ความหมายของไบนารี่ออปชันและข้อแตกต่างจากฟอเร็กซ์

ความหมายของไบนารี่ออปชันและข้อแตกต่างจากฟอเร็กซ์

Binary option หรือที่เรียกว่า ออปชันแบบเลขสองตัว หรือ ดิจิทัลออปชัน เป็นเครื่องมือทางการเงินรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนรายย่อย เนื่องจากความเรียบง่ายในการทำความเข้าใจและรูปแบบความเสี่ยงที่จำกัดไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจว่า Binary option คืออะไร และแตกต่างจากเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่าง Forex (ฟอเร็กซ์) อย่างไรนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น การเรียนรู้พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลและมีการวางแผนที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการ บริหารความเสี่ยง ที่ดี

ความหมายของไบนารี่ออปชัน (Binary Option)

Binary option คือสัญญาทางการเงินที่มีผลตอบแทนเป็นแบบ "ใช่" หรือ "ไม่" เท่านั้น กล่าวคือ ผู้ลงทุนจะทำนายทิศทางราคาของสินทรัพย์อ้างอิง (เช่น คู่สกุลเงิน, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือหุ้น) ว่าจะเคลื่อนไหวสูงกว่า (Call) หรือต่ำกว่า (Put) ระดับราคาที่กำหนด ณ เวลาที่สัญญาหมดอายุ

ลักษณะสำคัญของไบนารี่ออปชันคือความเรียบง่ายของผลลัพธ์ ซึ่งมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น:

• **ชนะ (In-the-money):** หากการคาดการณ์ของคุณถูกต้อง คุณจะได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (เรียกว่า Payout)
• **แพ้ (Out-of-the-money):** หากการคาดการณ์ของคุณผิดพลาด คุณจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดในสัญญานั้น

1. องค์ประกอบหลักของสัญญาไบนารี่ออปชัน

ในการซื้อขาย Binary option แต่ละครั้ง จะมีองค์ประกอบสำคัญที่ต้องกำหนดอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำความเข้าใจเครื่องมือนี้:

• **สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset):** คือสิ่งที่ใช้เป็นฐานในการกำหนดราคา เช่น คู่สกุลเงิน EUR/USD, ดัชนี S&P 500, หรือราคาทองคำ
• **ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** คือระดับราคาของสินทรัพย์ ณ เวลาที่คุณเปิดสัญญา
• **เวลาหมดอายุ (Expiration Time):** คือช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจสั้นมาก (เช่น 30 วินาที) หรือยาวนานกว่านั้น เมื่อถึงเวลานี้ สัญญาจะถูกตัดสินว่าชนะหรือแพ้
• **จำนวนเงินลงทุน (Investment Amount):** คือจำนวนเงินที่คุณตัดสินใจเสี่ยงในสัญญานั้น
• **อัตราผลตอบแทน (Payout Rate):** คือเปอร์เซ็นต์กำไรที่คุณจะได้รับหากชนะ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 70% ถึง 95% ของเงินลงทุน

1. ประเภทของไบนารี่ออปชันพื้นฐาน

แม้ว่าจะมีรูปแบบการเทรดที่หลากหลาย แต่พื้นฐานที่สุดคือการทำนายทิศทางราคา ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก:

1. **Call option (ซื้อ/สูงกว่า):** คุณเลือก Call เมื่อคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ เวลาหมดอายุ จะ **สูงกว่า** ราคาใช้สิทธิ
2. **Put option (ขาย/ต่ำกว่า):** คุณเลือก Put เมื่อคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ เวลาหมดอายุ จะ **ต่ำกว่า** ราคาใช้สิทธิ

1. การตัดสินผลลัพธ์: In-the-money และ Out-of-the-money

การตัดสินว่าคุณได้กำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับตำแหน่งของราคาตลาดเมื่อสิ้นสุด เวลาหมดอายุ เทียบกับราคาใช้สิทธิ

• **In-the-money (ITM):** หากราคาปิดสูงกว่าราคาใช้สิทธิสำหรับ Call option หรือต่ำกว่าราคาใช้สิทธิสำหรับ Put option คุณจะได้รับเงินลงทุนคืนบวกกับกำไรตาม Payout
• **Out-of-the-money (OTM):** หากราคาปิดอยู่ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของคุณ คุณจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดในสัญญานั้น

