การเทรดแบบ CFD Trading

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1
    1. การเทรดแบบ CFD Trading สำหรับผู้เริ่มต้น

การเทรดแบบ CFD (Contract for Difference) ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์ทั่วโลก เนื่องจากเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้สามารถเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาในตลาดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงหลักการพื้นฐาน, ข้อดีข้อเสีย, ความเสี่ยง, กลยุทธ์, และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการเทรด CFD สำหรับผู้เริ่มต้น

CFD คืออะไร?

CFD หรือ Contract for Difference คือ สัญญาที่ทำขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยตกลงที่จะแลกเปลี่ยนส่วนต่างของราคาสินทรัพย์อ้างอิง ณ จุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของสัญญา ผู้เทรด CFD ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง แต่เป็นการเก็งกำไรจากทิศทางราคาของสินทรัพย์นั้นๆ ซึ่งสินทรัพย์อ้างอิงอาจเป็นหุ้น หุ้น, ดัชนีหุ้น ดัชนีหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าโภคภัณฑ์, สกุลเงิน ตลาด Forex, หรือแม้กระทั่งคริปโตเคอร์เรนซี คริปโตเคอร์เรนซี

หลักการทำงานของ CFD

เมื่อคุณเปิดสถานะ CFD คุณกำลังทำสัญญากับโบรกเกอร์ CFD ว่าคุณจะซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคา ณ ปัจจุบัน หากคุณคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น คุณจะเปิดสถานะ *Long* (ซื้อ) และหากคุณคาดการณ์ว่าราคาจะลดลง คุณจะเปิดสถานะ *Short* (ขาย)

  • **Long (ซื้อ):** หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับราคาที่คุณเปิดสัญญา คุณจะได้รับกำไรเท่ากับส่วนต่างของราคาคูณกับจำนวนหน่วย CFD ที่คุณเทรด
  • **Short (ขาย):** หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงลดลงเมื่อเทียบกับราคาที่คุณเปิดสัญญา คุณจะได้รับกำไรเท่ากับส่วนต่างของราคาคูณกับจำนวนหน่วย CFD ที่คุณเทรด

ข้อดีของการเทรด CFD

  • **Leverage (การใช้เลเวอเรจ):** CFD ช่วยให้คุณสามารถควบคุมสถานะที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินทุนที่คุณมีได้จริง (Leverage) ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินทุน 1,000 บาท และใช้ Leverage 1:10 คุณจะสามารถควบคุมสถานะ CFD ที่มีมูลค่า 10,000 บาทได้ Leverage สามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน การจัดการความเสี่ยง
  • **สามารถเทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง:** ไม่เหมือนกับการซื้อขายหุ้นโดยตรงที่ทำกำไรได้เฉพาะเมื่อราคาขึ้นเท่านั้น CFD ช่วยให้คุณทำกำไรได้ทั้งเมื่อราคาขึ้นและลง
  • **เข้าถึงตลาดได้หลากหลาย:** CFD ช่วยให้คุณสามารถเทรดในตลาดต่างๆ ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปิดบัญชีหลายแห่ง
  • **ต้นทุนต่ำ:** โดยทั่วไปแล้ว ค่าธรรมเนียมการเทรด CFD จะต่ำกว่าการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
  • **ความยืดหยุ่น:** CFD มีขนาดสัญญาที่ยืดหยุ่น ทำให้คุณสามารถปรับขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณรับได้

ข้อเสียและความเสี่ยงของการเทรด CFD

  • **ความเสี่ยงจาก Leverage:** Leverage สามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ไว้ คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดของคุณได้อย่างรวดเร็ว
  • **ค่าธรรมเนียม Overnight (Swap):** หากคุณถือสถานะ CFD ข้ามคืน คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม Overnight (Swap) ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บเพื่อครอบคลุมต้นทุนการกู้ยืมเงิน
  • **ความเสี่ยงจาก Gap:** ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ตลาดปิดทำการ (Gap) ซึ่งอาจส่งผลให้คุณขาดทุนได้
  • **ความผันผวนของตลาด:** ตลาดการเงินมีความผันผวนอยู่เสมอ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาของ CFD เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด
  • **ความเสี่ยงจากโบรกเกอร์:** การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่น่าเชื่อถือและมีใบอนุญาตเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการฉ้อโกงหรือการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใส

