Investopedia: Straddle

Investopedia: Straddle

• • บทนำ**

กลยุทธ์ Straddle เป็นกลยุทธ์ออปชั่นที่เป็นกลาง (Neutral Strategy) ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าสินทรัพย์อ้างอิงจะมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และวันหมดอายุ (Expiration Date) เดียวกัน กลยุทธ์ Straddle เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ถึงความผันผวน (Volatility) ที่สูงในตลาด แต่ไม่สามารถระบุทิศทางของราคาได้อย่างชัดเจน ในโลกของ ไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจกลยุทธ์นี้สามารถเปิดโอกาสในการทำกำไรในสถานการณ์ที่ตลาดผันผวนอย่างรุนแรงได้

• • หลักการทำงานของ Straddle**

Straddle ทำงานโดยอาศัยหลักการที่ว่า ความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงกว่าค่าพรีเมี่ยม (Premium) ที่จ่ายไปสำหรับ Call และ Put Option รวมกัน หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง กำไรจากออปชั่นที่อยู่ในทิศทางเดียวกับการเคลื่อนไหวนั้นจะมากกว่าค่าพรีเมี่ยมที่จ่ายไปทั้งหมด ทำให้เกิดกำไรสุทธิ

• **Call Option:** ให้สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด (Strike Price) ก่อนวันหมดอายุ
• **Put Option:** ให้สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด (Strike Price) ก่อนวันหมดอายุ

การซื้อทั้ง Call และ Put Option พร้อมกันทำให้คุณสามารถทำกำไรได้ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลง แต่ก็แลกมาด้วยค่าพรีเมี่ยมที่ต้องจ่ายสำหรับทั้งสองออปชั่น

• • องค์ประกอบของ Straddle**

1. **ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** ราคาที่ออปชั่น Call และ Put จะมีผลบังคับใช้ 2. **วันหมดอายุ (Expiration Date):** วันที่ออปชั่นจะหมดอายุและไม่สามารถใช้สิทธิได้อีกต่อไป 3. **ค่าพรีเมี่ยม (Premium):** ราคาที่ผู้ซื้อจ่ายให้กับผู้ขายออปชั่นเพื่อแลกกับสิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง 4. **Break-Even Point:** จุดที่กำไรและขาดทุนเท่ากัน ซึ่งคำนวณได้จากราคาใช้สิทธิ บวกหรือลบด้วยค่าพรีเมี่ยมที่จ่ายไป

• • ตัวอย่างการใช้งาน Straddle**

สมมติว่าหุ้น XYZ ซื้อขายอยู่ที่ราคา 50 บาท และคุณคาดการณ์ว่าจะมีข่าวสำคัญที่อาจทำให้ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปในทิศทางใด คุณตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Straddle โดย:

• ซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมี่ยม 2 บาทต่อหุ้น
• ซื้อ Put Option ที่ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมี่ยม 2 บาทต่อหุ้น

ดังนั้น ต้นทุนรวมในการทำ Straddle คือ 4 บาทต่อหุ้น

• **สถานการณ์ที่ 1: ราคาหุ้นขึ้นเป็น 60 บาท**

   *   Call Option: สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นที่ราคา 50 บาท และขายในตลาดที่ราคา 60 บาท ได้กำไร 10 บาทต่อหุ้น ลบด้วยค่าพรีเมี่ยม 2 บาท = กำไรสุทธิ 8 บาทต่อหุ้น
   *   Put Option: หมดอายุโดยไม่มีมูลค่า
   *   กำไรรวม: 8 บาทต่อหุ้น

• **สถานการณ์ที่ 2: ราคาหุ้นลงเป็น 40 บาท**

   *   Call Option: หมดอายุโดยไม่มีมูลค่า
   *   Put Option: สามารถใช้สิทธิขายหุ้นที่ราคา 50 บาท ในขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 40 บาท ได้กำไร 10 บาทต่อหุ้น ลบด้วยค่าพรีเมี่ยม 2 บาท = กำไรสุทธิ 8 บาทต่อหุ้น
   *   กำไรรวม: 8 บาทต่อหุ้น

• **สถานการณ์ที่ 3: ราคาหุ้นอยู่ที่ 50 บาท (ไม่เปลี่ยนแปลง)**

   *   Call Option: หมดอายุโดยไม่มีมูลค่า
   *   Put Option: หมดอายุโดยไม่มีมูลค่า
   *   ขาดทุนรวม: 4 บาทต่อหุ้น (ค่าพรีเมี่ยมที่จ่ายไป)

จากตัวอย่างจะเห็นว่ากลยุทธ์ Straddle จะทำกำไรได้เมื่อราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่จะขาดทุนหากราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