ตัวอย่างการตัดสินผลลัพธ์:

สินทรัพย์	ราคาใช้สิทธิ	เวลาหมดอายุ	การคาดการณ์	ราคาปิด	ผลลัพธ์	ผลตอบแทน
EUR/USD	1.10000	14:00 น.	Call (สูงกว่า)	1.10005	ITM	ได้รับเงินลงทุน + Payout
EUR/USD	1.10000	14:00 น.	Put (ต่ำกว่า)	1.10000	OTM	สูญเสียเงินลงทุน
EUR/USD	1.10000	14:00 น.	Put (ต่ำกว่า)	1.09998	ITM	ได้รับเงินลงทุน + Payout

ความเสี่ยงสูงสุดในการซื้อขาย Binary option คือจำนวนเงินลงทุนที่คุณใส่เข้าไปในแต่ละสัญญา ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากเครื่องมืออื่นอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจเรื่อง การกำหนดขนาดตำแหน่งการซื้อขาย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่สูญเสียเงินทุนมากเกินไปในการเทรดครั้งเดียว

ข้อแตกต่างระหว่างไบนารี่ออปชันกับฟอเร็กซ์ (Forex)

แม้ว่าทั้ง Binary option และ Forex จะเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ทิศทางราคาของคู่สกุลเงิน แต่โครงสร้างการดำเนินงาน ผลตอบแทน และความเสี่ยงนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ความเข้าใจในความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

1. 1. ลักษณะของผลตอบแทนและความเสี่ยง

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดอยู่ที่รูปแบบการได้กำไรและขาดทุน

1. ไบนารี่ออปชัน (Binary Option)

• **ผลตอบแทนคงที่:** กำไรหรือขาดทุนถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าและคงที่ ไม่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปไกลแค่ไหนก็ตาม หากคุณชนะ คุณจะได้ Payout ที่แน่นอน (เช่น 80%) หากคุณแพ้ คุณเสียเงินลงทุนทั้งหมด
• **ความเสี่ยงจำกัด:** ความเสี่ยงสูงสุดของคุณคือจำนวนเงินที่คุณลงทุนในสัญญานั้นๆ คุณไม่สามารถขาดทุนเกินกว่าเงินที่คุณวางเดิมพันได้ นี่คือเหตุผลที่บางคนมองว่ามีความเสี่ยงที่ชัดเจน

1. ฟอเร็กซ์ (Forex)

• **ผลตอบแทนไม่จำกัด:** กำไรของคุณขึ้นอยู่กับจำนวน "พิป" (Pips) ที่ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์ ยิ่งราคาเคลื่อนไหวไปไกลเท่าไหร่ กำไรก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
• **ความเสี่ยงไม่จำกัด (หากไม่มี Stop Loss):** หากราคาเคลื่อนไหวตรงกันข้ามกับตำแหน่งของคุณ การขาดทุนจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะปิดสถานะ หรือจนกว่าบัญชีจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ (Margin Call) แม้ว่านักเทรดฟอเร็กซ์จะใช้ Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง แต่โดยธรรมชาติของสัญญาแล้ว ความเสี่ยงในการขาดทุนนั้นสูงกว่า Binary option หากไม่มีการจัดการที่ดี

1. 2. ระยะเวลาและการหมดอายุ (Expiry Time)

1. ไบนารี่ออปชัน

• **กำหนดเวลาชัดเจน:** ทุกสัญญาต้องมี เวลาหมดอายุ ที่แน่นอน (เช่น 1 นาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง) การเทรดเป็นการทำนายราคา ณ จุดเวลาที่กำหนดเท่านั้น
• **การเทรดความถี่สูง:** เหมาะสำหรับการเทรดที่ใช้กรอบเวลาสั้นมาก (Scalping ในรูปแบบที่ง่ายกว่า)

1. ฟอเร็กซ์

• **สถานะเปิดตลอดไป:** สถานะการซื้อขาย (Position) จะเปิดอยู่จนกว่าผู้เทรดจะปิดด้วยตนเอง หรือจนกว่าจะถึงจุด Stop Loss/Take Profit
• **การถือครองระยะยาว:** สามารถถือสถานะได้ตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายเดือนหรือหลายปี

1. 3. การใช้เลเวอเรจ (Leverage)

1. ไบนารี่ออปชัน

• **ไม่มีเลเวอเรจ:** โดยพื้นฐานแล้ว ไบนารี่ออปชันไม่มีการใช้เลเวอเรจในลักษณะเดียวกับฟอเร็กซ์ คุณลงทุนด้วยเงินของคุณเองเท่านั้น (เช่น ลงทุน 100 บาท ได้ผลตอบแทน 80 บาท หากชนะ)

1. ฟอเร็กซ์

• **ใช้เลเวอเรจสูง:** ฟอเร็กซ์ใช้เลเวอเรจอย่างมาก (เช่น 1:100 หรือ 1:500) ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถควบคุมมูลค่าการซื้อขายที่ใหญ่กว่าเงินทุนเริ่มต้นของคุณหลายเท่า ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งโอกาสในการทำกำไรและเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างรวดเร็ว

1. 4. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการตัดสินใจ

ทั้งสองรูปแบบใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Candlestick pattern, Support and resistance, Trend, RSI, MACD, หรือ Elliott wave ในการคาดการณ์ทิศทางราคา อย่างไรก็ตาม การนำไปใช้ต่างกัน:

• **ไบนารี่ออปชัน:** เน้นการทำนายทิศทาง **ณ จุดเวลาที่กำหนด** การวิเคราะห์มักจะมุ่งเน้นไปที่การหาจุดกลับตัวหรือจุดที่ราคาจะไปถึงในกรอบเวลาสั้นๆ
• **ฟอเร็กซ์:** เน้นการหาจุดเข้าที่เหมาะสมเพื่อทำกำไรจาก **การเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาว**

1. ตารางสรุปความแตกต่าง

นี่คือตารางสรุปความแตกต่างหลักระหว่างสองเครื่องมือนี้:

คุณสมบัติ	ไบนารี่ออปชัน (Binary Option)	ฟอเร็กซ์ (Forex)
รูปแบบการทำกำไร	คงที่ (Fixed Payout)	แปรผันตามการเคลื่อนไหวของราคา (Pips)
ความเสี่ยงสูงสุด	จำกัดเท่ากับเงินลงทุนในสัญญานั้น	ไม่จำกัด (หากไม่มี Stop Loss)
เลเวอเรจ	ไม่มีเลเวอเรจ (ลงทุนตามจำนวนจริง)	มีการใช้เลเวอเรจสูง
เวลาหมดอายุ	ต้องกำหนดเวลาหมดอายุที่แน่นอน	สถานะเปิดจนกว่าจะปิดเอง
การตัดสินผลลัพธ์	ชนะ 100% หรือ แพ้ 100% ของเงินลงทุน	กำไร/ขาดทุนตามระยะทางที่ราคาเคลื่อนไหว

การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผู้ที่ชื่นชอบความเสี่ยงที่จำกัดและต้องการความชัดเจนของผลตอบแทนจะสนใจ Binary option มากกว่า ในขณะที่ผู้ที่ต้องการศักยภาพในการทำกำไรที่ไม่จำกัด (พร้อมความเสี่ยงที่สูงขึ้น) มักจะเลือก Forex

การเข้าและออกจากการซื้อขายไบนารี่ออปชัน (ขั้นตอนปฏิบัติ)

เนื่องจาก Binary option มีโครงสร้างที่เรียบง่าย การเข้าและออกจากการซื้อขายจึงตรงไปตรงมามาก อย่างไรก็ตาม การทำตามขั้นตอนอย่างมีระเบียบวินัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ วินัยและจิตวิทยาในการซื้อขายไบนารี่ออปชัน

1. 1. การเตรียมความพร้อมและการวิเคราะห์ก่อนเข้าสู่ตลาด

ก่อนที่จะเปิดสัญญาใดๆ คุณต้องมีการวิเคราะห์และวางแผนตามหลัก การกำหนดราคาและการจัดการความเสี่ยงต่อการลงทุน

