Options pricing models

1. 1. Options Pricing Models

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแบบจำลองการประเมินราคาออปชั่น (Options Pricing Models) สำหรับผู้ที่เริ่มต้นศึกษาในตลาด ไบนารี่ออปชั่น และตลาดออปชั่นโดยทั่วไป การทำความเข้าใจแบบจำลองเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจลงทุนอย่างมีเหตุผล และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

1. 1. 1. บทนำ

ออปชั่น (Options) เป็นตราสารทางการเงินที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อ แต่ไม่ใช่ภาระผูกพันในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Expiration Date) ราคาของออปชั่นไม่ได้เกิดจากการคาดเดา แต่สามารถประเมินได้ด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อราคาออปชั่น

1. 1. 1. ปัจจัยที่มีผลต่อราคาออปชั่น

ก่อนที่จะเจาะลึกในรายละเอียดของแบบจำลองต่างๆ เรามาทำความเข้าใจปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาออปชั่นกันก่อน:

• **ราคาของสินทรัพย์อ้างอิง:** โดยทั่วไป ราคาของออปชั่น Call จะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ในขณะที่ราคาของออปชั่น Put จะมีแนวโน้มตรงกันข้าม
• **ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** ราคาใช้สิทธิที่ต่ำลงจะทำให้ราคาออปชั่น Call สูงขึ้น และราคาออปชั่น Put ต่ำลง
• **ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ (Time to Expiration):** โดยทั่วไป ระยะเวลาที่เหลือจนถึงวันหมดอายุที่ยาวนานขึ้นจะทำให้ราคาออปชั่นสูงขึ้น เนื่องจากมีโอกาสมากขึ้นที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือออปชั่น
• **ความผันผวน (Volatility):** ความผันผวนที่สูงขึ้นจะทำให้ราคาออปชั่นสูงขึ้น เนื่องจากมีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต การวัดความผันผวนสามารถทำได้โดยใช้ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) หรือ ค่าความผันผวนในอดีต (Historical Volatility)
• **อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate):** อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นโดยทั่วไปจะทำให้ราคาออปชั่น Call สูงขึ้น และราคาออปชั่น Put ต่ำลง
• **เงินปันผล (Dividends):** การจ่ายเงินปันผลจะทำให้ราคาออปชั่น Call ต่ำลง และราคาออปชั่น Put สูงขึ้น

1. 1. 1. แบบจำลองการประเมินราคาออปชั่น

มีแบบจำลองการประเมินราคาออปชั่นหลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดมีดังนี้:

1. 1. 1. 1. 1. Black-Scholes Model

แบบจำลอง Black-Scholes เป็นแบบจำลองที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายในการประเมินราคาออปชั่นแบบยุโรป (European Options) ซึ่งสามารถใช้ได้เฉพาะกับออปชั่นที่สามารถใช้สิทธิได้เพียงวันหมดอายุเท่านั้น แบบจำลองนี้มีข้อสมมติฐานหลายประการ เช่น:

• ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงมีการเคลื่อนไหวแบบ Brownian Motion
• ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย
• สามารถซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงได้ตลอดเวลา
• อัตราดอกเบี้ยและความผันผวนคงที่

สูตรของ Black-Scholes Model สำหรับออปชั่น Call คือ:

C = S * N(d1) - K * e^(-rT) * N(d2)

โดยที่:

• C = ราคาออปชั่น Call
• S = ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง
• K = ราคาใช้สิทธิ
• r = อัตราดอกเบี้ยแบบไม่มีความเสี่ยง
• T = ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ (เป็นปี)
• N(x) = ฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแบบปกติ (Cumulative Normal Distribution Function)
• d1 = [ln(S/K) + (r + σ^2/2) * T] / (σ * √T)
• d2 = d1 - σ * √T
• σ = ความผันผวนของราคาของสินทรัพย์อ้างอิง

สำหรับออปชั่น Put สามารถคำนวณได้จากสูตร:

P = K * e^(-rT) * N(-d2) - S * N(-d1)

1. 1. 1. 1. 2. Binomial Option Pricing Model

แบบจำลอง Binomial เป็นแบบจำลองที่ยืดหยุ่นกว่า Black-Scholes Model และสามารถใช้ประเมินราคาออปชั่นแบบอเมริกัน (American Options) ซึ่งสามารถใช้สิทธิได้ก่อนวันหมดอายุได้ แบบจำลองนี้สร้างต้นไม้ (Tree) ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในแต่ละช่วงเวลา

