การวิเคราะห์ Derivatives

1. 1. การวิเคราะห์ Derivatives

• • บทนำ**

ตลาดการเงินในปัจจุบันมีความซับซ้อนและมีเครื่องมือทางการเงินหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ **Derivatives** หรือ **ตราสารอนุพันธ์** ซึ่งเป็นสัญญาที่มูลค่าของมันแปรผันตามสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) เช่น หุ้น, อัตราแลกเปลี่ยน, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งอัตราดอกเบี้ย บทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ Derivatives โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นที่สนใจจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือนี้ และนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขาย **ไบนารี่ออปชั่น** (Binary Options) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ Derivatives ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

• • Derivatives คืออะไร?**

Derivatives ไม่ได้มีมูลค่าในตัวมันเอง แต่ได้มาจากมูลค่าของสินทรัพย์อ้างอิง การซื้อขาย Derivatives จึงเป็นการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิงนั้นๆ ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาหุ้นของบริษัท A จะสูงขึ้นในอนาคต พวกเขาสามารถซื้อ **Call Option** ซึ่งเป็นสิทธิในการซื้อหุ้น A ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันที่กำหนด หากราคาหุ้น A สูงขึ้นจริง นักลงทุนก็สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด และทำกำไรได้

• • ประเภทของ Derivatives ที่สำคัญ**

Derivatives มีหลากหลายประเภท แต่ที่สำคัญและพบเห็นได้บ่อยมีดังนี้:

• **Forward Contracts:** สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งกำหนดราคาและปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงไว้ล่วงหน้า และทำการชำระเงินในอนาคต
• **Futures Contracts:** คล้ายกับ Forward Contracts แต่มีการซื้อขายในตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการควบคุม และมีการหักล้างความเสี่ยงผ่าน Clearing House
• **Options Contracts:** สัญญาที่ให้สิทธิ (แต่ไม่ผูกมัด) แก่ผู้ซื้อในการซื้อ (Call Option) หรือขาย (Put Option) สินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ภายในระยะเวลาที่กำหนด
• **Swaps:** สัญญาแลกเปลี่ยนกระแสเงินสด เช่น แลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยคงที่กับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว หรือแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
• **Binary Options:** สัญญาที่จ่ายผลตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากเงื่อนไขที่กำหนดเป็นจริง (เช่น ราคาสินทรัพย์อ้างอิงสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาที่กำหนด) หรือไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ หากเงื่อนไขไม่เป็นจริง Binary Options คืออะไร

• • การวิเคราะห์ Derivatives: แนวทางและเครื่องมือ**

การวิเคราะห์ Derivatives จำเป็นต้องมีความเข้าใจทั้งในส่วนของสินทรัพย์อ้างอิง และลักษณะเฉพาะของ Derivatives นั้นๆ แนวทางและเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์มีดังนี้:

1. **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ผลประกอบการของบริษัท (สำหรับหุ้น), สภาพเศรษฐกิจ (สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์), หรือนโยบายการเงิน (สำหรับอัตราดอกเบี้ย) เพื่อประเมินแนวโน้มราคาในอนาคต การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน 2. **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** การศึกษาแผนภูมิราคาและปริมาณการซื้อขายของสินทรัพย์อ้างอิง เพื่อระบุรูปแบบ (Patterns) แนวโน้ม (Trends) และสัญญาณซื้อขาย การวิเคราะห์ทางเทคนิค

   *   **Moving Averages:** เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ช่วยให้เห็นแนวโน้มราคาในระยะยาว
   *   **Relative Strength Index (RSI):** ดัชนีวัดความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ บ่งบอกภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) RSI
   *   **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ตัวบ่งชี้ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น
   *   **Bollinger Bands:** แถบ Bollinger ช่วยวัดความผันผวนของราคา

3. **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** การศึกษาปริมาณการซื้อขายควบคู่ไปกับราคา เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม หรือระบุสัญญาณการกลับตัว การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย 4. **การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analysis):** การประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน Derivatives เช่น ความเสี่ยงจากความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิง, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน, หรือความเสี่ยงจากสภาพคล่อง 5. **การประเมินมูลค่า (Valuation):** การคำนวณมูลค่าที่เหมาะสมของ Derivatives โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เช่น Black-Scholes Model (สำหรับ Options) หรือ Discounted Cash Flow (DCF) (สำหรับ Forward Contracts และ Futures Contracts)

• • การนำการวิเคราะห์ Derivatives ไปใช้ในการซื้อขาย Binary Options**

Binary Options เป็น Derivatives ที่มีความเรียบง่ายและเข้าใจง่าย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน การวิเคราะห์ Derivatives จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจซื้อขาย Binary Options