• **เลือกสินทรัพย์:** ตัดสินใจว่าจะเทรดคู่สกุลเงินใด หรือสินทรัพย์ใด (เช่น EUR/USD)
• **กำหนดกรอบเวลาการวิเคราะห์:** ดูแนวโน้มหลัก (Trend) ในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า (เช่น 1 ชั่วโมง หรือ 4 ชั่วโมง) เพื่อกำหนดทิศทางหลัก
• **ระบุจุดเข้า:** ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Support and resistance, Candlestick pattern, หรืออินดิเคเตอร์อย่าง RSI เพื่อหาจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวหรือไปต่อ
• **กำหนด เวลาหมดอายุ:** เวลาหมดอายุควรสอดคล้องกับกรอบเวลาที่คุณใช้ในการวิเคราะห์ หากคุณวิเคราะห์จากกราฟ 5 นาที เวลาหมดอายุที่เหมาะสมอาจเป็น 10 นาที หรือ 15 นาที

1. 2. ขั้นตอนการเปิดสัญญา (Entry)

การเปิดสัญญาบนแพลตฟอร์ม เช่น IQ Option หรือ Pocket Option มักจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. **เลือกสินทรัพย์:** บนแพลตฟอร์ม ให้เลือกคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด
2. **เลือกประเภท:** เลือกประเภทการเทรด คือ Call (สูงกว่า) หรือ Put (ต่ำกว่า)
3. **กำหนดราคาใช้สิทธิ:** โดยปกติแล้ว ราคาใช้สิทธิจะถูกกำหนดเป็นราคาตลาดปัจจุบัน ณ วินาทีที่คุณเปิดคำสั่ง
4. **กำหนดจำนวนเงินลงทุน:** ตัดสินใจว่าจะลงทุนเป็นจำนวนเงินเท่าใดในสัญญานี้ (อ้างอิงจาก การบริหารความเสี่ยงและการกำหนดขนาดตำแหน่งการซื้อขาย)
5. **กำหนด เวลาหมดอายุ:** ตั้งเวลาที่สัญญาจะสิ้นสุดลง
6. **ยืนยันการซื้อขาย:** กดปุ่มซื้อ (Call) หรือ ขาย (Put) เพื่อเปิดสัญญา

1. 3. การจัดการระหว่างการซื้อขาย

ใน Binary option เมื่อคุณเปิดสัญญาแล้ว คุณไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือปิดสถานะก่อนเวลาหมดอายุได้ (ยกเว้นบางแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ "Early Close" ซึ่งมักจะมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าปกติ) การซื้อขายของคุณจะดำเนินไปจนกว่าจะถึง เวลาหมดอายุ

1. 4. การสิ้นสุดสัญญาและการตรวจสอบผลลัพธ์ (Exit)

• **การสิ้นสุด:** เมื่อถึง เวลาหมดอายุ ระบบจะทำการตัดสินผลลัพธ์โดยอัตโนมัติ
• **ผลลัพธ์ ITM:** หากคุณชนะ เงินลงทุนของคุณจะถูกคืนพร้อมกับกำไร (Payout) เข้าสู่ยอดคงเหลือในบัญชีของคุณทันที
• **ผลลัพธ์ OTM:** หากคุณแพ้ เงินลงทุนทั้งหมดในสัญญานั้นจะถูกหักออกจากยอดคงเหลือของคุณทันที

1. 5. การบันทึกและประเมินผล

หลังจากการซื้อขายทุกครั้ง ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ สิ่งสำคัญคือการบันทึกผลลัพธ์ลงใน สมุดบันทึกการเทรด เพื่อประเมินว่ากลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลหรือไม่ และเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจในอนาคต

การตั้งความคาดหวังที่เป็นจริงและความเสี่ยง

Binary option มักถูกนำเสนอว่าเป็นวิธีการทำเงินที่ง่ายและรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นคือการตั้งความคาดหวังที่เป็นจริงและเข้าใจความเสี่ยงที่แท้จริงของการเทรดประเภทนี้

