การเทรดแบบ Forex Trading

1. 1. การเทรดแบบ Forex Trading

การเทรดแบบ Forex Trading หรือ Foreign Exchange Trading คือ การซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีความ likuidity สูงมาก และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ (จันทร์-ศุกร์)

บทความนี้จะอธิบายพื้นฐานของการเทรด Forex สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงแนวคิดสำคัญ กลยุทธ์เบื้องต้น และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

1. 1. 1. 1. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Forex

• **คู่เงินตรา (Currency Pairs):** Forex Trading เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคู่เงินตรา เช่น EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ), GBP/JPY (ปอนด์สเตอร์ลิง/เยนญี่ปุ่น) และ AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ) คู่เงินตราเหล่านี้แสดงถึงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงิน
• **Bid และ Ask:** ในการซื้อขายแต่ละคู่เงินตรา จะมีราคา Bid (ราคาที่โบรกเกอร์พร้อมจะซื้อจากคุณ) และ Ask (ราคาที่โบรกเกอร์พร้อมจะขายให้กับคุณ) ราคา Ask จะสูงกว่าราคา Bid เสมอ ส่วนต่างระหว่างสองราคานี้เรียกว่า Spread ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ
• **Pip (Percentage in Point):** Pip คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน โดยทั่วไปแล้ว Pip คือ 0.0001 สำหรับคู่เงินตราที่อ้างอิงกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น ถ้า EUR/USD เคลื่อนที่จาก 1.1000 เป็น 1.1001 แสดงว่ามีการเปลี่ยนแปลง 1 Pip
• **Leverage (อัตราทด):** Leverage คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดของการซื้อขายของคุณ Leverage สามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณมี Leverage 1:100 และลงทุน 100 ดอลลาร์สหรัฐ คุณจะสามารถควบคุมเงินทุนมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐได้
• **Margin (เงินมาร์จิน):** Margin คือจำนวนเงินที่คุณต้องมีในบัญชีของคุณเพื่อเปิดและรักษาสถานะการซื้อขายไว้ หากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้ และเงินทุนในบัญชีของคุณไม่เพียงพอ โบรกเกอร์อาจทำการ Margin Call (แจ้งให้คุณเติมเงินเพิ่ม) หรือปิดสถานะการซื้อขายของคุณโดยอัตโนมัติ
• **Long และ Short:** Long คือการซื้อเงินตราที่คุณคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในมูลค่า ส่วน Short คือการขายเงินตราที่คุณคาดว่าจะลดลงในมูลค่า

1. 1. 1. 2. ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน

อัตราแลกเปลี่ยนได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่:

• **ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ (Economic Indicators):** ข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราการเติบโตของ GDP, อัตราการว่างงาน, อัตราเงินเฟ้อ, และอัตราดอกเบี้ย มีผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าของสกุลเงิน
• **นโยบายการเงิน (Monetary Policy):** การตัดสินใจของธนาคารกลาง เช่น การปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย การทำ Quantitative Easing (QE) หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอื่นๆ สามารถส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนได้
• **เหตุการณ์ทางการเมือง (Political Events):** เหตุการณ์ทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง สามารถทำให้ตลาด Forex ผันผวนได้
• **ความเชื่อมั่นของตลาด (Market Sentiment):** ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจและสกุลเงินต่างๆ สามารถส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนได้
• **อุปสงค์และอุปทาน (Supply and Demand):** เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ อุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน

1. 1. 1. 3. กลยุทธ์การเทรด Forex เบื้องต้น

• **Scalping:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อยของราคา โดยเปิดและปิดสถานะการซื้อขายอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาทีหรือนาที Scalping Strategy
• **Day Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเปิดและปิดสถานะการซื้อขายภายในวันเดียวกัน โดยไม่ถือสถานะข้ามคืน Day Trading Strategy
• **Swing Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการถือสถานะการซื้อขายเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มของราคา Swing Trading Strategy
• **Position Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการถือสถานะการซื้อขายเป็นเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาวของราคา Position Trading Strategy
• **Breakout Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ Breakout Trading Strategy
• **Trend Following:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มของราคาและซื้อขายตามแนวโน้มนั้น Trend Following Strategy
• **Range Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในช่วงราคาที่กำหนด Range Trading Strategy

1. 1. 1. 4. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการใช้ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาในอนาคต เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้แก่:

