กลยุทธ์ Fakeout
- กลยุทธ์ Fakeout ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น
กลยุทธ์ Fakeout เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างมาก บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์ Fakeout อย่างละเอียด ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน การระบุสัญญาณ Fakeout ไปจนถึงวิธีการนำไปใช้ในการซื้อขายจริง รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ เพื่อให้ผู้เริ่มต้นสามารถเข้าใจและใช้งานกลยุทธ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Fakeout คืออะไร?
Fakeout หรือบางครั้งเรียกว่า False Breakout คือ สถานการณ์ที่ราคาของสินทรัพย์ทะลุระดับแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วกลับตัวกลับมาสู่ช่วงราคาเดิมก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ที่เข้าซื้อขายโดยเชื่อว่าราคาจะทะลุแนวรับหรือแนวต้านนั้นขาดทุน
- ทำไม Fakeout ถึงเกิดขึ้น?**
- **การดึงดูดผู้ซื้อ/ผู้ขาย:** ผู้เล่นรายใหญ่ (Institutional Traders) มักจะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อดึงดูดผู้ซื้อหรือผู้ขายรายย่อยให้เข้าสู่ตลาดในทิศทางที่ผิด เพื่อให้พวกเขาสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ตามมา
- **สภาพคล่อง:** การทะลุแนวรับหรือแนวต้านมักจะทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่นรายใหญ่ต้องการเพื่อเข้าหรือออกจากตลาดในปริมาณมาก
- **ข่าวสารและเหตุการณ์:** การประกาศข่าวสารสำคัญหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสามารถทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่ผันผวนและนำไปสู่การเกิด Fakeout ได้
- การระบุสัญญาณ Fakeout
การระบุสัญญาณ Fakeout ที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญในการใช้กลยุทธ์นี้ให้ประสบความสำเร็จ มีหลายวิธีในการระบุสัญญาณ Fakeout ดังนี้:
1. **การสังเกตแท่งเทียน:** แท่งเทียนที่ใช้ในการทะลุแนวรับหรือแนวต้านควรมีลักษณะที่น่าสงสัย เช่น
* **Doji:** แท่งเทียน Doji แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด และอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าการทะลุอาจเป็น Fakeout * **Engulfing Pattern:** หากแท่งเทียน Engulfing Pattern เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณว่าราคาจะกลับตัว * **Pin Bar:** แท่งเทียน Pin Bar ที่เกิดใกล้กับแนวรับหรือแนวต้านอาจบ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาและการกลับตัว
2. **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำกว่าปกติในขณะที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านอาจเป็นสัญญาณของ Fakeout เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าไม่มีแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสนับสนุนการทะลุ 3. **การใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators):**
* **Relative Strength Index (RSI):** หาก RSI แสดงสัญญาณ Overbought หรือ Oversold ในขณะที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณของ Fakeout * **Moving Averages:** การที่ราคาตัดผ่าน Moving Average แล้วกลับตัว อาจบ่งบอกถึงการเกิด Fakeout * **MACD:** การเกิด Divergence ระหว่างราคาและ MACD อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าการทะลุอาจไม่ยั่งยืน
4. **การยืนยันด้วยกรอบเวลาที่สูงขึ้น (Higher Timeframes):** การตรวจสอบกรอบเวลาที่สูงขึ้น (เช่น จาก M5 ไป M15 หรือ H1) จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของแนวโน้มและยืนยันว่าการทะลุเป็นของจริงหรือไม่
- กลยุทธ์การซื้อขายด้วย Fakeout
เมื่อคุณสามารถระบุสัญญาณ Fakeout ได้แล้ว คุณสามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขายต่อไปนี้:
- **การซื้อขายแบบ Counter-Trend:** เมื่อคุณระบุ Fakeout ได้แล้ว ให้เข้าซื้อขายในทิศทางตรงกันข้ามกับการทะลุ ตัวอย่างเช่น หากราคาทะลุแนวต้านแล้วกลับตัว ให้เปิด Position ขาย (Put Option)
- **การตั้ง Stop Loss:** การตั้ง Stop Loss เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความเสี่ยงเมื่อใช้กลยุทธ์ Fakeout โดยทั่วไปแล้ว Stop Loss ควรถูกตั้งไว้เหนือ/ใต้จุดสูงสุด/ต่ำสุดของการทะลุ
- **การตั้ง Take Profit:** Take Profit ควรถูกตั้งไว้ในระดับที่สมเหตุสมผล โดยพิจารณาจากแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ หรืออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) ที่คุณต้องการ
- ตัวอย่างการซื้อขายด้วยกลยุทธ์ Fakeout
สมมติว่าคุณกำลังวิเคราะห์กราฟราคาของ EUR/USD ในกรอบเวลา M5 และสังเกตเห็นว่าราคาได้ทะลุแนวต้านที่ 1.1000 แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างต่ำ และแท่งเทียนที่ใช้ในการทะลุเป็น Doji
