กลยุทธ์ Options

1. กลยุทธ์ Options

ออปชั่น เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น, ค่าเงิน, หรือสินค้าโภคภัณฑ์ กลยุทธ์ออปชั่น (Options Strategies) คือการผสมผสานออปชั่นหลายประเภท (เช่น Call Option และ Put Option) เพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง กลยุทธ์เหล่านี้มีความซับซ้อนและต้องการความเข้าใจในปัจจัยต่างๆ เช่น ความผันผวน, เวลา, และราคาของสินทรัพย์อ้างอิง บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของกลยุทธ์ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น โดยจะอธิบายถึงพื้นฐาน, กลยุทธ์ทั่วไป, และปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้กลยุทธ์

พื้นฐานของ Options

ก่อนที่จะเจาะลึกในรายละเอียดของกลยุทธ์ต่างๆ เรามาทบทวนพื้นฐานของออปชั่นกันก่อน:

• **Call Option:** สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด (Strike Price) ภายในวันที่กำหนด (Expiration Date) ผู้ซื้อ Call Option คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น
• **Put Option:** สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด (Strike Price) ภายในวันที่กำหนด (Expiration Date) ผู้ซื้อ Put Option คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง
• **Strike Price:** ราคาที่ผู้ซื้อ/ผู้ขายออปชั่นสามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงได้
• **Expiration Date:** วันที่ออปชั่นหมดอายุ
• **Premium:** ราคาที่ผู้ซื้อจ่ายให้กับผู้ขายออปชั่นเพื่อแลกกับสิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง
• **In-the-Money (ITM):** ออปชั่นที่สามารถทำกำไรได้ทันทีหากใช้สิทธิ
• **At-the-Money (ATM):** ออปชั่นที่มี Strike Price ใกล้เคียงกับราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง
• **Out-of-the-Money (OTM):** ออปชั่นที่ไม่สามารถทำกำไรได้ทันทีหากใช้สิทธิ

ประเภทของกลยุทธ์ Options

กลยุทธ์ออปชั่นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามวัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้:

• **Basic Strategies (กลยุทธ์พื้นฐาน):** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ Call หรือ Put Option เพียงอย่างเดียว
• **Covered Strategies (กลยุทธ์ที่มีหลักประกัน):** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ Call หรือ Put Option ร่วมกับสินทรัพย์อ้างอิง
• **Spreads (กลยุทธ์สเปรด):** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ Call หรือ Put Option หลายตัวที่มี Strike Price หรือ Expiration Date ที่แตกต่างกัน
• **Combination Strategies (กลยุทธ์ผสม):** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ทั้ง Call และ Put Option ร่วมกัน

กลยุทธ์ Options พื้นฐาน

• **Long Call:** ซื้อ Call Option โดยคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น เป็นกลยุทธ์ที่มีกำไรไม่จำกัด แต่ความเสี่ยงจำกัดอยู่ที่ Premium ที่จ่ายไป Long Call
• **Long Put:** ซื้อ Put Option โดยคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง เป็นกลยุทธ์ที่มีกำไรจำกัด แต่ความเสี่ยงจำกัดอยู่ที่ Premium ที่จ่ายไป Long Put
• **Short Call:** ขาย Call Option โดยคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่สูงขึ้นมาก เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับ Premium แต่มีความเสี่ยงไม่จำกัดหากราคาสินทรัพย์อ้างอิงสูงขึ้นอย่างมาก Short Call
• **Short Put:** ขาย Put Option โดยคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่ลดลงมาก เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับ Premium แต่มีความเสี่ยงหากราคาสินทรัพย์อ้างอิงลดลงอย่างมาก Short Put

กลยุทธ์ Options ที่มีหลักประกัน

• **Covered Call:** ถือครองสินทรัพย์อ้างอิงและขาย Call Option บนสินทรัพย์นั้น เป็นกลยุทธ์ที่สร้างรายได้จาก Premium และลดความเสี่ยงในการถือครองสินทรัพย์อ้างอิง Covered Call
• **Protective Put:** ถือครองสินทรัพย์อ้างอิงและซื้อ Put Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ลดลง เป็นกลยุทธ์ที่จำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการลดลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิง Protective Put