เครื่องมือและกลยุทธ์ที่ใช้ในการเทรด CFD

  • **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** การใช้เครื่องมือและรูปแบบต่างๆ เพื่อวิเคราะห์กราฟราคาและคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต เช่น Moving Averages, MACD, RSI, Fibonacci Retracements, Bollinger Bands, Ichimoku Cloud, Elliott Wave Theory
  • **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** การวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ, ข่าวสาร, และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
  • **การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):** การกำหนดขนาดการเทรด, การตั้ง Stop-Loss Order, และการใช้ Take-Profit Order เพื่อจำกัดความเสี่ยงและปกป้องผลกำไร
  • **กลยุทธ์ Scalping:** การเปิดและปิดสถานะอย่างรวดเร็วเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาเล็กน้อย Scalping
  • **กลยุทธ์ Day Trading:** การเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจาก Overnight
  • **กลยุทธ์ Swing Trading:** การถือสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มราคาที่ชัดเจน Swing Trading
  • **กลยุทธ์ Trend Following:** การเทรดตามแนวโน้มราคาหลัก
  • **กลยุทธ์ Breakout Trading:** การเทรดเมื่อราคา breakout จากระดับแนวรับหรือแนวต้าน
  • **กลยุทธ์ Range Trading:** การเทรดภายในกรอบราคาที่กำหนด
  • **การใช้เครื่องมือ Trading Volume:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มราคาและระบุจุดกลับตัว Volume Analysis
  • **การใช้ Indicators:** การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อช่วยในการตัดสินใจเทรด Indicators
  • **การใช้ Pivot Points:** การระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ Pivot Points
  • **การใช้ Support and Resistance:** การระบุระดับแนวรับและแนวต้าน Support and Resistance
  • **การใช้ Chart Patterns:** การระบุรูปแบบของกราฟราคาเพื่อคาดการณ์ทิศทางราคา Chart Patterns
  • **การใช้ Bollinger Bands:** การวัดความผันผวนของราคา Bollinger Bands

การเลือกโบรกเกอร์ CFD

การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:

  • **ใบอนุญาต:** ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), หรือ CySEC (ไซปรัส)
  • **ค่าธรรมเนียม:** เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการเทรด, ค่าธรรมเนียม Overnight, และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของโบรกเกอร์ต่างๆ
  • **แพลตฟอร์มการเทรด:** เลือกโบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่ายและมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
  • **สินทรัพย์ที่เทรดได้:** ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์มีสินทรัพย์ที่คุณสนใจเทรด
  • **การบริการลูกค้า:** เลือกโบรกเกอร์ที่มีการบริการลูกค้าที่ดีและตอบสนองได้รวดเร็ว
  • **ความน่าเชื่อถือ:** อ่านรีวิวและตรวจสอบชื่อเสียงของโบรกเกอร์ก่อนตัดสินใจ

การเริ่มต้นเทรด CFD

1. **ศึกษาข้อมูล:** ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการทำงานของ CFD, ความเสี่ยง, และกลยุทธ์ต่างๆ 2. **เปิดบัญชี:** เลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสมและเปิดบัญชีเทรด 3. **ฝากเงิน:** ฝากเงินเข้าบัญชีเทรดของคุณ 4. **ฝึกฝน:** ใช้บัญชี Demo (บัญชีทดลอง) เพื่อฝึกฝนการเทรดและทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง 5. **เริ่มต้นเทรด:** เมื่อคุณมั่นใจแล้ว ให้เริ่มต้นเทรดด้วยเงินทุนจำนวนน้อย และค่อยๆ เพิ่มขนาดการเทรดเมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้น

สรุป

การเทรด CFD เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีศักยภาพในการทำกำไร แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน การศึกษาข้อมูล, การวางแผนการเทรด, การจัดการความเสี่ยง, และการเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จในการเทรด CFD จำไว้ว่าการเทรดมีความเสี่ยง และคุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดของคุณได้

ตัวอย่างการคำนวณกำไรขาดทุน
สินทรัพย์อ้างอิง หุ้นบริษัท A
ราคาเปิด CFD 100 บาท
จำนวนหน่วย CFD 10 หน่วย
Leverage 1:10
ราคาปิด CFD (สถานะ Long) 105 บาท
กำไรต่อหน่วย 5 บาท
กำไรรวม 50 บาท (5 บาท x 10 หน่วย)
ราคาปิด CFD (สถานะ Short) 95 บาท
ขาดทุนต่อหน่วย 5 บาท
ขาดทุนรวม 50 บาท (5 บาท x 10 หน่วย)

การเทรด Forex การลงทุนในหุ้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ตลาดทุน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Баннер