นิยามและการเปรียบเทียบไบนารี่ออปชันกับฟอเร็กซ์

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1

นิยามและการเปรียบเทียบไบนารี่ออปชันกับฟอเร็กซ์

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Binary option และเปรียบเทียบความแตกต่างพื้นฐานระหว่างการซื้อขายไบนารี่ออปชันกับตลาดฟอเร็กซ์ (Forex) สำหรับผู้เริ่มต้น โดยจะเน้นที่โครงสร้างของผลิตภัณฑ์ทางการเงินแต่ละประเภท ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และวิธีการทำงานโดยสังเขป

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับไบนารี่ออปชัน

Binary option หรือ ออปชันแบบไบนารี่ คือ ตราสารอนุพันธ์ทางการเงินประเภทหนึ่งที่มีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนที่ตายตัวและมีความเสี่ยงที่จำกัดไว้ล่วงหน้า ชื่อ "ไบนารี่" (Binary) หมายถึง มีเพียงสองผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เท่านั้น คือ ได้รับผลตอบแทนที่ตกลงกันไว้ หรือ สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดในธุรกรรมนั้น

  • **ลักษณะสำคัญ:**
   *   การตัดสินใจมีเพียง "ใช่" หรือ "ไม่" (ขึ้นอยู่กับราคาใน Expiry time)
   *   ผลตอบแทนและผลขาดทุนถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนการเข้าทำรายการ
   *   ไม่เกี่ยวข้องกับการถือครองสินทรัพย์จริง
  • **องค์ประกอบหลักของการเทรดไบนารี่ออปชัน:**
   *   **สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset):** สิ่งที่ใช้ในการอ้างอิงราคา เช่น คู่สกุลเงิน (EUR/USD), ดัชนีหุ้น, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์
   *   **ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** ระดับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ เวลาที่เปิดออปชัน
   *   **เวลาหมดอายุ (Expiration Time):** ช่วงเวลาที่กำหนดว่าออปชันจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
   *   **ประเภทของออปชัน:** ส่วนใหญ่มักเป็น Call option (คาดว่าราคาจะสูงขึ้น) หรือ Put option (คาดว่าราคาจะต่ำลง)
   *   **อัตราการจ่ายผลตอบแทน (Payout):** เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนที่จะได้รับคืนหากการคาดการณ์ถูกต้อง (เช่น 70% ถึง 95%)
  • **ผลลัพธ์ของการเทรด:**
   *   **In-the-money (ITM):** หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ เวลาหมดอายุเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ผู้เทรดจะได้รับเงินลงทุนคืนบวกกับกำไรตามอัตรา Payout
   *   **Out-of-the-money (OTM):** หากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ผู้เทรดจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดที่ใช้ในการเปิดออปชันนั้น

การทำความเข้าใจเรื่อง การเลือกเวลาหมดอายุและระดับราคาใช้สิทธิ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชัน เนื่องจากเป็นตัวกำหนดเงื่อนไขการชนะหรือแพ้โดยตรง

การเปรียบเทียบไบนารี่ออปชันกับฟอเร็กซ์

ตลาดฟอเร็กซ์ (Foreign Exchange Market) คือตลาดที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากในด้านโครงสร้างความเสี่ยงและการทำกำไรเมื่อเทียบกับไบนารี่ออปชัน