• **การเลือกสินทรัพย์อ้างอิง:** เลือกสินทรัพย์อ้างอิงที่มีความผันผวนสูง และมีความเข้าใจในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา
• **การกำหนดระยะเวลา:** เลือกระยะเวลาที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การซื้อขาย และความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิง
• **การวิเคราะห์แนวโน้ม:** ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุแนวโน้มราคา และหาจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม แนวโน้มราคา
• **การบริหารความเสี่ยง:** กำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม และใช้ Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยง
• **กลยุทธ์การซื้อขาย:** เลือกกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุน และสภาพตลาด เช่น

   *   **Trend Following:** การซื้อตามแนวโน้มราคา Trend Following
   *   **Range Trading:** การซื้อขายเมื่อราคาอยู่ในช่วงแคบๆ Range Trading
   *   **Breakout Strategy:** การซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับ Breakout Strategy
   *   **Straddle Strategy:** การซื้อทั้ง Call Option และ Put Option เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวน Straddle Strategy
   *   **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้ Options หลายตัวเพื่อจำกัดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร Butterfly Spread
   *   **Call Spread:** กลยุทธ์การซื้อ Call Option และขาย Call Option ที่ราคาสูงกว่า Call Spread
   *   **Put Spread:** กลยุทธ์การซื้อ Put Option และขาย Put Option ที่ราคาต่ำกว่า Put Spread
   *   **High/Low Strategy:** การคาดการณ์ว่าราคาสิ้นสุดจะสูงหรือต่ำกว่าระดับที่กำหนด High/Low Strategy
   *   **Touch/No Touch Strategy:** การคาดการณ์ว่าราคาจะสัมผัสหรือจะไม่สัมผัสระดับที่กำหนด Touch/No Touch Strategy
   *   **One Touch Strategy:** การคาดการณ์ว่าราคาจะสัมผัสระดับที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด One Touch Strategy
   *   **Ladder Strategy:** การคาดการณ์ทิศทางราคาในแต่ละช่วงเวลา Ladder Strategy
   *   **Proximity Trader:** การคาดการณ์ว่าราคาจะใกล้เคียงกับระดับที่กำหนดมากที่สุด Proximity Trader
   *   **Swing Trading:** การถือครองสัญญา Binary Options เป็นระยะเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อทำกำไรจาก Swing ในราคา Swing Trading
   *   **Scalping:** การเปิดและปิดสัญญา Binary Options อย่างรวดเร็วเพื่อทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อย Scalping

• • ข้อควรระวังในการซื้อขาย Derivatives และ Binary Options**

• **ความเสี่ยงสูง:** Derivatives และ Binary Options มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
• **ความผันผวน:** ราคาของ Derivatives และ Binary Options มีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนนี้
• **Leverage:** Derivatives มักมีการใช้ Leverage ซึ่งสามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
• **ค่าธรรมเนียม:** การซื้อขาย Derivatives และ Binary Options อาจมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ผู้ลงทุนควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมก่อนทำการซื้อขาย
• **กฎระเบียบ:** ตลาด Derivatives และ Binary Options มีกฎระเบียบที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

• • สรุป**

การวิเคราะห์ Derivatives เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการซื้อขาย Binary Options การทำความเข้าใจประเภทของ Derivatives, แนวทางการวิเคราะห์, และการบริหารความเสี่ยง จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้

ตัวอย่างเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการซื้อขาย Binary Options

เครื่องมือ	คำอธิบาย	การประยุกต์ใช้ใน Binary Options
Moving Averages	เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ช่วยระบุแนวโน้มราคา	ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้ม และหาจุดเข้าซื้อขาย
RSI (Relative Strength Index)	ดัชนีวัดความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ บ่งบอกภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป	ใช้เพื่อระบุสัญญาณการกลับตัวของราคา
MACD (Moving Average Convergence Divergence)	ตัวบ่งชี้ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น	ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้ม และหาจุดเข้าซื้อขาย
Bollinger Bands	แถบ Bollinger ช่วยวัดความผันผวนของราคา	ใช้เพื่อระบุช่วงราคาที่เป็นไปได้ และหาจุดเข้าซื้อขาย
Fibonacci Retracement	ใช้เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น	ใช้เพื่อหาจุดเข้าซื้อขาย และกำหนด Stop-Loss

การซื้อขาย Binary Options การลงทุนใน Derivatives การบริหารพอร์ตการลงทุน (Category:Derivatives)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น