การทำความเข้าใจ Quantitative Easing

1. การทำความเข้าใจ Quantitative Easing

บทนำ

Quantitative Easing (QE) หรือ การผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ เป็นเครื่องมือที่ธนาคารกลางทั่วโลกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์แล้ว และนโยบายการเงินแบบดั้งเดิมไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบาย QE อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินนี้อย่างมาก การทำความเข้าใจ QE จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับกลยุทธ์การซื้อขายและลดความเสี่ยงได้

QE คืออะไร?

โดยปกติแล้ว ธนาคารกลางจะควบคุมเศรษฐกิจผ่านการปรับอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจซบเซา ธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการกู้ยืมและการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากอัตราดอกเบี้ยลดลงจนเกือบเป็นศูนย์ (หรือติดลบ) ธนาคารกลางก็จะมีข้อจำกัดในการใช้เครื่องมือนโยบายการเงินแบบดั้งเดิมนี้ QE จึงถูกนำมาใช้เป็นทางเลือก

QE คือการที่ธนาคารกลางทำการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ โดยปกติแล้วสินทรัพย์เหล่านี้จะเป็น พันธบัตรรัฐบาล และ พันธบัตรที่มีหลักประกันด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBS) การซื้อสินทรัพย์เหล่านี้จะเพิ่มปริมาณเงินในระบบการเงิน ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินทุนมากขึ้นสำหรับการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะส่งผลให้การกู้ยืมและการลงทุนเพิ่มขึ้น และกระตุ้นเศรษฐกิจ

กลไกการทำงานของ QE

การทำงานของ QE สามารถอธิบายได้ดังนี้:

1. **ธนาคารกลางสร้างเงิน:** ธนาคารกลางไม่ได้ “พิมพ์” เงินออกมาโดยตรง แต่จะสร้างเงินดิจิทัลโดยการเพิ่มยอดเงินในบัญชีของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารกลาง 2. **ธนาคารกลางซื้อสินทรัพย์:** ธนาคารกลางใช้เงินที่สร้างขึ้นใหม่นี้ซื้อสินทรัพย์ทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ 3. **ธนาคารพาณิชย์มีเงินทุนเพิ่มขึ้น:** ธนาคารพาณิชย์ได้รับเงินทุนเพิ่มขึ้นจากธนาคารกลาง 4. **การปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น:** ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากมีเงินทุนสำรองมากขึ้น 5. **การลงทุนและการบริโภคเพิ่มขึ้น:** การปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโต 6. **ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น:** การซื้อสินทรัพย์โดยธนาคารกลางทำให้ความต้องการสินทรัพย์เหล่านั้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น

ผลกระทบของ QE ต่อตลาดการเงิน

QE มีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึง:

**อัตราดอกเบี้ย:** QE มักจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลดลง เนื่องจากธนาคารกลางเข้าซื้อพันธบัตรจำนวนมาก
**ราคาสินทรัพย์:** QE มักจะส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และ สินค้าโภคภัณฑ์ เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีเงินทุนไหลเวียนในระบบมากขึ้น
**อัตราแลกเปลี่ยน:** QE สามารถทำให้ค่าเงินของประเทศที่ดำเนินนโยบาย QE อ่อนค่าลง เนื่องจากมีปริมาณเงินในระบบมากขึ้น
**ภาวะเงินเฟ้อ:** QE อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อได้ หากปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบมากเกินไป
**ตลาดไบนารี่ออปชั่น:** QE มีผลกระทบต่อตลาด ไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคู่สกุลเงินและดัชนีหุ้น การลดอัตราดอกเบี้ยและการเพิ่มปริมาณเงินอาจทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง และราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อราคาของออปชั่น

QE ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินและโควิด-19

QE ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008 และในช่วงการระบาดของโควิด-19

**วิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008:** ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เริ่มใช้ QE ในปี 2008 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ โดยทำการซื้อ พันธบัตรรัฐบาล และ MBS จำนวนมาก
**การระบาดของโควิด-19:** ธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึง Federal Reserve, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ได้เริ่มใช้ QE อีกครั้งในปี 2020 เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมา

QE และการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

QE มีผลกระทบต่อการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ในหลายด้าน:

**การเคลื่อนไหวของราคา:** QE สามารถทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในตลาดการเงิน ซึ่งสร้างโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
**ความผันผวน:** QE มักจะเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาของออปชั่น
**กลยุทธ์การซื้อขาย:** เทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การซื้อขายให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่ QE มีผลบังคับใช้

กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นในยุค QE

**การเทรดตามแนวโน้ม:** QE มักจะสร้างแนวโน้มที่ชัดเจนในตลาดการเงิน เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ การเทรดตามแนวโน้ม เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มเหล่านี้
**การเทรด Breakout:** QE สามารถทำให้เกิดการ Breakout ของราคาในตลาดการเงิน เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ การเทรด Breakout เพื่อทำกำไรจากการ Breakout เหล่านี้
**การเทรด Range:** หาก QE ไม่สามารถสร้างแนวโน้มที่ชัดเจน เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ การเทรด Range เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบราคา
**การใช้ Indicators:** การใช้ Indicators ทางเทคนิค เช่น Moving Averages MACD และ RSI สามารถช่วยเทรดเดอร์ในการระบุแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขาย
**การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:** การวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ สามารถช่วยเทรดเดอร์ในการทำความเข้าใจผลกระทบของ QE ต่อตลาดการเงิน
**การบริหารความเสี่ยง:** การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นในช่วงเวลาที่ QE มีผลบังคับใช้ เทรดเดอร์ควรใช้ Stop Loss และ Take Profit เพื่อจำกัดความเสี่ยงและรักษาผลกำไร

ความเสี่ยงของ QE

แม้ว่า QE จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเช่นกัน:

**ภาวะเงินเฟ้อ:** QE อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อได้ หากปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบมากเกินไป
**ฟองสบู่สินทรัพย์:** QE อาจทำให้เกิดฟองสบู่สินทรัพย์ได้ หากราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง
**การกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียม:** QE อาจทำให้ผู้ที่มีสินทรัพย์ได้รับประโยชน์มากกว่าผู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ ซึ่งจะทำให้การกระจายรายได้ไม่เท่าเทียมกันมากขึ้น
**ผลกระทบต่อค่าเงิน:** QE อาจทำให้ค่าเงินของประเทศอ่อนค่าลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออก

สรุป

Quantitative Easing (QE) เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ธนาคารกลางใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์แล้ว การทำความเข้าใจ QE เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น เนื่องจาก QE มีผลกระทบต่อตลาดการเงินและราคาของออปชั่น เทรดเดอร์จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การซื้อขายให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่ QE มีผลบังคับใช้ และบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

ลิงก์เพิ่มเติม

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น