Support and Resistance Strategy

1. Support and Resistance Strategy

บทนำ

กลยุทธ์ Support and Resistance เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่เก่าแก่และได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย หลักการพื้นฐานของกลยุทธ์นี้คือ การระบุระดับราคาที่แนวโน้มของราคาอาจหยุด หรือกลับตัว กลยุทธ์นี้ใช้ได้ทั้งในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน (Trending Market) และตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideways Market หรือ Ranging Market) การทำความเข้าใจและสามารถระบุระดับ Support และ Resistance ได้อย่างแม่นยำ จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงในการขาดทุน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์ Support and Resistance สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงวิธีการระบุระดับ Support และ Resistance, การใช้งานกลยุทธ์นี้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น, และข้อควรระวังต่างๆ

Support และ Resistance คืออะไร

Support (แนวรับ)* คือ ระดับราคาที่คาดว่าจะมีแรงซื้อมากพอที่จะหยุดการลดลงของราคา ในทางกลับกัน *Resistance (แนวต้าน)* คือ ระดับราคาที่คาดว่าจะมีแรงขายมากพอที่จะหยุดการเพิ่มขึ้นของราคา ระดับเหล่านี้ไม่ได้เป็นเส้นตายที่ราคาจะต้องหยุด แต่เป็นบริเวณที่ราคาอาจจะหยุดพัก หรือกลับตัว

- ทำไม Support และ Resistance ถึงเกิดขึ้น?**

Support และ Resistance เกิดขึ้นจากจิตวิทยาของนักลงทุน เมื่อราคาลดลงเข้าใกล้ระดับ Support นักลงทุนจะมองว่าระดับราคานั้นเป็นโอกาสในการซื้อ เนื่องจากเชื่อว่าราคาจะไม่ลดลงไปต่ำกว่านั้นอีก ทำให้เกิดแรงซื้อเพิ่มขึ้น และดันราคากลับขึ้นไป ในทำนองเดียวกัน เมื่อราคาเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ Resistance นักลงทุนจะมองว่าระดับราคานั้นเป็นโอกาสในการขาย เนื่องจากเชื่อว่าราคาจะไม่เพิ่มขึ้นไปสูงกว่านั้นอีก ทำให้เกิดแรงขายเพิ่มขึ้น และดันราคากลับลงมา

วิธีการระบุระดับ Support และ Resistance

มีหลายวิธีในการระบุระดับ Support และ Resistance ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น:

1. **การมองหาราคาจุดสูงสุดและต่ำสุดก่อนหน้า (Swing Highs and Swing Lows):** วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการระบุระดับ Support และ Resistance โดยการมองหาจุดสูงสุด (Swing High) และจุดต่ำสุด (Swing Low) ในกราฟราคา จุดสูงสุดก่อนหน้ามักจะเป็นแนว Resistance และจุดต่ำสุดก่อนหน้ามักจะเป็นแนว Support

2. **การใช้เส้นแนวโน้ม (Trend Lines):** การลากเส้นแนวโน้มเชื่อมต่อจุดต่ำสุด (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือจุดสูงสุด (สำหรับแนวโน้มขาลง) จะช่วยให้ระบุระดับ Support และ Resistance ได้ เส้นแนวโน้มที่แข็งแกร่งมักจะถูกทดสอบหลายครั้ง และยังคงเป็นแนว Support หรือ Resistance ที่สำคัญ

3. **การใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถใช้เป็นแนว Support หรือ Resistance ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน) ซึ่งมักจะทำหน้าที่เป็นแนว Support หรือ Resistance ที่สำคัญ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

4. **การใช้ Fibonacci Retracement:** เครื่องมือ Fibonacci Retracement ช่วยระบุระดับ Support และ Resistance ที่อาจเกิดขึ้น โดยอิงจากลำดับ Fibonacci ซึ่งเป็นลำดับทางคณิตศาสตร์ที่พบได้บ่อยในธรรมชาติ Fibonacci Retracement

5. **การใช้ Pivot Points:** Pivot Points เป็นเครื่องมือที่ใช้คำนวณระดับ Support และ Resistance ที่สำคัญ โดยอิงจากราคา High, Low, และ Close ของช่วงเวลาก่อนหน้า Pivot Points

6. **Volume Analysis (การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย):** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Support หรือ Resistance อาจบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของระดับนั้นๆ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

การใช้งานกลยุทธ์ Support and Resistance ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