กลยุทธ์ Options แบบ Spreads

• **Bull Call Spread:** ซื้อ Call Option ที่ Strike Price ต่ำ และขาย Call Option ที่ Strike Price สูงกว่า เป็นกลยุทธ์ที่จำกัดทั้งกำไรและความเสี่ยง โดยคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น Bull Call Spread
• **Bear Put Spread:** ซื้อ Put Option ที่ Strike Price สูง และขาย Put Option ที่ Strike Price ต่ำกว่า เป็นกลยุทธ์ที่จำกัดทั้งกำไรและความเสี่ยง โดยคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง Bear Put Spread
• **Butterfly Spread:** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ Call หรือ Put Option สามตัวที่มี Strike Price ที่แตกต่างกัน เป็นกลยุทธ์ที่จำกัดทั้งกำไรและความเสี่ยง และเหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงแคบๆ Butterfly Spread
• **Condor Spread:** คล้ายกับ Butterfly Spread แต่ใช้ Call หรือ Put Option สี่ตัวที่มี Strike Price ที่แตกต่างกัน เป็นกลยุทธ์ที่จำกัดทั้งกำไรและความเสี่ยง และเหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงแคบๆ Condor Spread

กลยุทธ์ Options แบบ Combination

• **Straddle:** ซื้อทั้ง Call และ Put Option ที่มี Strike Price และ Expiration Date เดียวกัน เป็นกลยุทธ์ที่ได้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ว่าราคาจะสูงขึ้นหรือลดลง Straddle
• **Strangle:** ซื้อ Call และ Put Option ที่มี Strike Price ที่แตกต่างกัน แต่มี Expiration Date เดียวกัน เป็นกลยุทธ์ที่คล้ายกับ Straddle แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่าและต้องการความผันผวนที่มากกว่า Strangle

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกกลยุทธ์ Options

• **มุมมองตลาด:** คุณคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอย่างไร? (สูงขึ้น, ลดลง, หรืออยู่ในช่วงแคบๆ)
• **ความเสี่ยงที่ยอมรับได้:** คุณพร้อมที่จะรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?
• **เวลา:** คุณมีเวลามากน้อยแค่ไหนก่อนที่ออปชั่นจะหมดอายุ?
• **ความผันผวน:** ความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิงมีผลต่อราคาของออปชั่นอย่างไร? Volatility
• **ค่าธรรมเนียม:** ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายออปชั่นอาจมีผลต่อผลกำไรของคุณ

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) สามารถช่วยในการตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ออปชั่นที่เหมาะสมได้ ตัวอย่างเช่น:

• **Trend Following:** หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น คุณอาจใช้กลยุทธ์ Long Call หรือ Bull Call Spread
• **Support and Resistance:** หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงเข้าใกล้ระดับ Support คุณอาจใช้กลยุทธ์ Long Call หรือซื้อ Put Option
• **Moving Averages:** การใช้ Moving Averages สามารถช่วยระบุแนวโน้มและความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิง
• **Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา

ตัวอย่างตารางเปรียบเทียบกลยุทธ์

เปรียบเทียบกลยุทธ์ Options

กลยุทธ์	มุมมองตลาด	ความเสี่ยง	กำไรสูงสุด	ขาดทุนสูงสุด
Long Call	ราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น	จำกัด (Premium)	ไม่จำกัด	Premium
Long Put	ราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง	จำกัด (Premium)	จำกัด	Premium
Covered Call	ราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะคงที่หรือสูงขึ้นเล็กน้อย	จำกัด	Premium + (ราคาขายสินทรัพย์อ้างอิง - ราคาซื้อสินทรัพย์อ้างอิง)	ราคาซื้อสินทรัพย์อ้างอิง - Strike Price
Protective Put	ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ลดลง	จำกัด	ไม่จำกัด	Premium

การบริหารความเสี่ยง

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดออปชั่น:

• **กำหนดขนาด Position:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
• **ตั้ง Stop-Loss:** กำหนดระดับราคาที่คุณจะยอมรับการขาดทุน
• **Diversification:** กระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงหลายประเภท
• **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

• CBOE (Chicago Board Options Exchange)
• Investopedia
• Options Industry Council
• การบริหารจัดการความเสี่ยงในการเทรดออปชั่น
• การคำนวณค่ากรีก (Greeks) ในออปชั่น
• การใช้ Indicators ในการเทรดออปชั่น
• การทำความเข้าใจ Implied Volatility
• กลยุทธ์ Delta Neutral
• กลยุทธ์ Iron Condor
• การเทรด Binary Options
• การวิเคราะห์ Fundamental ในการเทรดออปชั่น
• การวิเคราะห์ Sentiment ในการเทรดออปชั่น
• การใช้ Fibonacci Retracement ในออปชั่น
• การใช้ Elliot Wave Theory ในออปชั่น
• การใช้ RSI (Relative Strength Index) ในออปชั่น

สรุป

กลยุทธ์ Options เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สามารถใช้ในการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจพื้นฐาน, กลยุทธ์ต่างๆ, และปัจจัยที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะเริ่มเทรด การฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรดออปชั่น

()

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น