  1. ความแตกต่างเชิงโครงสร้าง

| คุณสมบัติ | ไบนารี่ออปชัน (Binary Options) | ฟอเร็กซ์ (Forex Trading) |

| **รูปแบบการทำกำไร** | ได้รับผลตอบแทนคงที่ หรือ เสียเงินลงทุนทั้งหมด | กำไร/ขาดทุนขึ้นอยู่กับขนาดของการเคลื่อนไหวของราคา | | **ความเสี่ยงสูงสุด** | จำกัดอยู่ที่จำนวนเงินลงทุนในออปชันนั้น | อาจเกินกว่าเงินทุนเริ่มต้น (ขึ้นอยู่กับเลเวอเรจ) | | **การถือครอง** | ไม่มีสินทรัพย์จริง ไม่มีค่าสวอป (Swap) | ถือสถานะ (Position) อาจมีค่าธรรมเนียมข้ามคืน (Swap/Rollover) | | **การใช้เลเวอเรจ** | โดยนัย (อยู่ในอัตรา Payout) | ใช้เลเวอเรจโดยตรง (เช่น 1:100, 1:500) | | **เวลาสิ้นสุด** | มี เวลาหมดอายุ ที่แน่นอน | เปิดสถานะได้จนกว่าจะปิดด้วยตนเอง |

  1. ความแตกต่างด้านความเสี่ยงและการควบคุม

ในตลาดฟอเร็กซ์ ผู้เทรดจะซื้อขายเป็น "ล็อต" และกำไร/ขาดทุนจะคำนวณตามจำนวน "พิปส์" (Pips) ที่ราคาเคลื่อนไหวไปจากราคาเปิด หากราคาเคลื่อนไหวผิดทาง ผู้เทรดสามารถตั้งค่า จุดตัดขาดทุน เพื่อจำกัดการสูญเสียได้ และหากราคาเคลื่อนไหวถูกทาง กำไรก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามการเคลื่อนไหวของราคา

ในทางกลับกัน ไบนารี่ออปชันนั้นมีความเสี่ยงที่ชัดเจนกว่าในแง่ของจำนวนเงินที่อาจสูญเสียได้ (เท่ากับเงินลงทุน) แต่ก็มีข้อจำกัดในการทำกำไรเช่นกัน (จำกัดอยู่ที่อัตรา Payout ที่กำหนดไว้)

  • **การบริหารความเสี่ยง:** ในฟอเร็กซ์ การบริหารความเสี่ยงมักเกี่ยวข้องกับการกำหนดขนาดตำแหน่งและใช้คำสั่ง Stop loss เพื่อป้องกันการขาดทุนเกินตัว ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ การบริหารความเสี่ยงในการลงทุนไบนารี่ออปชั่น และการเทรดประเภทอื่น
  • **ความคาดหวัง:** ฟอเร็กซ์เปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ไม่จำกัดหากคาดการณ์ แนวโน้ม ถูกต้อง แต่ก็มีโอกาสขาดทุนไม่จำกัดหากไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี ในขณะที่ไบนารี่ออปชัน การทำกำไรถูกจำกัดไว้ที่อัตราคงที่เสมอ
  1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ร่วมกัน

แม้ว่าโครงสร้างการทำกำไรจะต่างกัน แต่ทั้งสองตลาดใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเดียวกันในการคาดการณ์ทิศทางราคา เช่น การวิเคราะห์ รูปแบบแท่งเทียน, การหาแนว แนวรับแนวต้าน, การใช้ตัวชี้วัดอย่าง RSI, MACD, หรือ Bollinger Bands และทฤษฎีอย่าง Elliott wave

การเข้าและออกจากการเทรดไบนารี่ออปชัน

เนื่องจากไบนารี่ออปชันมีลักษณะเป็น "เดิมพัน" ทิศทางราคาในช่วงเวลาสั้นๆ ขั้นตอนการเข้าทำรายการจึงค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ต้องอาศัยการตัดสินใจที่รวดเร็ว

