ไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิม

1. 1. ไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิม

ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักลงทุนรายย่อยที่ต้องการเข้าถึงตลาดการเงินด้วยเงินทุนน้อย และด้วยกลไกที่เข้าใจง่ายกว่าเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะดูเหมือนง่าย แต่การทำความเข้าใจพื้นฐานและกลไกการทำงานของมันอย่างถ่องแท้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขาย บทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่การอธิบายไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิม (Traditional Binary Options) ซึ่งเป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุดของไบนารี่ออปชั่น ให้กับผู้เริ่มต้น

1. 1. 1. ไบนารี่ออปชั่นคืออะไร?

ไบนารี่ออปชั่นเป็นสัญญาทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสองแบบเท่านั้น: กำไรที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือขาดทุนจำนวนเงินลงทุนเดิมพัน (all-or-nothing payout) ชื่อ "ไบนารี่" (Binary) มาจากความเป็นไปได้เพียงสองอย่างนี้ – ใช่ หรือ ไม่ (Yes or No) – ที่ผลลัพธ์ของการซื้อขายจะขึ้นอยู่กับ

หลักการพื้นฐานของไบนารี่ออปชั่นคือการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) จะสูงขึ้นหรือต่ำลงจากระดับราคาที่กำหนดไว้ (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Expiration Time) สินทรัพย์อ้างอิงอาจเป็นได้ทั้ง สกุลเงิน (Forex), หุ้น (Stocks), ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (Stock Indices), สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่น ทองคำ หรือน้ำมันดิบ

1. 1. 1. กลไกการทำงานของไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิม

1. **การเลือกสินทรัพย์อ้างอิง:** นักลงทุนจะต้องเลือกสินทรัพย์อ้างอิงที่ต้องการทำการซื้อขาย เช่น EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ) หรือทองคำ 2. **การเลือก Strike Price:** กำหนดระดับราคาที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าระดับนี้ 3. **การเลือกระยะเวลาหมดอายุ (Expiration Time):** กำหนดระยะเวลาที่สัญญาจะหมดอายุ ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่ 60 วินาที, 5 นาที, 15 นาที, 1 ชั่วโมง หรืออื่นๆ 4. **การลงทุน:** กำหนดจำนวนเงินลงทุนที่ต้องการใช้ในการซื้อขาย 5. **การตัดสินใจ:** ตัดสินใจว่าจะ "โทร" (Call) หรือ "พุท" (Put)

   *   **Call Option:** คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะ *สูงกว่า* Strike Price เมื่อสัญญาหมดอายุ
   *   **Put Option:** คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะ *ต่ำกว่า* Strike Price เมื่อสัญญาหมดอายุ

6. **ผลลัพธ์:** เมื่อสัญญาหมดอายุ จะมีผลลัพธ์สองแบบ:

   *   **ทำกำไร:** หากการคาดการณ์ถูกต้อง (ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คาดไว้) นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Payout) ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 70-90% ของเงินลงทุน
   *   **ขาดทุน:** หากการคาดการณ์ผิดพลาด (ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดไว้) นักลงทุนจะเสียเงินลงทุนทั้งหมด

1. 1. 1. ตัวอย่างการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิม

สมมติว่าคุณเชื่อว่าราคาของทองคำจะสูงขึ้นในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ คุณตัดสินใจซื้อ Call Option ด้วย Strike Price ที่ 1,805 ดอลลาร์สหรัฐ และลงทุน 100 ดอลลาร์สหรัฐ

• **หากราคาทองคำสูงกว่า 1,805 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสัญญาหมดอายุ:** คุณจะได้รับผลตอบแทน 80% (สมมติว่า Payout คือ 80%) ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับเงิน 80 ดอลลาร์สหรัฐ บวกกับเงินลงทุนเดิม 100 ดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็น 180 ดอลลาร์สหรัฐ
• **หากราคาทองคำต่ำกว่าหรือเท่ากับ 1,805 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสัญญาหมดอายุ:** คุณจะเสียเงินลงทุน 100 ดอลลาร์สหรัฐทั้งหมด

1. 1. 1. ข้อดีและข้อเสียของไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิม

• • ข้อดี:**

• **ความเรียบง่าย:** กลไกการทำงานของไบนารี่ออปชั่นเข้าใจง่ายกว่าเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ
• **ความเสี่ยงที่จำกัด:** ความเสี่ยงสูงสุดที่นักลงทุนจะสูญเสียคือจำนวนเงินลงทุนเดิมพัน
• **ผลตอบแทนที่แน่นอน:** ผลตอบแทนและความเสี่ยงถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้สามารถคำนวณผลกำไรและขาดทุนได้อย่างชัดเจน
• **การเข้าถึงตลาดที่ง่าย:** สามารถซื้อขายได้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยมีเงินทุนเริ่มต้นที่น้อย

