Support และ Resistance
- Support และ Resistance: พื้นฐานสำคัญสำหรับการเทรดไบนารี่ออปชั่น
Support และ Resistance เป็นแนวคิดพื้นฐานและสำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น และตลาดการเงินโดยรวม การทำความเข้าใจแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุจุดเข้าและออกจากตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะอธิบายถึง Support และ Resistance อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงวิธีการใช้งานในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
- Support คืออะไร?
Support คือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเข้ามามากพอที่จะหยุดการลดลงของราคา กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็นจุดที่ราคาอาจเด้งกลับขึ้นไป เนื่องจากมีแรงซื้อที่แข็งแกร่งเข้ามาในบริเวณนั้น แรงซื้อนี้อาจเกิดจากนักลงทุนที่เชื่อว่าราคาในบริเวณนั้นมีค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือเกิดจากนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อเพื่อทำกำไรจากการฟื้นตัวของราคา
Support มักจะเกิดขึ้นจาก:
- **แนวรับทางจิตวิทยา:** ระดับราคาที่เป็นตัวเลขกลมๆ เช่น 1.0000, 1.1000, 100 บาท เป็นต้น นักลงทุนมักจะให้ความสนใจกับระดับราคาเหล่านี้เป็นพิเศษ
- **ระดับสูงสุดก่อนหน้า:** ราคาที่เคยขึ้นไปสูงสุดแล้วตกลงมา ระดับราคานี้อาจกลายเป็น Support ในอนาคต
- **เส้นแนวโน้ม (Trendline):** เส้นที่ลากเชื่อมต่อจุดต่ำสุดหลายๆ จุดเข้าด้วยกัน เส้นแนวโน้มนี้สามารถเป็น Support ได้
- **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average):** เส้นที่คำนวณจากราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถเป็น Support ได้เช่นกัน (ดูเพิ่มเติมที่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่)
- **รูปแบบกราฟ (Chart Patterns):** บางรูปแบบกราฟ เช่น Double Bottom หรือ Head and Shoulders สามารถบ่งบอกถึง Support ได้
- Resistance คืออะไร?
Resistance คือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการขายออกมามากพอที่จะหยุดการเพิ่มขึ้นของราคา กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็นจุดที่ราคาอาจปรับตัวลง เนื่องจากมีแรงขายที่แข็งแกร่งเข้ามาในบริเวณนั้น แรงขายนี้อาจเกิดจากนักลงทุนที่เชื่อว่าราคาในบริเวณนั้นสูงเกินไป หรือเกิดจากนักลงทุนที่ต้องการขายเพื่อทำกำไร
Resistance มักจะเกิดขึ้นจาก:
- **แนวต้านทางจิตวิทยา:** ระดับราคาที่เป็นตัวเลขกลมๆ เช่น 1.0000, 1.1000, 100 บาท เป็นต้น นักลงทุนมักจะให้ความสนใจกับระดับราคาเหล่านี้เป็นพิเศษ
- **ระดับต่ำสุดก่อนหน้า:** ราคาที่เคยลงไปต่ำสุดแล้วเด้งกลับขึ้นมา ระดับราคานี้อาจกลายเป็น Resistance ในอนาคต
- **เส้นแนวโน้ม (Trendline):** เส้นที่ลากเชื่อมต่อจุดสูงสุดหลายๆ จุดเข้าด้วยกัน เส้นแนวโน้มนี้สามารถเป็น Resistance ได้
- **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average):** เส้นที่คำนวณจากราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถเป็น Resistance ได้เช่นกัน
- **รูปแบบกราฟ (Chart Patterns):** บางรูปแบบกราฟ เช่น Double Top หรือ Head and Shoulders สามารถบ่งบอกถึง Resistance ได้
- ความแตกต่างระหว่าง Support และ Resistance
| คุณสมบัติ | Support | Resistance | |---|---|---| | **หน้าที่** | หยุดการลดลงของราคา | หยุดการเพิ่มขึ้นของราคา | | **แรงผลักดัน** | แรงซื้อ | แรงขาย | | **ตลาดที่คาดหวัง** | ตลาดขาขึ้น (Uptrend) หรือตลาด Sideways | ตลาดขาลง (Downtrend) หรือตลาด Sideways | | **การเทรด** | มองหาการเข้าซื้อเมื่อราคาแตะ Support | มองหาการเข้าขายเมื่อราคาแตะ Resistance |
- การใช้งาน Support และ Resistance ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
