การกำหนดเวลาหมดอายุและการเลือกราคาใช้สิทธิ

การกำหนดเวลาหมดอายุและการเลือกราคาใช้สิทธิในไบนารีออปชัน: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

Binary option หรือไบนารีออปชัน เป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความเรียบง่าย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการเทรดรูปแบบนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่สำคัญสองประการ คือ การเลือก Expiry time (เวลาหมดอายุ) และการเลือกราคาใช้สิทธิ (Strike Price) บทความนี้จะอธิบายพื้นฐานเหล่านี้อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น

พื้นฐานไบนารีออปชันและการตัดสินใจหลัก

ไบนารีออปชันเป็นการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิง (เช่น คู่สกุลเงิน หุ้น หรือสินค้าโภคภัณฑ์) จะสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาที่กำหนด ณ เวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

• **Call Option (ออปชันซื้อ)**: คุณคาดว่าราคาจะสูงขึ้น
• **Put Option (ออปชันขาย)**: คุณคาดว่าราคาจะลดลง

ทำความเข้าใจการซื้อขายไบนารีออปชันเบื้องต้น อธิบายว่าผลตอบแทนจะคงที่ (Fixed Payout) หรือไม่ได้รับอะไรเลย ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของคุณถูกต้องหรือไม่

ราคาใช้สิทธิ (Strike Price)

ราคาใช้สิทธิคือระดับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ เวลาที่คุณเปิดสถานะซื้อขาย มันคือ "เส้นแบ่ง" ที่ใช้ตัดสินว่าการเทรดของคุณจะชนะหรือแพ้

• **ความหมาย**: หากคุณซื้อ Call option ราคาปัจจุบันต้องสูงกว่าราคาใช้สิทธิเมื่อถึง Expiry time
• **การเลือก**: แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มักตั้งราคาใช้สิทธิให้เท่ากับราคาตลาดปัจจุบัน ณ ขณะที่คุณทำการซื้อขาย

In-the-money (ITM) และ Out-of-the-money (OTM)

คำศัพท์เหล่านี้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างราคาตลาดปัจจุบันกับราคาใช้สิทธิ

• **In-the-money (ITM)**: สถานะที่หากหมดอายุทันทีจะให้ผลตอบแทน (กำไร)

   *   สำหรับ Call: ราคาปัจจุบัน > ราคาใช้สิทธิ
   *   สำหรับ Put: ราคาปัจจุบัน < ราคาใช้สิทธิ

• **Out-of-the-money (OTM)**: สถานะที่หากหมดอายุทันทีจะขาดทุน (เสียเงินลงทุน)

   *   สำหรับ Call: ราคาปัจจุบัน < ราคาใช้สิทธิ
   *   สำหรับ Put: ราคาปัจจุบัน > ราคาใช้สิทธิ

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มักเสนอการเทรดที่ราคาใช้สิทธิเท่ากับราคาตลาดปัจจุบัน ทำให้การตัดสินใจของคุณขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ

Payout (โครงสร้างการจ่ายเงิน)

Payout คือจำนวนเงินที่คุณจะได้รับหากการคาดการณ์ของคุณถูกต้อง โดยทั่วไปจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน (เช่น 80%)

สถานะการเทรด	ผลลัพธ์	Payout
ชนะ (ITM)	ราคาเคลื่อนไหวตามที่คาด	เงินลงทุน + (เงินลงทุน * อัตรา Payout)
แพ้ (OTM)	ราคาเคลื่อนไหวผิดจากที่คาด	0 (เสียเงินลงทุน)

การเลือกสินทรัพย์ เวลาซื้อขาย และโครงสร้างการจ่ายเงิน กล่าวถึงว่าสินทรัพย์ที่แตกต่างกันมี Payout ที่แตกต่างกันไปตามความผันผวนและความเสี่ยง

Expiry Time (เวลาหมดอายุ)

Expiry time คือช่วงเวลาที่กำหนดว่าการคาดการณ์ของคุณจะถูกตัดสินเมื่อใด ในไบนารีออปชัน เวลานี้อาจสั้นมาก (ตั้งแต่ 30 วินาที) ไปจนถึงหลายชั่วโมงหรือหลายวัน

• **ความสำคัญ**: การเลือกเวลาหมดอายุที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดไบนารีออปชัน เพราะมันกำหนดกรอบเวลาที่คุณต้องรอผลลัพธ์