1. ความคาดหวังที่เป็นจริง

1. **ไม่ใช่การรับประกันผลกำไร:** แม้ว่าความเสี่ยงต่อการขาดทุนจะจำกัด แต่การชนะทุกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การทำกำไรอย่างสม่ำเสมอต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ผ่านการทดสอบและวินัยที่เข้มงวด
2. **อัตราการชนะที่จำเป็น:** เนื่องจาก Payout โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 70% ถึง 90% หากคุณชนะ 100 บาท คุณอาจได้กำไร 80 บาท แต่หากคุณแพ้ คุณเสีย 100 บาท ดังนั้น ในทางคณิตศาสตร์ คุณจำเป็นต้องมีอัตราการชนะที่สูงกว่า 50% เล็กน้อย (เช่น 55% ถึง 60%) เพื่อให้เกิดกำไรในระยะยาว นี่คือหลักการพื้นฐานของ การกำหนดราคาและการจัดการความเสี่ยงต่อการลงทุน
3. **ความผันผวนของเวลา:** การเทรดในกรอบเวลาที่สั้นมาก (เช่น 60 วินาที) ทำให้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความผันผวนเล็กน้อยของราคา ซึ่งบางครั้งอาจดูเหมือนการสุ่มมากกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน

1. ความเสี่ยงหลักที่ต้องระวัง

ความเสี่ยงใน Binary option แตกต่างจากฟอเร็กซ์ แต่ก็ยังคงมีนัยสำคัญ:

• **การสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด:** ความเสี่ยงหลักคือการสูญเสียเงินลงทุนในแต่ละสัญญา หากคุณขาด Position sizing ที่ดี คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดในบัญชีได้อย่างรวดเร็ว
• **ความเสี่ยงด้านโบรกเกอร์:** เนื่องจาก Binary option เป็นตลาดแบบ Over-The-Counter (OTC) ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแลของโบรกเกอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง การเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดอาจนำไปสู่ปัญหาในการถอนเงินหรือความไม่โปร่งใสของราคา
• **การเสพติดความเร็ว:** กรอบเวลาที่สั้นมาก (เช่น 30 วินาที) สามารถกระตุ้นให้เกิดการเทรดบ่อยครั้งและขาดการไตร่ตรอง ซึ่งเป็นอันตรายต่อ วินัยและจิตวิทยาในการซื้อขายไบนารี่ออปชัน

1. แนวทางการบริหารความเสี่ยงเบื้องต้น

ผู้เริ่มต้นควรยึดหลักการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดเสมอ:

• **จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรด:** ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1% ถึง 3% ของเงินทุนทั้งหมดในสัญญาเดียว
• **ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account):** ก่อนใช้เงินจริง ควรฝึกฝนบนบัญชีทดลองเพื่อทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มและทดสอบกลยุทธ์ของคุณก่อน (ดู ส่วนประกอบหลักของแพลตฟอร์มซื้อขายไบนารี่ออปชัน สำหรับรายละเอียดแพลตฟอร์ม)
• **การบันทึกและทบทวน:** ใช้ สมุดบันทึกการเทรด เพื่อติดตามประสิทธิภาพและระบุข้อผิดพลาดซ้ำๆ

การเทรด Binary option เป็นการพนันที่มีการคำนวณทางคณิตศาสตร์อยู่เบื้องหลัง หากคุณสามารถรักษาอัตราการชนะให้สูงกว่าจุดคุ้มทุนทางคณิตศาสตร์ และบริหารเงินทุนอย่างเคร่งครัด คุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้

ดูเพิ่มเติม (บนไซต์นี้)

• ส่วนประกอบหลักของแพลตฟอร์มซื้อขายไบนารี่ออปชัน
• การกำหนดราคาและการจัดการความเสี่ยงต่อการลงทุน
• การบริหารความเสี่ยงและการกำหนดขนาดตำแหน่งการซื้อขาย
• วินัยและจิตวิทยาในการซื้อขายไบนารี่ออปชัน

บทความแนะนำ

• โบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นที่น่าเชื่อถือ
• ไบนารี่ออปชั่น: ความเสี่ยงและผลตอบแทน
• การจัดการความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
• การเทรดไบนารี่ออปชั่นตามเวลา
• การเรียนรู้ไบนารี่ออปชั่น (Binary Option Learning)

Recommended Binary Options Platforms

Platform	Why beginners choose it	Register / Offer
IQ Option	Simple interface, popular asset list, quick order entry	IQ Option Registration
Pocket Option	Fast execution, tournaments, multiple expiration choices	Pocket Option Registration

Join Our Community

Subscribe to our Telegram channel @copytradingall for analytics, free signals, and much more!