• **Chart Patterns (รูปแบบกราฟ):** เช่น Head and Shoulders, Double Top, Double Bottom, Triangle Chart Patterns
• **Technical Indicators (ตัวชี้วัดทางเทคนิค):** เช่น Moving Averages, RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence), Fibonacci Retracements Technical Indicators
• **Support and Resistance Levels (แนวรับและแนวต้าน):** ระดับราคาที่แนวโน้มของราคาอาจหยุดหรือกลับตัว Support and Resistance
• **Trend Lines (เส้นแนวโน้ม):** เส้นที่เชื่อมต่อจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของราคาเพื่อระบุแนวโน้ม Trend Lines
• **Candlestick Patterns (รูปแบบแท่งเทียน):** รูปแบบที่เกิดจากแท่งเทียนแต่ละแท่งที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง Candlestick Patterns

1. 1. 1. 5. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสกุลเงิน การวิเคราะห์นี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และเหตุการณ์ทางการเมืองเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของสกุลเงิน Fundamental Analysis

1. 1. 1. 6. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด Forex เนื่องจาก Leverage สามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน เคล็ดลับในการจัดการความเสี่ยง ได้แก่:

• **Stop-Loss Orders (คำสั่งหยุดการขาดทุน):** ตั้งค่า Stop-Loss Order เพื่อจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่คุณยอมรับได้
• **Take-Profit Orders (คำสั่งทำกำไร):** ตั้งค่า Take-Profit Order เพื่อล็อคผลกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมายของคุณ
• **Position Sizing (ขนาดสถานะ):** กำหนดขนาดของสถานะการซื้อขายของคุณอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงมากเกินไปต่อเงินทุนของคุณ
• **Risk-Reward Ratio (อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน):** พยายามเลือกการซื้อขายที่มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม เช่น 1:2 หรือ 1:3
• **Diversification (การกระจายความเสี่ยง):** กระจายความเสี่ยงโดยการซื้อขายหลายคู่เงินตรา

1. 1. 1. 7. ข้อควรระวังและความเสี่ยง

• **Leverage:** Leverage สามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน ใช้ Leverage อย่างระมัดระวังและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
• **Volatility (ความผันผวน):** ตลาด Forex มีความผันผวนสูง ราคาอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดเดาได้
• **Emotional Trading (การเทรดตามอารมณ์):** หลีกเลี่ยงการเทรดตามอารมณ์ เช่น ความกลัวหรือความโลภ
• **Scams (การหลอกลวง):** ระวังการหลอกลวงและโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ

1. 1. 1. 8. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

• **Babypips:** เว็บไซต์ให้ความรู้เกี่ยวกับ Forex สำหรับผู้เริ่มต้น Babypips
• **Investopedia:** เว็บไซต์ให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน Investopedia
• **DailyFX:** เว็บไซต์ให้ข่าวสารและการวิเคราะห์เกี่ยวกับ Forex DailyFX
• **Forex Factory:** เว็บไซต์ให้ปฏิทินเศรษฐกิจและฟอรัมสำหรับการสนทนาเกี่ยวกับ Forex Forex Factory

1. 1. 1. 9. การเชื่อมโยงไปยังกลยุทธ์เพิ่มเติมและการวิเคราะห์

• Elliott Wave Theory
• Ichimoku Cloud
• Bollinger Bands
• Fibonacci Trading
• Harmonic Patterns
• Price Action Trading
• News Trading
• Correlation Trading
• Algorithmic Trading
• Quantitative Trading
• Market Depth Analysis
• Volume Spread Analysis
• Order Flow Analysis
• Interbank Market Analysis
• Sentiment Analysis

ตัวอย่างเปรียบเทียบกลยุทธ์เทรด Forex

กลยุทธ์	ระยะเวลาการถือครอง	ระดับความเสี่ยง	เหมาะสำหรับ
Scalping	วินาที - นาที	สูง	เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูง, ต้องการผลตอบแทนเร็ว
Day Trading	ภายในวันเดียว	ปานกลาง-สูง	เทรดเดอร์ที่ต้องการติดตามตลาดตลอดวัน
Swing Trading	วัน - สัปดาห์	ปานกลาง	เทรดเดอร์ที่ต้องการถือครองสถานะนานขึ้น
Position Trading	เดือน - ปี	ต่ำ-ปานกลาง	เทรดเดอร์ที่ต้องการลงทุนระยะยาว

การเทรด Forex เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และการจัดการความเสี่ยงที่ดีก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขาย ผู้เริ่มต้นควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาและฝึกฝนด้วยบัญชี Demo ก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น