การกำหนดเวลาหมดอายุ: การเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม

การเลือก Expiry time ต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์การวิเคราะห์ของคุณ

ประเภทของ Expiry Time

1. **Turbo/Quick Options (30 วินาที ถึง 5 นาที)**: เหมาะสำหรับการเทรดตามความผันผวนระยะสั้นมาก (Scalping) และมักใช้การวิเคราะห์แบบแท่งเทียน (Candlestick) ที่สั้นมาก เช่น 1 นาที
2. **Short-Term Options (5 นาที ถึง 30 นาที)**: ต้องอาศัยการวิเคราะห์ Trend ในระยะสั้น หรือการตอบสนองต่อข่าวสาร
3. **Long-Term Options (ชั่วโมง ถึง วัน)**: เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือการยืนยันจากรูปแบบกราฟขนาดใหญ่ เช่น Elliott wave

การจับคู่ Expiry Time กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การเลือกเวลาที่เหมาะสมต้องสัมพันธ์กับเครื่องมือที่คุณใช้ในการวิเคราะห์

• **การใช้ Candlestick Pattern**: หากคุณใช้ Candlestick pattern 1 นาที (เช่น Engulfing Pattern) เวลาหมดอายุที่เหมาะสมที่สุดคือ 2-3 เท่าของกรอบเวลาของแท่งเทียนนั้น (เช่น 2 ถึง 3 นาที)
• **การใช้ Support and Resistance**: หากคุณพบแนวรับ/แนวต้านที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาน่าจะกลับตัว คุณอาจเลือกเวลาหมดอายุที่ยาวขึ้นเล็กน้อย (เช่น 5-15 นาที) เพื่อให้ราคามีเวลาพอที่จะ "เด้งกลับ"
• **ข้อผิดพลาดทั่วไป**: การใช้การวิเคราะห์ระยะยาว (เช่น ภาพรวมรายวัน) แต่เลือกเวลาหมดอายุ 60 วินาที นี่คือการจับคู่ที่ไม่สอดคล้องกัน

คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดเวลาได้ที่ การกำหนดเวลาหมดอายุ และ การกำหนดเวลาหมดอายุของออปชั่น.

การเลือกราคาใช้สิทธิและกลยุทธ์การเข้า/ออกตำแหน่ง

ในไบนารีออปชันส่วนใหญ่ ราคาใช้สิทธิจะถูกกำหนดโดยแพลตฟอร์ม (มักจะเท่ากับราคาตลาดปัจจุบัน) ดังนั้นการควบคุมราคาใช้สิทธิโดยตรงจึงทำได้จำกัด อย่างไรก็ตาม การเลือกจังหวะเข้าซื้อขาย (Entry Point) ก็คือการเลือกราคาใช้สิทธิทางอ้อมนั่นเอง

1. ขั้นตอนการเปิดสถานะซื้อขาย (Call/Put)

สมมติว่าคุณกำลังใช้แพลตฟอร์มเช่น IQ Option หรือ Pocket Option ซึ่งมีส่วนประกอบหลักตามที่ระบุใน ส่วนประกอบสำคัญของแพลตฟอร์มไบนารีออปชัน

1. **เลือกสินทรัพย์**: เลือกคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด (เช่น EUR/USD)
2. **เลือกเวลาหมดอายุ**: กำหนด Expiry time ตามการวิเคราะห์ของคุณ (เช่น 5 นาที)
3. **กำหนดจำนวนเงินลงทุน**: ตัดสินใจว่าจะลงทุนเท่าไหร่ (ดูหัวข้อ Risk management ด้านล่าง)
4. **วิเคราะห์ตลาด**: ใช้เครื่องมือเช่น RSI, MACD หรือดู Support and resistance เพื่อหาจุดเข้า
5. **ตัดสินใจทิศทาง**:

   *   หากคาดว่าราคาจะขึ้น ให้เลือกปุ่ม "Call" (ซื้อ)
   *   หากคาดว่าราคาจะลง ให้เลือกปุ่ม "Put" (ขาย)

1. **ยืนยันการซื้อขาย**: กดปุ่มซื้อขาย แพลตฟอร์มจะบันทึกราคาปัจจุบันเป็นราคาใช้สิทธิของคุณ

