Butterfly Spread Trading

1. Butterfly Spread Trading

Butterfly Spread Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายออปชั่นที่มีความซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำกำไรจากสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ในช่วงเวลาที่กำหนด กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีความเข้าใจในเรื่องของ ออปชั่น และ ความผันผวนของราคา ในระดับหนึ่ง บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Butterfly Spread Trading สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงวิธีการสร้าง, การจัดการความเสี่ยง, และสถานการณ์ที่เหมาะสมในการใช้งาน

หลักการพื้นฐานของ Butterfly Spread

Butterfly Spread เป็นกลยุทธ์ที่เป็นกลาง (Neutral Strategy) หมายความว่าเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงเวลาที่ออปชั่นมีอายุ กลยุทธ์นี้ประกอบด้วยการซื้อและขายออปชั่น Call หรือ Put ในสามราคาที่แตกต่างกัน โดยมีราคาตรงกลางเป็นจุดที่คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ใกล้เคียงที่สุด

มีสองประเภทหลักของ Butterfly Spread:

• **Call Butterfly Spread:** ประกอบด้วยการซื้อ Call option หนึ่งสัญญาที่ราคา Strike Price ต่ำ, ขาย Call option สองสัญญาที่ราคา Strike Price กลาง, และซื้อ Call option หนึ่งสัญญาที่ราคา Strike Price สูง
• **Put Butterfly Spread:** ประกอบด้วยการซื้อ Put option หนึ่งสัญญาที่ราคา Strike Price สูง, ขาย Put option สองสัญญาที่ราคา Strike Price กลาง, และซื้อ Put option หนึ่งสัญญาที่ราคา Strike Price ต่ำ

การสร้าง Call Butterfly Spread

สมมติว่าราคาปัจจุบันของหุ้น XYZ คือ 50 บาท เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ใกล้เคียงกับ 50 บาท เทรดเดอร์สามารถสร้าง Call Butterfly Spread ได้ดังนี้:

1. ซื้อ Call option ที่ Strike Price 45 บาท (ราคาพรีเมียม 2 บาท) 2. ขาย Call option สองสัญญาที่ Strike Price 50 บาท (ราคาพรีเมียมสัญญาละ 1 บาท รวมเป็น 2 บาท) 3. ซื้อ Call option ที่ Strike Price 55 บาท (ราคาพรีเมียม 0.50 บาท)

ค่าใช้จ่ายสุทธิ (Net Debit) สำหรับการสร้าง Butterfly Spread นี้คือ: 2 บาท - 2 บาท + 0.50 บาท = 0.50 บาท

การสร้าง Put Butterfly Spread

สมมติว่าราคาปัจจุบันของหุ้น ABC คือ 100 บาท เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ใกล้เคียงกับ 100 บาท เทรดเดอร์สามารถสร้าง Put Butterfly Spread ได้ดังนี้:

1. ซื้อ Put option ที่ Strike Price 105 บาท (ราคาพรีเมียม 2 บาท) 2. ขาย Put option สองสัญญาที่ Strike Price 100 บาท (ราคาพรีเมียมสัญญาละ 1 บาท รวมเป็น 2 บาท) 3. ซื้อ Put option ที่ Strike Price 95 บาท (ราคาพรีเมียม 0.50 บาท)

ค่าใช้จ่ายสุทธิ (Net Debit) สำหรับการสร้าง Put Butterfly Spread นี้คือ: 2 บาท - 2 บาท + 0.50 บาท = 0.50 บาท

ผลตอบแทนสูงสุดและจุดขาดทุนสูงสุด

• **ผลตอบแทนสูงสุด (Maximum Profit):** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ในช่วง Strike Price กลาง ณ วันหมดอายุของออปชั่น ผลตอบแทนสูงสุดคำนวณได้จาก: (Strike Price กลาง - Strike Price ต่ำ) - Net Debit หรือ (Strike Price สูง - Strike Price กลาง) - Net Debit
• **จุดขาดทุนสูงสุด (Maximum Loss):** เท่ากับ Net Debit ที่จ่ายไปในการสร้าง Butterfly Spread

ผลตอบแทนและความเสี่ยงของ Butterfly Spread

สถานการณ์	ผลตอบแทน
ราคา ณ วันหมดอายุ = Strike Price กลาง	(Strike Price กลาง - Strike Price ต่ำ) - Net Debit หรือ (Strike Price สูง - Strike Price กลาง) - Net Debit
ราคา ณ วันหมดอายุ < Strike Price ต่ำ	-Net Debit
ราคา ณ วันหมดอายุ > Strike Price สูง	-Net Debit

การจัดการความเสี่ยง

Butterfly Spread เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงจำกัด เนื่องจากจุดขาดทุนสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ Net Debit ที่จ่ายไป อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้เพื่อจัดการความเสี่ยง:

• **การเลือก Strike Price:** การเลือก Strike Price ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือก Strike Price ที่อยู่ใกล้เคียงกับราคาที่คาดการณ์ว่าสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่
• **ระยะเวลาหมดอายุ (Time to Expiration):** ระยะเวลาหมดอายุของออปชั่นมีผลต่อความเสี่ยงและผลตอบแทน หากระยะเวลาหมดอายุสั้นเกินไป ราคาอาจเคลื่อนไหวเกินช่วงที่คาดการณ์ไว้ได้ง่าย หากระยะเวลาหมดอายุยาวเกินไป ความผันผวนของราคาอาจเพิ่มขึ้น ทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น
• **ค่าความผันผวน (Implied Volatility):** การเปลี่ยนแปลงของค่าความผันผวนมีผลต่อราคาของออปชั่น หากค่าความผันผวนเพิ่มขึ้น ราคาของออปชั่นจะสูงขึ้น และในทางกลับกัน
• **การปรับตำแหน่ง (Adjustment):** หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวออกไปจากช่วงที่คาดการณ์ไว้ เทรดเดอร์อาจต้องปรับตำแหน่งโดยการซื้อหรือขายออปชั่นเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยง

สถานการณ์ที่เหมาะสมในการใช้งาน

Butterfly Spread เหมาะสำหรับสถานการณ์ต่อไปนี้:

• **คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ:** หากเทรดเดอร์เชื่อว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงเวลาที่กำหนด Butterfly Spread เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม
• **ความผันผวนของราคาต่ำ:** หากความผันผวนของราคาน้อย Butterfly Spread สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
• **ต้องการจำกัดความเสี่ยง:** Butterfly Spread มีความเสี่ยงจำกัด ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการจำกัดความเสี่ยงในการลงทุน

เปรียบเทียบกับกลยุทธ์อื่นๆ

| กลยุทธ์ | ความเสี่ยง | ผลตอบแทน | ความซับซ้อน | |---|---|---|---| | **Butterfly Spread** | ต่ำ | จำกัด | ปานกลาง | | **Straddle** | สูง | ไม่จำกัด | ปานกลาง | | **Strangle** | สูง | ไม่จำกัด | ปานกลาง | | **Covered Call** | ต่ำ | จำกัด | ง่าย | | **Protective Put** | ปานกลาง | จำกัด | ง่าย |

การใช้ Butterfly Spread ใน Binary Options

แม้ว่า Butterfly Spread จะถูกออกแบบมาสำหรับออปชั่นแบบดั้งเดิม แต่แนวคิดนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรด Binary Options ได้ โดยการเลือก Binary Options ที่มีราคา Strike Price ที่แตกต่างกันสามระดับ และลงทุนในแต่ละระดับตามสัดส่วนที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การทำ Butterfly Spread ใน Binary Options อาจมีความซับซ้อนกว่าเนื่องจากลักษณะของ Binary Options ที่มีผลตอบแทนแบบคงที่ (Fixed Return)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

ก่อนที่จะสร้าง Butterfly Spread เทรดเดอร์ควรทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคและ การวิเคราะห์พื้นฐาน เพื่อประเมินแนวโน้มของราคาและระดับความผันผวน การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งสามารถใช้ในการเลือก Strike Price ที่เหมาะสม การวิเคราะห์พื้นฐานสามารถช่วยประเมินปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ข่าวสารเศรษฐกิจ ผลประกอบการของบริษัท และปัจจัยทางการเมือง

ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง

• **Moving Averages (MA):** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของราคา
• **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
• **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา
• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้เพื่อระบุสัญญาณการซื้อขาย
• **Fibonacci Retracement:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้าน

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันแนวโน้มของราคาและระบุสัญญาณการกลับตัว การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของราคาบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่การลดลงของปริมาณการซื้อขายควบคู่ไปกับการลดลงของราคาบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงที่อ่อนแอ

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

• Iron Condor: คล้ายกับ Butterfly Spread แต่ใช้ทั้ง Call และ Put options
• Long Call: ซื้อ Call option เพื่อทำกำไรจากราคาที่เพิ่มขึ้น
• Long Put: ซื้อ Put option เพื่อทำกำไรจากราคาที่ลดลง
• Short Call: ขาย Call option เพื่อทำกำไรจากราคาที่ไม่เพิ่มขึ้น
• Short Put: ขาย Put option เพื่อทำกำไรจากราคาที่ไม่ลดลง
• Covered Call: ขาย Call option บนหุ้นที่ถืออยู่
• Protective Put: ซื้อ Put option เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลง
• Straddle: ซื้อ Call และ Put options ที่ราคา Strike Price เดียวกัน
• Strangle: ซื้อ Call และ Put options ที่ราคา Strike Price ที่แตกต่างกัน
• Calendar Spread: ซื้อและขายออปชั่นที่มีวันหมดอายุที่แตกต่างกัน
• Diagonal Spread: ซื้อและขายออปชั่นที่มีราคา Strike Price และวันหมดอายุที่แตกต่างกัน
• Ratio Spread: ซื้อและขายออปชั่นในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน
• Volatility Trading: ซื้อขายออปชั่นโดยเน้นที่การเปลี่ยนแปลงของความผันผวน
• Delta Hedging: ปรับตำแหน่งออปชั่นเพื่อรักษาสภาวะที่เป็นกลางต่อ Delta
• Gamma Scalping: ทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของ Gamma

สรุป

Butterfly Spread Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายออปชั่นที่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถใช้เพื่อทำกำไรจากสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ เทรดเดอร์ควรมีความเข้าใจในเรื่องของออปชั่น, ความผันผวนของราคา, และการจัดการความเสี่ยงอย่างดีก่อนที่จะใช้งานกลยุทธ์นี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญในการเลือก Strike Price และระยะเวลาหมดอายุที่เหมาะสม (Category:Options Trading Strategies)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น