  1. ขั้นตอนการเข้าทำรายการ (Call/Put)
  1. **เลือกสินทรัพย์อ้างอิง:** ตัดสินใจว่าจะเทรดคู่สกุลเงินใด (เช่น EUR/USD) หรือสินทรัพย์ใด
  2. **วิเคราะห์ตลาด:** ใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในช่วงเวลาสั้นๆ โดยพิจารณาจาก แนวโน้ม ปัจจุบัน หรือสัญญาณจากตัวชี้วัด
  3. **กำหนด เวลาหมดอายุ:** เลือกช่วงเวลาที่คาดว่าราคาจะไปถึงจุดที่ต้องการ (เช่น 1 นาที, 5 นาที, 15 นาที) การเลือกเวลาที่เหมาะสมมีความสำคัญมากสำหรับความสำเร็จในการเทรด
  4. **กำหนดจำนวนเงินลงทุน:** ตัดสินใจว่าจะลงทุนเท่าใดในออปชันนี้ (ต้องสอดคล้องกับหลักการ การบริหารความเสี่ยงในการวางขนาดตำแหน่ง)
  5. **ตัดสินใจทิศทาง:**
   *   หากคาดว่าราคาจะ **สูงขึ้น** ให้เลือก **Call**
   *   หากคาดว่าราคาจะ **ต่ำลง** ให้เลือก **Put**
  1. **ยืนยันการสั่งซื้อ:** กดปุ่มซื้อ (Open Trade) ระบบจะบันทึกราคาใช้สิทธิและเวลาหมดอายุ
  1. การออกจากรายการ

การออกจากรายการในไบนารี่ออปชันนั้นง่ายกว่าฟอเร็กซ์มาก เนื่องจากเป็นแบบอัตโนมัติ

  • **การปิดโดยอัตโนมัติ:** เมื่อถึง เวลาหมดอายุ ออปชันจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ และผลลัพธ์จะถูกคำนวณทันที
  • **การปิดก่อนกำหนด (ถ้ามี):** โบรกเกอร์บางรายอาจเสนอตัวเลือก "Early Close" หรือ "Close Now" ซึ่งอนุญาตให้ผู้เทรดปิดออปชันก่อนกำหนดเวลาได้ แต่โดยปกติแล้วจะมีการปรับ Payout ให้ต่ำลง หรืออาจมีการหักค่าธรรมเนียม
  1. การตั้งความคาดหวังที่เป็นจริงและความเสี่ยง

ไบนารี่ออปชันเป็นที่รู้จักในเรื่องความเร็วและความเสี่ยงสูง ผู้เริ่มต้นมักประสบปัญหาเนื่องจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเสี่ยงและอารมณ์ในการเทรด

  • **ความเสี่ยงหลัก:** ความเสี่ยงสูงสุดคือการสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดในแต่ละรายการ หากคุณลงทุน 100 บาท และแพ้ คุณจะเสีย 100 บาททันที นี่คือเหตุผลที่ การบริหารความเสี่ยงในการลงทุนไบนารี่ออปชั่น มีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่ากำไรจะจำกัด แต่การสูญเสียก็เต็มจำนวนที่ลงทุนไป
  • **ความคาดหวังในการชนะ:** เพื่อให้มีกำไรอย่างยั่งยืน คุณต้องมีอัตราการชนะที่สูงกว่า 50% เล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับอัตรา Payout ของโบรกเกอร์) หากโบรกเกอร์จ่าย 80% คุณอาจต้องชนะประมาณ 55-60% ของการเทรดเพื่อครอบคลุมการขาดทุนและยังคงมีกำไร

ตัวอย่างการคำนวณกำไร/ขาดทุน (สมมติลงทุน 100 บาท และ Payout 80%)

ผลลัพธ์ การคำนวณ จำนวนเงินที่ได้รับ/สูญเสีย
ชนะ (ITM) 100 บาท (เงินลงทุน) + (100 บาท * 80%) ได้รับคืน 180 บาท (กำไร 80 บาท)
แพ้ (OTM) 100 บาท (เงินลงทุน) สูญเสีย 100 บาท

ผู้เริ่มต้นควรใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) บนแพลตฟอร์มอย่าง IQ Option หรือ Pocket Option เพื่อทดสอบกลยุทธ์และทำความคุ้นเคยกับอินเทอร์เฟซก่อนการใช้เงินจริง การบันทึกการเทรดลงใน สมุดบันทึกการเทรด จะช่วยให้เห็นภาพรวมว่ากลยุทธ์ใดใช้ได้ผล และหลีกเลี่ยง ผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจซื้อขาย