1. การจัดการการออก (Exit Management)

ในการเทรดไบนารีออปชัน คุณไม่สามารถ "ปิด" สถานะก่อนเวลาหมดอายุได้เหมือนใน ความแตกต่างระหว่างไบนารีออปชันกับตลาดฟอเร็กซ์และ CFD (ฟอเร็กซ์/CFD) การออกของคุณถูกกำหนดโดยเวลาหมดอายุเท่านั้น

• **การออกที่สำเร็จ (ITM)**: เมื่อถึงเวลาหมดอายุ ราคาจะอยู่ฝั่งที่คุณคาดการณ์ คุณจะได้รับ Payout
• **การออกที่ล้มเหลว (OTM)**: เมื่อถึงเวลาหมดอายุ ราคาจะอยู่ฝั่งตรงข้าม คุณจะเสียเงินลงทุน

• • ข้อควรระวัง**: ในบางแพลตฟอร์มอาจมีคุณสมบัติ "Close Early" หรือ "Double Up" ซึ่งไม่ใช่ลักษณะพื้นฐานของไบนารีออปชันแบบดั้งเดิม และควรทำความเข้าใจเงื่อนไขให้ดีก่อนใช้งาน

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้นสำหรับผู้เริ่มต้น

การตัดสินใจทิศทางราคาต้องอาศัยการวิเคราะห์ เครื่องมือวิเคราะห์เป็นเหมือน "แว่นขยาย" ที่ช่วยให้คุณมองเห็นแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น

1. Candlestick Pattern (รูปแบบแท่งเทียน)

Candlestick pattern คือการแสดงภาพการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น 1 นาที, 5 นาที)

• **คำอุปมา**: แท่งเทียนคือ "บันทึกการต่อสู้" ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
• **ตัวอย่าง (Hammer/Shooting Star)**: หากเห็นแท่งเทียนที่มีไส้ยาวมากหลังจากการลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อกำลังกลับมา
• **ข้อผิดพลาดทั่วไป**: การเชื่อรูปแบบแท่งเทียนเดียวโดยไม่มีการยืนยันจากบริบทของตลาด (เช่น ไม่ดูว่ามันเกิดขึ้นที่แนวรับ/แนวต้านหรือไม่)
• **การตรวจสอบ**: ต้องมีการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป หรือใช้ตัวชี้วัดอื่นประกอบ

2. Support and Resistance (แนวรับและแนวต้าน)

Support and resistance คือระดับราคาที่ตลาดเคยมีการกลับตัวในอดีต

• **คำอุปมา**: แนวรับคือ "พื้น" ที่ราคาไม่ค่อยจะทะลุลงไป แนวต้านคือ "เพดาน" ที่ราคาไม่ค่อยจะทะลุขึ้นไป
• **การใช้**: หากราคาเข้าใกล้แนวรับที่แข็งแกร่ง คุณอาจพิจารณา Call option (คาดว่าราคาจะเด้งขึ้น)
• **เกณฑ์การเป็นโมฆะ (Invalidation)**: หากราคา "ทะลุ" แนวรับ/แนวต้านอย่างรุนแรงด้วยแท่งเทียนขนาดใหญ่ แสดงว่า Trend ได้เปลี่ยนไปแล้ว การเทรดสวนทางกับแรงทะลุนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก

3. ตัวชี้วัดความแข็งแกร่ง (Indicators)

ตัวชี้วัดช่วยให้เราวัดโมเมนตัมและความผันผวน

• **RSI (Relative Strength Index)**: วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา

   *   **การใช้งาน**: หาก RSI ต่ำกว่า 30 (Oversold) อาจเป็นสัญญาณซื้อ (Call) หากสูงกว่า 70 (Overbought) อาจเป็นสัญญาณขาย (Put)
   *   **ข้อเสีย**: ในตลาดที่มี Trend แข็งแกร่ง RSI อาจค้างอยู่ในโซน Overbought/Oversold นานกว่าที่คาด

• **MACD (Moving Average Convergence Divergence)**: ช่วยระบุทิศทางและโมเมนตัมของ Trend

   *   **การใช้งาน**: เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line อาจเป็นสัญญาณซื้อ

• **Bollinger Bands**: วัดความผันผวนของราคา

   *   **การใช้งาน**: ราคาที่แตะขอบด้านนอกของ Bollinger Bands มักจะกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย (Mean Reversion)

การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) สำหรับผู้เริ่มต้น

นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดในการเทรดไบนารีออปชัน เพราะคุณสามารถเสียเงินลงทุนได้ทั้งหมดในการเทรดเดียว การบริหารความเสี่ยงที่ดีจะช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้นานพอที่จะเรียนรู้

1. 1. Position Sizing (การกำหนดขนาดตำแหน่ง)

Position sizing คือการกำหนดจำนวนเงินที่คุณจะเสี่ยงต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

• **กฎทอง**: ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1% ถึง 5% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดครั้งเดียว
• **ตัวอย่าง**: หากคุณมีเงินทุน $1,000 และตั้งใจเสี่ยง 2% คุณควรลงทุนครั้งละไม่เกิน $20

1. 2. การกำหนดความเสี่ยงต่อวัน

แม้ว่าไบนารีออปชันจะให้ผลตอบแทนสูง แต่การขาดทุนต่อเนื่องก็เกิดขึ้นได้ง่าย

• **การตั้งขีดจำกัดการขาดทุนรายวัน (Daily Loss Limit)**: กำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่คุณยอมขาดทุนในหนึ่งวัน (เช่น 10% ของทุน) เมื่อถึงขีดจำกัดนี้ ให้หยุดเทรดทันทีและกลับมาวิเคราะห์ใหม่ในวันถัดไป

สถานการณ์	เงินทุนเริ่มต้น ($1,000)	การลงทุนต่อครั้ง (2%)	ขีดจำกัดรายวัน (10%)
เริ่มต้น	$1,000	$20	$100
เทรดแพ้ 3 ครั้ง	$940	$20	$100
ถึงขีดจำกัดรายวัน	$900	$20	หยุดเทรดเมื่อขาดทุนรวม $100

1. 3. การบันทึกและทบทวน (Trading Journal)

การเทรดที่ดีต้องมีการบันทึก Trading journal เพื่อติดตามว่ากลยุทธ์ใดใช้ได้ผลและเวลาใดที่คุณมักจะทำผิดพลาด

• **ข้อมูลที่ควรบันทึก**: สินทรัพย์, เวลาหมดอายุ, การวิเคราะห์ที่ใช้ (เช่น ใช้ RSI ร่วมกับแนวรับ), ผลลัพธ์ (ชนะ/แพ้), และเหตุผลที่เข้าเทรด

การใช้งานแพลตฟอร์มเบื้องต้น (กรณีศึกษา: IQ Option/Pocket Option)

แพลตฟอร์มไบนารีออปชันส่วนใหญ่มีโครงสร้างการทำงานคล้ายกัน ซึ่งอธิบายไว้ใน ส่วนประกอบสำคัญของแพลตฟอร์มไบนารีออปชัน

1. 1. บัญชีทดลอง (Demo Account)

• • ข้อแนะนำ**: ผู้เริ่มต้นทุกคนควรเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo) เสมอ เพื่อฝึกฝนการใช้งานแพลตฟอร์มและการตัดสินใจโดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงินจริง

• **การฝึกฝน**: ใช้บัญชีทดลองเพื่อทดสอบว่าการเลือก Expiry time ที่ 3 นาที สอดคล้องกับกลยุทธ์ Support and resistance ของคุณหรือไม่

1. 2. ประเภทบัญชีและการฝาก/ถอน

• **บัญชีมาตรฐาน**: มักมีข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำ (เช่น $10 - $50)
• **การฝาก/ถอน**: ตรวจสอบวิธีการชำระเงินที่รองรับ (บัตรเครดิต, e-wallets) และระยะเวลาดำเนินการถอนเงิน
• **KYC (Know Your Customer)**: เกือบทุกแพลตฟอร์มที่ถูกกฎหมายจะกำหนดให้คุณต้องยืนยันตัวตนก่อนการถอนเงินครั้งแรก

1. 3. โบนัสและโปรโมชั่น

แพลตฟอร์มอาจเสนอโบนัสเงินฝาก (เช่น ฝาก $100 ได้รับโบนัส $50)

