอายุ):** วันที่สัญญาออปชั่นหมดอายุ และผู้ถือสัญญาต้องตัดสินใจว่าจะใช้สิทธิหรือไม่
• **Call Option:** สัญญาที่ให้สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิง

   *   **Bid:** ราคาที่ผู้ซื้อออปชั่นยินดีจ่าย
   *   **Ask:** ราคาที่ผู้ขายออปชั่นต้องการขาย
   *   **Volume:** ปริมาณการซื้อขายของออปชั่นนั้นๆ
   *   **Implied Volatility (ค่าความผันผวนโดยนัย):** การคาดการณ์ความผันผวนของราคาในอนาคต

• **Put Option:** สัญญาที่ให้สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิง

   *   **Bid:** ราคาที่ผู้ซื้อออปชั่นยินดีจ่าย
   *   **Ask:** ราคาที่ผู้ขายออปชั่นต้องการขาย
   *   **Volume:** ปริมาณการซื้อขายของออปชั่นนั้นๆ
   *   **Implied Volatility (ค่าความผันผวนโดยนัย):** การคาดการณ์ความผันผวนของราคาในอนาคต

1. 1. 1. วิธีการอ่านและทำความเข้าใจข้อมูลใน Option Chain

การอ่าน Option Chain ต้องใช้ความเข้าใจในข้อมูลแต่ละส่วนประกอบอย่างละเอียด:

• **ราคา Bid และ Ask:** แสดงถึงสภาพคล่องของตลาด หากส่วนต่างระหว่าง Bid และ Ask กว้าง แสดงว่าสภาพคล่องต่ำ และอาจมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายสูง
• **ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** บ่งบอกถึงความสนใจของตลาดในสัญญาออปชั่นนั้นๆ ปริมาณการซื้อขายที่สูงมักจะบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
• **Open Interest:** จำนวนสัญญาออปชั่นที่ยังไม่ได้ถูกใช้สิทธิ (ยังคงเปิดอยู่) Open Interest ที่เพิ่มขึ้นแสดงว่ามีนักลงทุนเข้ามาเปิดสถานะใหม่ๆ ในตลาด
• **ค่าความผันผวนโดยนัย (Implied Volatility):** ค่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินราคาของออปชั่น ค่า IV ที่สูงบ่งบอกว่าตลาดคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีความผันผวนสูง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสัญญาออปชั่นสูงขึ้น ในทางกลับกัน ค่า IV ที่ต่ำบ่งบอกว่าตลาดคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนต่ำ

1. 1. 1. การนำ Option Chain ไปประยุกต์ใช้ในการลงทุน

Option Chain สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุน:

1. **การเลือก Strike Price ที่เหมาะสม:** นักลงทุนสามารถใช้ Option Chain เพื่อเลือก Strike Price ที่เหมาะสมกับมุมมองของตนเอง เช่น หากคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างมาก อาจเลือก Call Option ที่มี Strike Price สูงกว่าราคาปัจจุบัน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น 2. **การเปรียบเทียบราคา:** Option Chain ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบราคาของออปชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถเลือกสัญญาออปชั่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด 3. **การวิเคราะห์ Implied Volatility:** การวิเคราะห์ค่า IV สามารถช่วยให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนได้ 4. **การสร้างกลยุทธ์ Option:** Option Chain เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ Option ที่ซับซ้อน เช่น Straddle, Strangle, Butterfly Spread, และ Covered Call

