Options Strategy
(ประมาณ 8000 โทเค็น)
Options Strategy
Options Trading เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อน แต่ก็มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงได้ หากใช้อย่างถูกต้อง กลยุทธ์ Options Strategy คือแผนการซื้อขายที่ออกแบบมาเพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง โดยอาศัยการผสมผสานระหว่าง Options ประเภทต่างๆ และการคาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์อ้างอิง บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับกลยุทธ์ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น
พื้นฐานของ Options
ก่อนที่จะเจาะลึกในกลยุทธ์ต่างๆ เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของออปชั่นกันก่อน ออปชั่นมีสองประเภทหลัก:
- **Call Option:** สิทธิ (แต่ไม่ใช่ข้อบังคับ) ในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (Strike Price) ภายในวันที่กำหนด (Expiration Date) ผู้ซื้อ Call Option คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น
- **Put Option:** สิทธิ (แต่ไม่ใช่ข้อบังคับ) ในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (Strike Price) ภายในวันที่กำหนด (Expiration Date) ผู้ซื้อ Put Option คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับออปชั่น เช่น:
- **Premium:** ราคาที่ผู้ซื้อออปชั่นจ่ายให้กับผู้ขายเพื่อแลกกับสิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง
- **Strike Price:** ราคาที่ออปชั่นสามารถใช้สิทธิได้
- **Expiration Date:** วันที่ออปชั่นหมดอายุ และไม่สามารถใช้สิทธิได้อีกต่อไป
- **Intrinsic Value:** มูลค่าของออปชั่นหากใช้สิทธิในทันที
- **Time Value:** ส่วนต่างระหว่างราคาออปชั่นและมูลค่าภายใน (Intrinsic Value) ซึ่งสะท้อนถึงระยะเวลาที่เหลือจนถึงวันหมดอายุ และความผันผวนของราคา
การจำแนกกลยุทธ์ Options
กลยุทธ์ออปชั่นสามารถจำแนกได้หลายวิธี หนึ่งในวิธีที่พบบ่อยคือการแบ่งตามมุมมองของผู้เทรดต่อตลาด:
- **Bullish Strategies:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น เช่น Covered Call, Protective Put, Bull Call Spread, Bull Put Spread
- **Bearish Strategies:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง เช่น Bear Call Spread, Bear Put Spread, Short Strangle, Short Straddle
- **Neutral Strategies:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงแคบๆ หรือไม่เปลี่ยนแปลง เช่น Straddle, Strangle, Iron Condor, Butterfly Spread
กลยุทธ์ Options พื้นฐาน
ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ออปชั่นพื้นฐานบางส่วนที่ผู้เริ่มต้นควรทำความเข้าใจ:
1. **Covered Call:** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อถือครองสินทรัพย์อ้างอิงอยู่แล้ว และต้องการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการขาย Call Option ที่มี Strike Price สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน กลยุทธ์นี้มีประโยชน์ในตลาด Sideways หรือตลาดที่มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 2. **Protective Put:** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงที่ถือครองอยู่ โดยการซื้อ Put Option ที่มี Strike Price ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการล็อคผลกำไร หรือจำกัดความเสี่ยงในการขาดทุน 3. **Long Straddle:** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีความผันผวนอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง โดยการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มี Strike Price และวันหมดอายุเดียวกัน 4. **Short Straddle:** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงแคบๆ โดยการขายทั้ง Call Option และ Put Option ที่มี Strike Price และวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีศักยภาพในการทำกำไรสูงเช่นกัน 5. **Bull Call Spread:** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น โดยการซื้อ Call Option ที่มี Strike Price ต่ำ และขาย Call Option ที่มี Strike Price สูงกว่า 6. **Bear Put Spread:** เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง โดยการซื้อ Put Option ที่มี Strike Price สูง และขาย Put Option ที่มี Strike Price ต่ำกว่า
กลยุทธ์ Options ขั้นสูง
เมื่อมีความเข้าใจในกลยุทธ์พื้นฐานแล้ว ผู้เทรดสามารถสำรวจกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น:
- **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงแคบๆ และต้องการสร้างรายได้จาก Premium ที่ได้รับ
- **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงแคบๆ ใกล้กับ Strike Price กลาง
- **Calendar Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าความผันผวนของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- **Diagonal Spread:** เป็นการผสมผสานระหว่าง Calendar Spread และ Vertical Spread โดยมี Strike Price และวันหมดอายุที่แตกต่างกัน
การวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจ
การเลือกกลยุทธ์ออปชั่นที่เหมาะสมนั้นต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ทั้งในด้าน การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** การศึกษาแผนภูมิราคา และใช้ Indicators ต่างๆ เช่น Moving Averages, RSI, MACD เพื่อระบุแนวโน้ม และรูปแบบราคา
- **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:** การวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ ข่าวสาร และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
- **การวิเคราะห์ความผันผวน (Volatility Analysis):** การประเมินระดับความผันผวนของราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งมีผลต่อราคาของออปชั่น
- **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** การศึกษาปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้ม และรูปแบบราคา
การจัดการความเสี่ยง
การซื้อขายออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง:
- **กำหนด Stop-Loss:** กำหนดระดับราคาที่ยอมรับได้ในการขาดทุน และออกจากตลาดเมื่อราคาถึงระดับนั้น
- **Diversification:** กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
- **Position Sizing:** กำหนดขนาดของ Position ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้
- **Risk/Reward Ratio:** ประเมินอัตราส่วนระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง ก่อนตัดสินใจเข้าซื้อขาย
การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (Binary Options)
Binary Options เป็นรูปแบบหนึ่งของออปชั่นที่ง่ายกว่า เนื่องจากผู้เทรดเพียงแค่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะขึ้นหรือลงภายในระยะเวลาที่กำหนด หากคาดการณ์ถูกต้องจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ แต่หากคาดการณ์ผิดจะเสียเงินลงทุนทั้งหมด แม้ว่า Binary Options จะง่ายกว่า แต่ก็ยังมีความเสี่ยงสูง และควรใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น:
- **Trend Following:** คาดการณ์ตามแนวโน้มของราคา
- **Range Trading:** คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ
- **News Trading:** คาดการณ์จากการประกาศข่าวสารสำคัญ
| **สถานการณ์** | | ถือครองหุ้น และคาดว่าราคาจะไม่ขึ้นมาก | | ถือครองหุ้น และต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคา | | คาดว่าราคาจะมีความผันผวนสูง แต่ไม่แน่ใจทิศทาง | | คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ | | คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น | | คาดว่าราคาจะลดลง | |
สรุป
กลยุทธ์ออปชั่นเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน การทำความเข้าใจพื้นฐานของออปชั่น การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม การวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จในการซื้อขายออปชั่น
Options Greeks | Volatility | Implied Volatility | Time Decay | Trading Psychology | Risk Management | Technical Indicators | Fundamental Analysis | Market Sentiment | Trading Platform | Options Chain | Strike Price Selection | Expiration Date Considerations | Position Sizing | Binary Option Strategies | Candlestick Patterns | Chart Patterns | Moving Averages | RSI (Relative Strength Index) | MACD (Moving Average Convergence Divergence)
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