• • ข้อเสีย:**

• **โอกาสในการทำกำไรที่จำกัด:** ผลตอบแทนมักจะต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ
• **ความเสี่ยงสูง:** โอกาสในการขาดทุนสูง เนื่องจากผลลัพธ์มีเพียงสองแบบเท่านั้น
• **การหลอกลวง:** มีโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือจำนวนมากในตลาดไบนารี่ออปชั่น
• **ความผันผวนของตลาด:** ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอาจมีความผันผวนสูง ทำให้ยากต่อการคาดการณ์ทิศทางราคา

1. 1. 1. กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิม

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคเพียงอย่างเดียว การมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีการวางแผนอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางส่วนที่นิยมใช้:

• **Trend Following:** การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา โดยการระบุแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หรือแนวโน้มขาลง (Downtrend) และทำการซื้อขายตามแนวโน้มนั้น Trend Following Strategy
• **Support and Resistance:** การระบุระดับแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) และทำการซื้อขายเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับเหล่านี้ Support and Resistance Trading
• **Moving Averages:** การใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อระบุแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขาย Moving Average Crossover Strategy
• **Bollinger Bands:** การใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนและระบุสัญญาณการซื้อขาย Bollinger Bands Strategy
• **Pin Bar Strategy:** การระบุรูปแบบแท่งเทียน Pin Bar ซึ่งเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม Pin Bar Trading
• **Price Action Trading:** การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยตรงโดยไม่ต้องใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค Price Action Trading
• **News Trading:** การซื้อขายตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง News Trading Strategy
• **Martingale Strategy:** การเพิ่มขนาดการลงทุนเป็นสองเท่าหลังจากการขาดทุนแต่ละครั้ง (กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง) Martingale Strategy
• **Anti-Martingale Strategy:** การเพิ่มขนาดการลงทุนหลังจากการทำกำไรแต่ละครั้ง Anti-Martingale Strategy
• **Straddle Strategy:** การซื้อทั้ง Call Option และ Put Option พร้อม Strike Price และ Expiration Time เดียวกัน เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา Straddle Strategy
• **Strangle Strategy:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Strike Price ที่แตกต่างกัน Strangle Strategy
• **Boundary Strategy:** การคาดการณ์ว่าราคาจะทะลุขอบเขตราคาที่กำหนดไว้หรือไม่ Boundary Strategy
• **High/Low Strategy:** การคาดการณ์ว่าราคาจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันเมื่อสัญญาหมดอายุ High/Low Strategy
• **One Touch Strategy:** การคาดการณ์ว่าราคาจะแตะระดับราคาที่กำหนดไว้ก่อนที่สัญญาจะหมดอายุ One Touch Strategy
• **Ladder Strategy:** การเลือก Strike Price หลายระดับเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร Ladder Strategy

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน

การตัดสินใจซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่ดีควรมาจากการวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิค (Technical Analysis) และพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** การใช้แผนภูมิและตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและระบุสัญญาณการซื้อขาย Technical Analysis ตัวอย่างเช่น การใช้ Relative Strength Index (RSI), Moving Average Convergence Divergence (MACD), Fibonacci Retracement, และ Japanese Candlesticks
• **การวิเคราะห์พื้นฐาน:** การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และอุตสาหกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง Fundamental Analysis ตัวอย่างเช่น การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย การว่างงาน และผลประกอบการของบริษัท

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการ:

• **กำหนดขนาดการลงทุน:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถเสียได้
• **ใช้ Stop Loss:** กำหนดระดับราคาที่คุณจะยอมรับการขาดทุน
• **กระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงเพียงอย่างเดียว
• **มีวินัย:** ปฏิบัติตามกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างเคร่งครัด
• **อย่าซื้อขายด้วยอารมณ์:** ตัดสินใจซื้อขายโดยใช้เหตุผล ไม่ใช่อารมณ์

1. 1. 1. การเลือกโบรกเกอร์

การเลือกโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์นั้นได้รับการควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่ได้รับการยอมรับ และมีชื่อเสียงที่ดีในตลาด

1. 1. 1. ข้อควรระวัง

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง และไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน ก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขาย ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน

ตัวอย่างตารางเปรียบเทียบ Payout และ Risk/Reward Ratio

Strike Price | Expiration Time | Payout | Risk/Reward Ratio |
1.1000 | 60 วินาที | 80% | 1:1.8 |	1,800 | 5 นาที | 75% | 1:1.67 |	4,500 | 1 ชั่วโมง | 90% | 1:2.22 |

1. 1. 1. สรุป

ไบนารี่ออปชั่นแบบดั้งเดิมเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เรียบง่ายแต่มีความเสี่ยงสูง การทำความเข้าใจกลไกการทำงาน กลยุทธ์การซื้อขาย การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน และการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

การซื้อขาย Forex การลงทุนในหุ้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง การจัดการเงินทุน การอ่านแผนภูมิราคา การใช้ Indicators การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย กลยุทธ์การเทรดระยะสั้น การเทรดตามข่าว การเทรดในตลาดที่มีความผันผวน การเทรดด้วยระบบอัตโนมัติ การเทรดด้วยมือ การบริหารความเสี่ยงขั้นสูง การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับไบนารี่ออปชั่น

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น