• • ปัจจัยที่มีผลต่อ Straddle**

1. **ความผันผวน (Volatility):** เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกลยุทธ์ Straddle ยิ่งความผันผวนสูง โอกาสในการทำกำไรก็จะยิ่งมากขึ้น 2. **เวลา (Time Decay):** ค่าของออปชั่นจะลดลงเมื่อเข้าใกล้ วันหมดอายุ (Time Decay) ดังนั้นการเลือกวันหมดอายุที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ 3. **อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates):** มีผลต่อราคาออปชั่น แต่โดยทั่วไปแล้วผลกระทบจะไม่มากนัก 4. **ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** การเลือกราคาใช้สิทธิที่เหมาะสมกับความคาดการณ์ของคุณจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

• • ข้อดีและข้อเสียของ Straddle**

ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Straddle

ข้อเสีย|

ต้องจ่ายค่าพรีเมี่ยมสำหรับทั้ง Call และ Put Option|

ขาดทุนหากราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก|

ต้องมีการคาดการณ์ความผันผวนที่แม่นยำ|

อาจต้องมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด|

• • Straddle กับ Binary Options**

ในโลกของ ไบนารี่ออปชั่น แนวคิดของ Straddle สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้โดยการเปิด Position ทั้ง Call และ Put ในสินทรัพย์เดียวกัน โดยมีระยะเวลาหมดอายุเดียวกัน การทำเช่นนี้จะคล้ายกับการซื้อ Straddle ในตลาดออปชั่นแบบดั้งเดิม แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันเนื่องจากไบนารี่ออปชั่นมีรูปแบบการจ่ายผลที่ตายตัว (Fixed Payout)

• • กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง**

• **Long Straddle:** กลยุทธ์พื้นฐานที่อธิบายข้างต้น
• **Short Straddle:** การขายทั้ง Call และ Put Option โดยคาดการณ์ว่าราคาจะแกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบๆ Short Straddle
• **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ Butterfly Spread
• **Condor Spread:** คล้ายกับ Butterfly Spread แต่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน Condor Spread
• **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่รวมทั้ง Call และ Put Option เพื่อทำกำไรจากความผันผวนที่ต่ำ Iron Condor
• **Covered Call:** การขาย Call Option บนหุ้นที่คุณถืออยู่ Covered Call
• **Protective Put:** การซื้อ Put Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลงของหุ้นที่คุณถืออยู่ Protective Put
• **Calendar Spread:** การซื้อและขายออปชั่นที่มีวันหมดอายุต่างกัน Calendar Spread
• **Diagonal Spread:** การซื้อและขายออปชั่นที่มีทั้งราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุต่างกัน Diagonal Spread
• **Volatility Trading:** การเทรดโดยเน้นที่การเปลี่ยนแปลงของความผันผวน Volatility Trading
• **Delta Neutral Strategy:** กลยุทธ์ที่พยายามรักษาสมดุลของ Delta เพื่อลดความเสี่ยง Delta Neutral Strategy
• **Gamma Scalping:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของ Gamma Gamma Scalping
• **Vega Trading:** การเทรดโดยเน้นที่การเปลี่ยนแปลงของ Vega (ความไวต่อความผันผวน) Vega Trading
• **Mean Reversion:** กลยุทธ์ที่คาดการณ์ว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย Mean Reversion
• **Trend Following:** กลยุทธ์ที่ตามแนวโน้มของราคา Trend Following

• • การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย**

การใช้เครื่องมือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD, และ Bollinger Bands สามารถช่วยระบุโอกาสในการใช้กลยุทธ์ Straddle ได้ นอกจากนี้ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) สามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มหรือการกลับตัวของราคาได้

• • การบริหารความเสี่ยง**

• **จำกัดขนาด Position:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
• **ตั้ง Stop-Loss:** กำหนดจุด Stop-Loss เพื่อจำกัดการขาดทุน
• **ติดตามความผันผวน:** เฝ้าดูความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิงอย่างใกล้ชิด
• **ปรับ Position:** ปรับ Position ของคุณตามสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

• • สรุป**

กลยุทธ์ Straddle เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของตลาด แต่จำเป็นต้องมีความเข้าใจในหลักการทำงานของออปชั่นและการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การประยุกต์ใช้แนวคิดนี้ใน ไบนารี่ออปชั่น สามารถเปิดโอกาสใหม่ๆ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่แตกต่างกัน การศึกษาและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในการเทรด

การเทรดออปชั่น | การบริหารความเสี่ยงในการเทรด | การวิเคราะห์ตลาด | การลงทุนในตลาดการเงิน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น