กลยุทธ์การเทรดแนวรับแนวต้าน
- กลยุทธ์การเทรดแนวรับ แนวต้าน สำหรับไบนารี่ออปชั่น
บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์การเทรดโดยใช้แนวรับและแนวต้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับเทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทำความเข้าใจพื้นฐานและนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขายจริง
- บทนำสู่แนวรับและแนวต้าน
แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) เป็นระดับราคาที่สำคัญบนกราฟราคา ซึ่งบ่งบอกถึงจุดที่ราคาอาจหยุดการเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนทิศทาง แนวรับคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเข้ามามากพอที่จะหยุดไม่ให้ราคาลดลงไปมากกว่านั้น ในขณะที่แนวต้านคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการขายออกมามากพอที่จะหยุดไม่ให้ราคาสูงขึ้นไปมากกว่านั้น
แนวคิดนี้อิงตามหลักการพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับ ความต้องการซื้อจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยดันราคาขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้าน แรงกดดันในการขายจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกดราคาลง
การระบุแนวรับและแนวต้านที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชั่น เนื่องจากสามารถช่วยเทรดเดอร์ในการตัดสินใจว่าจะเข้าซื้อ (Call Option) หรือขาย (Put Option) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- วิธีการระบุแนวรับและแนวต้าน
มีหลายวิธีในการระบุแนวรับและแนวต้าน ซึ่งรวมถึง:
- **การสังเกตจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้า:** มองหากราฟที่เคยขึ้นไปสูงสุดแล้วตกลงมา หรือลงไปต่ำสุดแล้วดีดตัวขึ้น จุดสูงสุดก่อนหน้ามักจะเป็นแนวต้าน ส่วนจุดต่ำสุดก่อนหน้ามักจะเป็นแนวรับ
- **เส้นแนวโน้ม (Trend Lines):** ลากเส้นเชื่อมต่อจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลง (สำหรับแนวโน้มขาลง) เส้นเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านได้เช่นกัน ดูเพิ่มเติมที่ การวิเคราะห์เส้นแนวโน้ม
- **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถใช้เป็นแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
- **ระดับ Fibonacci Retracement:** ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นตามสัดส่วนทางคณิตศาสตร์ที่สำคัญ Fibonacci Retracement
- **Pivot Points:** คำนวณจากราคา High, Low และ Close ของช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ Pivot Points
- **ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** สังเกตปริมาณการซื้อขายที่ระดับราคาต่างๆ หากมีปริมาณการซื้อขายสูงที่ระดับราคาหนึ่ง แสดงว่าระดับราคานั้นมีความสำคัญและอาจเป็นแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
- กลยุทธ์การเทรดโดยใช้แนวรับและแนวต้าน
เมื่อระบุแนวรับและแนวต้านได้แล้ว เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการเทรดไบนารี่ออปชั่นได้ ดังนี้:
1. **การเทรดแบบ Breakout:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อ (Call Option) เมื่อราคา breakout เหนือแนวต้าน หรือขาย (Put Option) เมื่อราคา breakout ต่ำกว่าแนวรับ การ breakout คือการที่ราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน โดยมักมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น กลยุทธ์ Breakout 2. **การเทรดแบบ Bounce:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อ (Call Option) เมื่อราคาเด้งกลับขึ้นจากแนวรับ หรือขาย (Put Option) เมื่อราคากลับตัวลงจากแนวต้าน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่อยู่ในช่วง Sideways หรือ Consolidation กลยุทธ์ Bounce 3. **การเทรดแบบ Fakeout:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุสถานการณ์ที่ราคาพยายาม breakout แต่ไม่สำเร็จ และกลับเข้าสู่ช่วงเดิม (Fakeout) เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้โดยการขาย (Put Option) เมื่อราคา Fakeout เหนือแนวต้าน หรือซื้อ (Call Option) เมื่อราคา Fakeout ต่ำกว่าแนวรับ กลยุทธ์ Fakeout 4. **การเทรดแบบ Double Top/Bottom:** รูปแบบ Double Top เกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดสูงสุดสองจุดที่ระดับราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งบ่งบอกถึงแนวต้านที่แข็งแกร่ง เทรดเดอร์สามารถขาย (Put Option) เมื่อรูปแบบ Double Top ปรากฏขึ้น ในขณะที่รูปแบบ Double Bottom เกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดต่ำสุดสองจุดที่ระดับราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งบ่งบอกถึงแนวรับที่แข็งแกร่ง เทรดเดอร์สามารถซื้อ (Call Option) เมื่อรูปแบบ Double Bottom ปรากฏขึ้น Double Top/Bottom 5. **การเทรดแบบ Head and Shoulders:** รูปแบบ Head and Shoulders เป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งประกอบด้วยหัว (Head) และไหล่สองข้าง (Shoulders) เทรดเดอร์สามารถขาย (Put Option) เมื่อเส้นคอ (Neckline) ถูกทะลุลง Head and Shoulders
- การยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมืออื่นๆ
การใช้แนวรับและแนวต้านเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะตัดสินใจเทรดได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นจึงควรใช้เครื่องมืออื่นๆ ในการยืนยันสัญญาณ เช่น:
- **Relative Strength Index (RSI):** ใช้ RSI เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุภาวะ Overbought หรือ Oversold RSI
- **Moving Average Convergence Divergence (MACD):** ใช้ MACD เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมและสัญญาณการซื้อขาย MACD
- **Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคาและระบุระดับ Overbought หรือ Oversold Bollinger Bands
- **Japanese Candlesticks:** การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนสามารถช่วยยืนยันสัญญาณจากแนวรับและแนวต้านได้ Japanese Candlesticks
- **การวิเคราะห์ Volume Spread Analysis (VSA):** VSA ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างราคา ปริมาณการซื้อขาย และ spread เพื่อยืนยันสัญญาณ VSA
- การบริหารความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชั่น และเมื่อใช้กลยุทธ์แนวรับแนวต้าน สิ่งที่ควรพิจารณาได้แก่:
- **กำหนดขนาดการลงทุน:** ไม่ควรลงทุนเกิน 5% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละครั้ง
- **ตั้ง Stop Loss:** แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะไม่มี Stop Loss แบบดั้งเดิม แต่การเลือก Expiry Time ที่เหมาะสมก็สามารถทำหน้าที่คล้ายกันได้
- **ใช้ Ratio Risk/Reward ที่เหมาะสม:** ควรเลือก Option ที่มี Ratio Risk/Reward อย่างน้อย 1:1 หรือสูงกว่า
- **Diversify:** กระจายความเสี่ยงโดยการเทรดสินทรัพย์ที่หลากหลาย
- **Backtesting:** ทดสอบกลยุทธ์กับข้อมูลย้อนหลังเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความเสี่ยง Backtesting
- ตัวอย่างการเทรด
สมมติว่าคุณสังเกตเห็นแนวรับที่ระดับ 1.1000 บนกราฟ EUR/USD และราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.1010 คุณคาดว่าราคาจะเด้งกลับขึ้นจากแนวรับนี้ คุณสามารถเปิด Call Option ด้วย Expiry Time 15 นาที หากราคาขึ้นไปถึง 1.1050 คุณจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ แต่ถ้าหากราคาทะลุลงไปต่ำกว่า 1.1000 คุณจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
- สรุป
กลยุทธ์การเทรดโดยใช้แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจพื้นฐานของแนวรับและแนวต้าน วิธีการระบุแนวรับและแนวต้านที่แม่นยำ กลยุทธ์การเทรดต่างๆ การยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมืออื่นๆ และการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม การฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
| แนวรับ/แนวต้าน | สัญญาณการเข้าเทรด | ประเภท Option | Expiry Time | | ||||
| แนวต้าน | ราคาทะลุเหนือแนวต้านด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น | Call | 15-30 นาที | | แนวรับ | ราคาเด้งกลับขึ้นจากแนวรับ | Call | 15-30 นาที | | แนวต้าน | ราคาพยายามทะลุเหนือแนวต้านแต่ไม่สำเร็จและกลับลงมา | Put | 15-30 นาที | | แนวรับ | รูปแบบ Double Bottom ปรากฏขึ้น | Call | 30-60 นาที | | แนวต้าน | เส้นคอ (Neckline) ถูกทะลุลง | Put | 30-60 นาที | |
- ลิงก์เพิ่มเติม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- การบริหารความเสี่ยงในการเทรด
- จิตวิทยาการเทรด
- กลยุทธ์ Martingale
- กลยุทธ์ Anti-Martingale
- กลยุทธ์ Pin Bar
- กลยุทธ์ Engulfing
- กลยุทธ์ Three White Soldiers
- กลยุทธ์ Three Black Crows
- Trend Following
- Mean Reversion
- Scalping
- Day Trading
- Swing Trading
- การใช้ข่าวในการเทรด (Category:Trading Strategies) - เป็นหมวดหมู่หลักที่ครอบคลุมกลยุทธ์ต่างๆ ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น รวมถึงกลยุทธ์แนวรับแนวต้านนี้ด้วย
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