1. 1. 1. กลยุทธ์การใช้ Option Chain ที่ควรรู้

• **Long Call:** ซื้อ Call Option โดยคาดหวังว่าราคาจะปรับตัวขึ้น กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) Long Call Strategy
• **Long Put:** ซื้อ Put Option โดยคาดหวังว่าราคาจะปรับตัวลง กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่มีแนวโน้มขาลง (Bearish) Long Put Strategy
• **Short Call:** ขาย Call Option โดยคาดหวังว่าราคาจะไม่ปรับตัวขึ้นมากนัก กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่ sideway หรือมีแนวโน้มเป็นกลาง
• **Short Put:** ขาย Put Option โดยคาดหวังว่าราคาจะไม่ปรับตัวลงมากนัก กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่ sideway หรือมีแนวโน้มเป็นกลาง
• **Covered Call:** ถือครองสินทรัพย์อ้างอิงและขาย Call Option เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่ Covered Call Strategy
• **Protective Put:** ถือครองสินทรัพย์อ้างอิงและซื้อ Put Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่อาจปรับตัวลง Protective Put Strategy
• **Straddle:** ซื้อทั้ง Call และ Put Option ที่มี Strike Price และวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่คาดว่าจะมีความผันผวนสูง Straddle Strategy
• **Strangle:** ซื้อ Call และ Put Option ที่มี Strike Price ต่างกัน แต่มีวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่คาดว่าจะมีความผันผวนสูง แต่ต้องการค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นที่ต่ำกว่า Straddle Strangle Strategy

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายร่วมกับ Option Chain

การใช้ Option Chain ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค Technical Analysis และการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย Volume Analysis สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจลงทุนได้:

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** การใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average), RSI, MACD, และ Fibonacci Retracement สามารถช่วยในการระบุแนวรับแนวต้าน และทิศทางของราคา
• **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยในการยืนยันแนวโน้มของราคา และระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
• **Open Interest Analysis:** การวิเคราะห์ Open Interest สามารถช่วยในการระบุระดับราคาที่สำคัญ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

1. 1. 1. ข้อควรระวังในการใช้ Option Chain

• **ความเสี่ยง:** การลงทุนในออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
• **ค่าธรรมเนียม:** การซื้อขายออปชั่นอาจมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าการซื้อขายหุ้น
• **Liquidit:** สภาพคล่องของออปชั่นบางตัวอาจต่ำ ทำให้ยากต่อการซื้อขายในราคาที่ต้องการ
• **Time Decay (Theta):** ราคาของออปชั่นจะลดลงเมื่อเข้าใกล้วันหมดอายุ ทำให้ผู้ถือสัญญาต้องตัดสินใจว่าจะใช้สิทธิหรือยอมเสียค่าพรีเมี่ยม

1. 1. 1. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

• CBOE (Chicago Board Options Exchange): [1](https://www.cboe.com/)
• Investopedia: [2](https://www.investopedia.com/)
• Options Industry Council: [3](https://www.optionseducation.org/)

1. 1. 1. สรุป

Option Chain เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ที่สนใจในตลาดออปชั่น การทำความเข้าใจโครงสร้างของ Option Chain, วิธีการอ่านข้อมูล, และการนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจลงทุน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างละเอียด และระมัดระวังความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลงทุนในออปชั่น การกำหนดขนาดของการลงทุนที่เหมาะสม และการใช้ Stop Loss Order สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ การทำความเข้าใจ การประเมินราคาออปชั่น (Option Pricing) ก็เป็นสิ่งจำเป็นในการตัดสินใจลงทุนอย่างมีเหตุผล การเรียนรู้ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง (Hedging Strategies) สามารถช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนของคุณจากความผันผวนของตลาดได้ การติดตาม ข่าวสารเศรษฐกิจ (Economic News) และ รายงานผลประกอบการ (Earnings Reports) สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น การใช้ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis Tools) สามารถช่วยระบุแนวโน้มของราคาและจุดเข้าออกที่เหมาะสม การศึกษา ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) สามารถช่วยประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์อ้างอิง การทำความเข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างออปชั่นและหุ้น (Options-Stock Relationship) สามารถช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม การติดตาม แนวโน้มของตลาด (Market Trends) สามารถช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด การใช้ ระบบการซื้อขายอัตโนมัติ (Automated Trading Systems) สามารถช่วยให้คุณดำเนินการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การศึกษา กฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ (Securities Regulations) สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย การใช้ ซอฟต์แวร์การซื้อขายออปชั่น (Options Trading Software) สามารถช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการซื้อขายได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น การเข้าร่วม หลักสูตรการฝึกอบรมการลงทุน (Investment Training Courses) สามารถช่วยให้คุณพัฒนาความรู้และทักษะในการลงทุน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น