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้นสำหรับไบนารี่ออปชัน

เนื่องจากไบนารี่ออปชันมักมีการเทรดในกรอบเวลาสั้น (เช่น 1-5 นาที) การวิเคราะห์จึงต้องเน้นไปที่ความผันผวนและโมเมนตัมระยะสั้น

  1. การใช้แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance)

แนวรับแนวต้านเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ใช้ระบุระดับราคาที่ตลาดเคยมีการกลับตัวในอดีต

  • **สิ่งที่ต้องมองหา:** ระดับราคาที่ราคาเคยเด้งกลับขึ้นไป (แนวรับ) หรือเคยถูกปฏิเสธไม่ให้สูงขึ้นไปอีก (แนวต้าน)
  • **กฎการตรวจสอบ (Validation Rules):** แนวรับ/แนวต้านที่แข็งแกร่งคือระดับที่ราคาชนแล้วกลับตัวอย่างน้อย 2-3 ครั้ง และยิ่งใช้กรอบเวลาที่สูงกว่าในการระบุระดับนั้น ระดับนั้นก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
  • **เกณฑ์การไม่ใช้ (Invalidation Criteria):** หากราคาเบรกทะลุแนวรับ/แนวต้านสำคัญไปอย่างชัดเจน (เช่น ปิดแท่งเทียนถัดไปอยู่เหนือแนวต้าน) แสดงว่าโมเมนตัมได้เปลี่ยนไปแล้ว
  • **ข้อผิดพลาดทั่วไป:** การพยายามเทรดทุกครั้งที่ราคาเข้าใกล้เส้นแนวรับ/แนวต้าน โดยไม่รอการยืนยันการกลับตัว
  1. การใช้ตัวชี้วัดโมเมนตัม: RSI (Relative Strength Index)

RSI เป็นตัวชี้วัดโมเมนตัมที่แสดงความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100

  • **สิ่งที่ต้องมองหา:**
   *   **ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought):** เมื่อ RSI สูงกว่า 70 (อาจเป็นสัญญาณให้พิจารณา Put option)
   *   **ภาวะขายมากเกินไป (Oversold):** เมื่อ RSI ต่ำกว่า 30 (อาจเป็นสัญญาณให้พิจารณา Call option)
  • **กฎการตรวจสอบ (Validation Rules):** ไม่ควรเข้าเทรดทันทีที่ RSI แตะระดับ 70 หรือ 30 ควรรอให้ราคาเริ่มแสดงการกลับตัวบนกราฟ รูปแบบแท่งเทียน ประกอบด้วย
  • **ข้อผิดพลาดทั่วไป:** การเข้าเทรด Put เมื่อ RSI แตะ 70 ในขณะที่ตลาดอยู่ใน แนวโน้มขาขึ้น ที่แข็งแกร่งมาก (Overbought สามารถคงอยู่ได้นานในตลาดที่มีโมเมนตัมสูง)
  1. แนวคิดการทดสอบย้อนหลังอย่างง่าย (Simple Backtesting Idea)

สำหรับไบนารี่ออปชัน การทดสอบย้อนหลังควรเน้นที่การจับคู่เงื่อนไขการเข้ากับ เวลาหมดอายุ ที่เลือก