• **ความเสี่ยง**: โบนัสเหล่านี้มักมาพร้อมกับ "เงื่อนไขการหมุนเวียน" (Turnover Requirement) ที่เข้มงวด ซึ่งหมายความว่าคุณต้องเทรดด้วยปริมาณที่สูงมากก่อนจึงจะสามารถถอนกำไรได้ ผู้เริ่มต้นควรระมัดระวังและอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขอย่างถี่ถ้วน

1. 4. ข้อจำกัดด้านภูมิภาคและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

ไบนารีออปชันมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบสูงในหลายประเทศ (เช่น สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรห้ามการขายให้กับลูกค้ารายย่อย)

• **การตรวจสอบ**: ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มที่คุณเลือกนั้นได้รับอนุญาตและปฏิบัติตามกฎหมายในเขตอำนาจศาลของคุณหรือไม่ การเทรดในเขตอำนาจที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลมีความเสี่ยงสูงขึ้น

ความคาดหวังที่เป็นจริงในการเทรดไบนารีออปชัน

ไบนารีออปชันไม่ใช่ "ทางรวยเร็ว" แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ต้องใช้ทักษะและการควบคุมอารมณ์

• **อัตราการชนะที่คาดหวัง**: เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่มักตั้งเป้าหมายอัตราการชนะที่ 55% ถึง 65% หากคุณมี Payout 80% คุณต้องชนะมากกว่า 55% ของการเทรดเพื่อทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ
• **ความผันผวนของผลลัพธ์**: เนื่องจากการเทรดเป็นแบบ "ทั้งหมดหรือไม่มีเลย" (All or Nothing) คุณอาจมีวันที่ขาดทุนหนัก แม้ว่ากลยุทธ์ของคุณจะดีก็ตาม นั่นคือเหตุผลว่าทำไม Risk management จึงสำคัญกว่ากลยุทธ์การเข้าเทรดเสียอีก
• **การเปรียบเทียบ**: แม้ว่าไบนารีออปชันจะดูง่ายกว่า ความแตกต่างระหว่างไบนารีออปชันกับตลาดฟอเร็กซ์และ CFD แต่ความเร็วในการตัดสินใจที่สูงมากทำให้มันมีความท้าทายทางจิตวิทยาที่รุนแรงกว่า

เช็คลิสต์สำหรับผู้เริ่มต้นไบนารีออปชัน

ใช้รายการนี้เพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนเริ่มเทรดด้วยเงินจริง

• [ ] ฉันเข้าใจความหมายของ Call option และ Put option อย่างถ่องแท้แล้วหรือยัง?
• [ ] ฉันสามารถระบุ Expiry time ที่เหมาะสมกับกรอบเวลาการวิเคราะห์ของฉันได้หรือไม่?
• [ ] ฉันได้ทดลองใช้บัญชี Demo จนสามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์แล้วหรือยัง?
• [ ] ฉันได้ตั้งค่า Risk management สำหรับการลงทุนต่อครั้ง (ไม่เกิน 2% ของทุน) แล้วหรือยัง?
• [ ] ฉันมีแผนการจัดการเมื่อเกิดการขาดทุนติดต่อกัน (Daily Loss Limit) หรือไม่?
• [ ] ฉันเข้าใจวิธีการฝาก/ถอนเงิน และข้อกำหนด KYC ของแพลตฟอร์มแล้วหรือยัง?
• [ ] ฉันได้เริ่ม Trading journal เพื่อบันทึกผลการเทรดทุกครั้งแล้วหรือยัง?

ดูเพิ่มเติม (บนไซต์นี้)

• ทำความเข้าใจการซื้อขายไบนารีออปชันเบื้องต้น
• ความแตกต่างระหว่างไบนารีออปชันกับตลาดฟอเร็กซ์และ CFD
• ส่วนประกอบสำคัญของแพลตฟอร์มไบนารีออปชัน
• การเลือกสินทรัพย์ เวลาซื้อขาย และโครงสร้างการจ่ายเงิน

บทความแนะนำ

• การกำหนดเวลาหมดอายุ
• การกำหนดเวลาหมดอายุของออปชั่น

Recommended Binary Options Platforms

Platform	Why beginners choose it	Register / Offer
IQ Option	Simple interface, popular asset list, quick order entry	IQ Option Registration
Pocket Option	Fast execution, tournaments, multiple expiration choices	Pocket Option Registration

Join Our Community

Subscribe to our Telegram channel @copytradingall for analytics, free signals, and much more!