| Time | Price | Volume | Indicator | Action | |---|---|---|---|---| | 10:00 | 1.0995 | 100 | RSI: 65 | Waiting | | 10:01 | 1.1002 | 80 | RSI: 68 | Breakout - Possible Fakeout | | 10:02 | 1.0998 | 70 | RSI: 62 | Fakeout Confirmed - Enter Put Option | | 10:03 | 1.0990 | 90 | RSI: 58 | Manage Trade |
ในกรณีนี้ คุณสามารถสรุปได้ว่าการทะลุเป็น Fakeout และตัดสินใจเปิด Position ขาย (Put Option) โดยตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 1.1010 และ Take Profit ไว้ที่ 1.0980
- ข้อควรระวังในการใช้กลยุทธ์ Fakeout
- **ความเสี่ยงสูง:** กลยุทธ์ Fakeout มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอาจเกิดการทะลุจริงได้ ดังนั้นจึงควรใช้เงินทุนที่คุณสามารถเสียได้เท่านั้น
- **การยืนยัน:** อย่าตัดสินใจซื้อขายโดยพิจารณาจากสัญญาณ Fakeout เพียงอย่างเดียว ควรยืนยันด้วยตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ และการวิเคราะห์แนวโน้ม
- **การจัดการความเสี่ยง:** การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขายด้วยกลยุทธ์ Fakeout ควรตั้ง Stop Loss เสมอและจำกัดจำนวนเงินทุนที่คุณใช้ในการซื้อขายแต่ละครั้ง
- **ความผันผวนของตลาด:** ตลาดที่มีความผันผวนสูงอาจทำให้เกิด Fakeout บ่อยขึ้น ดังนั้นควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการซื้อขายในตลาดเหล่านี้
- **ข่าวสารและเหตุการณ์:** การประกาศข่าวสารสำคัญหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสามารถทำให้เกิด Fakeout ได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงเวลาที่มีข่าวสารสำคัญ
- กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
นอกเหนือจากกลยุทธ์ Fakeout แล้ว ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและสามารถนำมาใช้ร่วมกันได้:
- Pin Bar Reversal Strategy: ใช้แท่งเทียน Pin Bar เพื่อระบุการกลับตัวของราคา
- Engulfing Pattern Strategy: ใช้แท่งเทียน Engulfing Pattern เพื่อยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม
- Breakout Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
- Support and Resistance Strategy: การใช้แนวรับและแนวต้านเพื่อระบุโอกาสในการซื้อขาย
- Trend Following Strategy: การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา
- Moving Average Crossover Strategy: การใช้การตัดกันของ Moving Average เพื่อระบุสัญญาณซื้อขาย
- RSI Divergence Strategy: การใช้ RSI Divergence เพื่อระบุการกลับตัวของราคา
- MACD Strategy: การใช้ MACD เพื่อระบุแนวโน้มและสัญญาณซื้อขาย
- Fibonacci Retracement Strategy: การใช้ Fibonacci Retracement เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้าน
- Bollinger Bands Strategy: การใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคา
- Ichimoku Cloud Strategy: การใช้ Ichimoku Cloud เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและระดับแนวรับ/แนวต้าน
- Harmonic Patterns: การใช้รูปแบบ Harmonic เพื่อระบุโอกาสในการซื้อขาย
- Head and Shoulders Pattern: รูปแบบ Head and Shoulders เป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้ม
- Double Top/Bottom Pattern: รูปแบบ Double Top/Bottom เป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้ม
- Three White Soldiers/Black Crows: รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
การทำความเข้าใจ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย เป็นสิ่งสำคัญในการใช้กลยุทธ์ Fakeout ให้ประสบความสำเร็จ การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยให้คุณระบุแนวรับ แนวต้าน และรูปแบบราคาต่างๆ ในขณะที่การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายช่วยให้คุณประเมินความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา
- สรุป
กลยุทธ์ Fakeout เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น แต่ต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างมาก การระบุสัญญาณ Fakeout ที่แม่นยำ การจัดการความเสี่ยง และการยืนยันด้วยตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญในการใช้กลยุทธ์นี้ให้ประสบความสำเร็จ อย่าลืมว่าการซื้อขายมีความเสี่ยง และคุณควรใช้เงินทุนที่คุณสามารถเสียได้เท่านั้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น แนวรับ แนวต้าน แท่งเทียน RSI MACD Moving Average Stop Loss Take Profit การจัดการความเสี่ยง Pin Bar Engulfing Pattern Doji Breakout Trend Following Support and Resistance Bollinger Bands Fibonacci Retracement Ichimoku Cloud Harmonic Patterns Head and Shoulders Double Top/Bottom Three White Soldiers Three Black Crows การซื้อขายแบบ Counter-Trend Risk/Reward Ratio
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