  1. **กำหนดกลยุทธ์:** เช่น "จะเปิด Call เมื่อ RSI ต่ำกว่า 30 และแท่งเทียนถัดไปเป็นแท่งเขียวปิดเหนือระดับต่ำสุดของแท่งก่อนหน้า"
  2. **กำหนดกรอบเวลาและเวลาหมดอายุ:** เช่น ใช้กราฟ 1 นาที และตั้ง เวลาหมดอายุ เป็น 3 นาที
  3. **ทบทวนข้อมูลย้อนหลัง:** เลื่อนดูกราฟย้อนหลัง 100 ครั้ง
  4. **บันทึกผล:** บันทึกว่าการเข้าเทรดตามกฎนี้ ชนะกี่ครั้ง และแพ้กี่ครั้ง
  5. **คำนวณความแม่นยำ:** หากชนะ 60 ครั้ง จาก 100 ครั้ง (60%) และอัตรา Payout คือ 80% คุณจะเห็นความสามารถในการทำกำไรของกลยุทธ์นั้น

ส่วนประกอบของแพลตฟอร์มและการดำเนินการซื้อขาย

การดำเนินการซื้อขายไบนารี่ออปชันส่วนใหญ่อาศัยแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการโดยโบรกเกอร์ ซึ่งมี ส่วนประกอบของแพลตฟอร์มการซื้อขายไบนารี่ออปชัน ที่คล้ายคลึงกัน

  1. การจัดการบัญชีและการดำเนินการ
  • **บัญชีทดลอง (Demo Account):** ผู้เริ่มต้นทุกคนควรเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง ซึ่งใช้เงินเสมือนจริงเพื่อฝึกฝนกลยุทธ์โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงินจริง
  • **การฝากและถอนเงิน:** ต้องทำความเข้าใจนโยบายของโบรกเกอร์เกี่ยวกับกระบวนการฝากและถอนเงิน รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการ และค่าธรรมเนียมที่อาจเกิดขึ้น
  • **KYC (Know Your Customer):** การยืนยันตัวตนเป็นขั้นตอนมาตรฐานที่โบรกเกอร์ต้องดำเนินการตามกฎระเบียบ ซึ่งรวมถึงการส่งเอกสารยืนยันตัวตนและที่อยู่
  1. การตั้งค่าการเทรดบนแพลตฟอร์ม (Workflow)
  1. **เลือกสินทรัพย์:** เลือกคู่สกุลเงิน (เช่น GBP/JPY)
  2. **เลือกประเภทออปชัน:** เลือก "Digital" หรือ "Options" (ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์)
  3. **กำหนดจำนวนเงินลงทุน:** ป้อนจำนวนเงินที่ต้องการเสี่ยง (ควรเป็นจำนวนเล็กน้อยตามหลัก การบริหารความเสี่ยงในการวางขนาดตำแหน่ง)
  4. **กำหนดเวลาหมดอายุ:** เลือกเวลาที่ต้องการให้การเทรดสิ้นสุด
  5. **เลือกทิศทาง:** กดปุ่ม "Call" หรือ "Put"
  1. ข้อควรระวังด้านกฎระเบียบและความเสี่ยง

ไบนารี่ออปชันมีความเสี่ยงสูงและถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในหลายประเทศ เนื่องจากมีประวัติการฉ้อโกงในอดีต ผู้เทรดควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ที่เลือกนั้นอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ (หากมี) และต้องตระหนักว่าการเทรดนี้อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน การทำความเข้าใจ ความแตกต่างระหว่างออปชันแบบไบนารี่กับฟอเร็กซ์คืออะไร? จะช่วยให้ผู้เทรดประเมินความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์นี้ต่อเป้าหมายทางการเงินของตนเอง

ดูเพิ่มเติม (บนไซต์นี้)

บทความแนะนำ

Recommended Binary Options Platforms

Platform Why beginners choose it Register / Offer
IQ Option Simple interface, popular asset list, quick order entry IQ Option Registration
Pocket Option Fast execution, tournaments, multiple expiration choices Pocket Option Registration

Join Our Community

Subscribe to our Telegram channel @copytradingall for analytics, free signals, and much more!

Баннер
Retrieved from "https://binaryoption.wiki/th/index.php?title=นิยามและการเปรียบเทียบไบนารี่ออปชันกับฟอเร็กซ์&oldid=31964"