แบบจำลอง Binomial ทำงานโดยการแบ่งระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุออกเป็นช่วงเวลาเล็กๆ หลายช่วง จากนั้นคำนวณราคาของออปชั่น ณ วันหมดอายุในแต่ละสถานการณ์ที่เป็นไปได้ จากนั้นจึงย้อนกลับไปคำนวณราคาของออปชั่น ณ เวลาปัจจุบัน โดยใช้หลักการของ การกำหนดราคาตามความเสี่ยง (Risk-Neutral Valuation)

1. 1. 1. 1. 3. Monte Carlo Simulation

Monte Carlo Simulation เป็นเทคนิคที่ใช้ในการจำลองสถานการณ์ต่างๆ จำนวนมาก เพื่อประมาณค่าผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น วิธีนี้สามารถใช้ในการประเมินราคาออปชั่นที่ซับซ้อน ซึ่งไม่สามารถประเมินราคาได้ด้วยแบบจำลอง Black-Scholes หรือ Binomial

Monte Carlo Simulation ทำงานโดยการสร้างเส้นทางการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจำนวนมาก โดยใช้แบบจำลองทางสถิติที่เหมาะสม จากนั้นคำนวณราคาของออปชั่นในแต่ละเส้นทาง และหาค่าเฉลี่ยของราคาเหล่านี้เพื่อประมาณราคาออปชั่น

1. 1. 1. ข้อจำกัดของแบบจำลอง

แบบจำลองการประเมินราคาออปชั่นทั้งหมดมีข้อจำกัดบางประการ:

• **ข้อสมมติฐาน:** แบบจำลองส่วนใหญ่มีข้อสมมติฐานที่อาจไม่เป็นจริงในตลาดจริง
• **ความแม่นยำ:** แบบจำลองอาจไม่สามารถทำนายราคาออปชั่นได้อย่างแม่นยำเสมอไป
• **ความซับซ้อน:** บางแบบจำลองมีความซับซ้อนและต้องใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์และสถิติขั้นสูง

1. 1. 1. การประยุกต์ใช้ในตลาดไบนารี่ออปชั่น

แม้ว่าแบบจำลองเหล่านี้จะถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับการประเมินราคาออปชั่นแบบดั้งเดิม แต่แนวคิดพื้นฐานสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในตลาด ไบนารี่ออปชั่น ได้ ตัวอย่างเช่น:

• **การประเมินความน่าจะเป็น:** การใช้แบบจำลองเพื่อประเมินความน่าจะเป็นที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ถูกต้องก่อนวันหมดอายุ
• **การบริหารความเสี่ยง:** การใช้แบบจำลองเพื่อกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน
• **การหากำไร:** การใช้แบบจำลองเพื่อระบุออปชั่นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalued Options)

1. 1. 1. กลยุทธ์การเทรดที่เกี่ยวข้อง

การทำความเข้าใจแบบจำลองการประเมินราคาออปชั่นสามารถช่วยในการพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย เช่น:

• **Straddle:** ซื้อทั้ง Call และ Put ออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน เหมาะสำหรับสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูง กลยุทธ์ Straddle
• **Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ราคาใช้สิทธิของ Call และ Put ออปชั่นจะแตกต่างกัน เหมาะสำหรับสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงมาก กลยุทธ์ Strangle
• **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่จำกัดความเสี่ยงและผลกำไร เหมาะสำหรับสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน กลยุทธ์ Butterfly Spread
• **Covered Call:** ขาย Call ออปชั่นบนสินทรัพย์อ้างอิงที่คุณถืออยู่ เหมาะสำหรับสภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้นเล็กน้อย กลยุทธ์ Covered Call
• **Protective Put:** ซื้อ Put ออปชั่นบนสินทรัพย์อ้างอิงที่คุณถืออยู่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคา กลยุทธ์ Protective Put

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

นอกเหนือจากแบบจำลองการประเมินราคาออปชั่นแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจลงทุนในตลาดออปชั่น

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** การศึกษาแผนภูมิราคาและตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), ดัชนีความสัมพันธ์สัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI), และ เส้น Bollinger (Bollinger Bands) เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบราคา
• **การวิเคราะห์พื้นฐาน:** การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ผลประกอบการของบริษัท ข่าวสารเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบาล เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์

1. 1. 1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระดับความสนใจของนักลงทุน:

• **ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น:** บ่งบอกถึงความสนใจที่มากขึ้นในสินทรัพย์อ้างอิง
• **ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง:** บ่งบอกถึงความสนใจที่ลดลงในสินทรัพย์อ้างอิง
• **Volume Price Trend (VPT):** ตัวชี้วัดที่รวมปริมาณการซื้อขายเข้ากับราคา เพื่อระบุแนวโน้มที่แข็งแกร่ง

1. 1. 1. สรุป

แบบจำลองการประเมินราคาออปชั่นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนในการประเมินมูลค่าของออปชั่น และตัดสินใจลงทุนอย่างมีเหตุผล อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจข้อจำกัดของแบบจำลองเหล่านี้ และใช้ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน และการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดออปชั่นและ ตลาดการเงิน โดยรวม

ตัวอย่างแบบจำลองการประเมินราคาออปชั่น

แบบจำลอง	จุดเด่น	จุดด้อย
Black-Scholes	ใช้งานง่าย, รวดเร็ว	ข้อสมมติฐานที่เข้มงวด, ไม่เหมาะสำหรับออปชั่นแบบอเมริกัน
Binomial	ยืดหยุ่นกว่า, สามารถใช้กับออปชั่นแบบอเมริกัน	ซับซ้อนกว่า, ใช้เวลาในการคำนวณนานกว่า
Monte Carlo	เหมาะสำหรับออปชั่นที่ซับซ้อน	ใช้เวลาในการคำนวณนานมาก, ต้องใช้ความรู้ทางสถิติขั้นสูง

การบริหารความเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดออปชั่นและไบนารี่ออปชั่น ควรจำกัดขนาดการลงทุนในแต่ละครั้ง และใช้คำสั่ง Stop-Loss เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป นอกจากนี้ ควรศึกษาและทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับออปชั่นอย่างละเอียดก่อนที่จะเริ่มลงทุน

การลงทุน ในตลาดออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหากจำเป็น

การกระจายความเสี่ยง (Diversification) เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการลดความเสี่ยง ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อลดผลกระทบจากการขาดทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง

การเรียนรู้ต่อเนื่อง เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการเทรดออปชั่น ควรติดตามข่าวสารและแนวโน้มของตลาดอย่างสม่ำเสมอ และศึกษาเทคนิคการวิเคราะห์ต่างๆ เพิ่มเติม

การควบคุมอารมณ์ เป็นสิ่งสำคัญในการเทรดออปชั่น ควรหลีกเลี่ยงการตัดสินใจลงทุนโดยใช้อารมณ์ และยึดมั่นในแผนการเทรดที่ได้วางไว้

การบันทึกการเทรด (Trading Journal) สามารถช่วยให้คุณติดตามผลการเทรด และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต

การใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ (Trading Tools) เช่น โปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิค และแพลตฟอร์มการเทรด สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การติดตามข่าวสาร (News Tracking) เป็นสิ่งสำคัญในการรับรู้ถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง

การทำความเข้าใจภาษี (Tax Implications) ที่เกี่ยวข้องกับการเทรดออปชั่นเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนทางการเงิน

การเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ (Broker Selection) เป็นสิ่งสำคัญในการมั่นใจว่าเงินทุนของคุณจะปลอดภัย และได้รับการบริการที่ดี

การเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) เป็นวิธีที่ดีในการฝึกฝนทักษะการเทรดออปชั่นโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน (Goal Setting) เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดทิศทางและแรงจูงใจในการเทรด

การประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Tolerance) เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม

ความเข้าใจในกลไกตลาด (Market Mechanics) เป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจว่าตลาดออปชั่นทำงานอย่างไร

การใช้ประโยชน์จากโอกาส (Opportunity Recognition) เป็นสิ่งสำคัญในการระบุออปชั่นที่มีศักยภาพในการทำกำไร

การปรับตัวตามสถานการณ์ (Adaptability) เป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น