เมื่อระบุระดับ Support และ Resistance ได้แล้ว เราสามารถนำมาใช้งานในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นได้หลายวิธี:

1. **การซื้อเมื่อราคาแตะระดับ Support:** เมื่อราคาลดลงมาแตะระดับ Support เราสามารถเปิด Position Call (ซื้อ) โดยคาดหวังว่าราคาจะกลับตัวขึ้นไป

2. **การขายเมื่อราคาแตะระดับ Resistance:** เมื่อราคาเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ Resistance เราสามารถเปิด Position Put (ขาย) โดยคาดหวังว่าราคาจะกลับตัวลงมา

3. **การ Breakout Strategy (กลยุทธ์การทะลุแนว):** เมื่อราคา Breakout (ทะลุ) ระดับ Resistance ขึ้นไป หรือ Breakdown (ทะลุ) ระดับ Support ลงมา เราสามารถเปิด Position ตามทิศทางของการ Breakout โดยคาดหวังว่าราคาจะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางนั้นๆ กลยุทธ์นี้ต้องระวัง False Breakout (การทะลุหลอก) Breakout Strategy

4. **การ Re-test Strategy (กลยุทธ์การทดสอบแนว):** หลังจากที่ราคา Breakout ระดับ Support หรือ Resistance แล้ว ราคาอาจจะกลับมาทดสอบระดับนั้นอีกครั้ง (Re-test) เราสามารถใช้โอกาสนี้ในการเปิด Position ตามทิศทางของการ Breakout อีกครั้ง Re-test Strategy

5. **การใช้ร่วมกับ Indicators อื่นๆ:** เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการซื้อขาย เราสามารถใช้กลยุทธ์ Support and Resistance ร่วมกับ Indicators ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI, MACD, หรือ Stochastic

ตัวอย่างการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ Support and Resistance

สมมติว่าเรากำลังดูกราฟราคาของคู่เงิน EUR/USD ในไทม์เฟรม 15 นาที เราสังเกตเห็นว่าระดับ 1.1000 เป็นระดับ Support ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากราคาเคยเด้งตัวขึ้นจากระดับนี้หลายครั้ง

**สถานการณ์:** ราคา EUR/USD ลดลงมาแตะระดับ 1.1000
**การวิเคราะห์:** ระดับ 1.1000 เป็นแนว Support ที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่ราคาจะกลับตัวขึ้น
**การซื้อขาย:** เราเปิด Position Call (ซื้อ) โดยเลือก Expiry Time (ระยะเวลาหมดอายุ) เป็น 30 นาที และ Investment Amount (จำนวนเงินลงทุน) เป็น 5% ของเงินทุนทั้งหมด

ข้อควรระวังในการใช้กลยุทธ์ Support and Resistance

1. **False Breakout (การทะลุหลอก):** ราคาอาจจะทะลุระดับ Support หรือ Resistance เพียงชั่วครู่ แล้วกลับตัวกลับมา ทำให้เกิดการขาดทุนได้ ดังนั้นควรระมัดระวังและยืนยันการ Breakout ด้วย Indicators อื่นๆ หรือการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

2. **ระดับ Support และ Resistance ไม่ได้เป็นเส้นตาย:** ระดับ Support และ Resistance ไม่ได้เป็นเส้นตายที่ราคาจะต้องหยุด แต่เป็นบริเวณที่ราคาอาจจะหยุดพัก หรือกลับตัว ดังนั้นควรเผื่อระยะในการวาง Position

3. **การเปลี่ยนแปลงของตลาด:** สภาพตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นระดับ Support และ Resistance ที่เคยแข็งแกร่ง อาจจะอ่อนแอลงได้ในอนาคต ดังนั้นควรติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด

4. **การบริหารความเสี่ยง (Risk Management):** การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ไม่ควรลงทุนเกิน 5-10% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละ Position และควรมีการตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง Risk Management

5. **การเลือก Broker ที่น่าเชื่อถือ:** เลือก Broker ไบนารี่ออปชั่นที่มีความน่าเชื่อถือ และมี Regulation ที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาการถอนเงิน หรือการโกง

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

สรุป

กลยุทธ์ Support and Resistance เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น แต่ต้องใช้ความเข้าใจ และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การระบุระดับ Support และ Resistance ที่แม่นยำ การใช้งานกลยุทธ์อย่างถูกต้อง และการบริหารความเสี่ยงที่ดี จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถประสบความสำเร็จในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นได้

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น