1. **การระบุระดับ Support และ Resistance:** ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น เส้นแนวโน้ม ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือรูปแบบกราฟ เพื่อระบุระดับ Support และ Resistance ที่สำคัญ 2. **การเทรดเมื่อราคาแตะ Support:** เมื่อราคาตกลงมาจนถึงระดับ Support ให้พิจารณาเข้าซื้อ (Call Option) โดยคาดหวังว่าราคาจะเด้งกลับขึ้นไป (ดูเพิ่มเติมที่ กลยุทธ์การเทรดแบบ Bounce) 3. **การเทรดเมื่อราคาแตะ Resistance:** เมื่อราคาเพิ่มขึ้นจนถึงระดับ Resistance ให้พิจารณาเข้าขาย (Put Option) โดยคาดหวังว่าราคาจะปรับตัวลง (ดูเพิ่มเติมที่ กลยุทธ์การเทรดแบบ Breakout) 4. **การ Breakout:** เมื่อราคา Breakout (ทะลุ) ระดับ Resistance ขึ้นไป หรือ Breakdown (ทะลุ) ระดับ Support ลงมา อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม (ดูเพิ่มเติมที่ การ Breakout ของราคา) 5. **การ Re-test:** หลังจากเกิดการ Breakout หรือ Breakdown ราคาอาจมีการ Re-test (กลับไปทดสอบ) ระดับเดิม ซึ่งสามารถใช้เป็นโอกาสในการเข้าเทรดได้
- การยืนยัน Support และ Resistance
การระบุ Support และ Resistance เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรทำการยืนยันด้วยเครื่องมืออื่นๆ เช่น:
- **ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ Support หรือ Resistance อาจบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของระดับนั้น (ดูเพิ่มเติมที่ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย)
- **ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators):** ใช้ตัวชี้วัด เช่น RSI, MACD, Stochastic เพื่อยืนยันสัญญาณ (ดูเพิ่มเติมที่ RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence))
- **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):** รูปแบบแท่งเทียนบางรูปแบบสามารถบ่งบอกถึงการกลับตัวของราคาที่ระดับ Support หรือ Resistance (ดูเพิ่มเติมที่ รูปแบบแท่งเทียน )
- ข้อควรระวังในการใช้ Support และ Resistance
- **Support และ Resistance ไม่ใช่เส้นตาย:** ราคาอาจทะลุระดับ Support หรือ Resistance ได้เสมอ ไม่ควรยึดติดกับระดับเหล่านี้มากเกินไป
- **Support และ Resistance เป็นโซน:** แทนที่จะมองว่าเป็นเส้นตรง ควรพิจารณาว่าเป็นโซนราคาที่กว้างขึ้น
- **ความสำคัญของกรอบเวลา (Timeframe):** Support และ Resistance ที่สำคัญในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า มักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากรอบเวลาที่เล็กกว่า
- **ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน:** ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอาจส่งผลกระทบต่อราคา ทำให้ Support และ Resistance ไม่สามารถใช้งานได้ตามที่คาดหวัง (ดูเพิ่มเติมที่ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน)
- กลยุทธ์การเทรดที่เกี่ยวข้อง
- **Pin Bar Reversal:** ใช้แท่งเทียน Pin Bar เพื่อยืนยันการกลับตัวของราคาที่ระดับ Support หรือ Resistance (ดูเพิ่มเติมที่ กลยุทธ์ Pin Bar)
- **Engulfing Pattern:** ใช้รูปแบบแท่งเทียน Engulfing เพื่อยืนยันการกลับตัวของราคาที่ระดับ Support หรือ Resistance (ดูเพิ่มเติมที่ กลยุทธ์ Engulfing)
- **Fibonacci Retracement:** ใช้ระดับ Fibonacci Retracement เพื่อระบุระดับ Support และ Resistance ที่อาจเกิดขึ้น (ดูเพิ่มเติมที่ Fibonacci Retracement)
- **Pivot Points:** ใช้ Pivot Points เพื่อระบุระดับ Support และ Resistance ที่สำคัญในแต่ละวัน (ดูเพิ่มเติมที่ Pivot Points)
- **Donchian Channels:** ใช้ Donchian Channels เพื่อระบุระดับสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งสามารถใช้เป็น Support และ Resistance ได้ (ดูเพิ่มเติมที่ Donchian Channels)
- **Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุช่วงราคาที่ราคาอาจเคลื่อนที่ ซึ่งสามารถใช้เป็น Support และ Resistance ได้ (ดูเพิ่มเติมที่ Bollinger Bands)
- **Ichimoku Cloud:** ใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้มและระดับ Support และ Resistance (ดูเพิ่มเติมที่ Ichimoku Cloud)
- **Three Line Break:** ใช้ Three Line Break เพื่อระบุแนวโน้มและระดับ Support และ Resistance (ดูเพิ่มเติมที่ Three Line Break)
- **Keltner Channels:** ใช้ Keltner Channels เพื่อระบุช่วงราคาที่ราคาอาจเคลื่อนที่ ซึ่งสามารถใช้เป็น Support และ Resistance ได้ (ดูเพิ่มเติมที่ Keltner Channels)
- **Parabolic SAR:** ใช้ Parabolic SAR เพื่อระบุจุดกลับตัวของแนวโน้ม ซึ่งสามารถใช้เป็น Support และ Resistance ได้ (ดูเพิ่มเติมที่ Parabolic SAR)
- **Average True Range (ATR):** ใช้ ATR เพื่อวัดความผันผวนของราคา ซึ่งสามารถช่วยในการกำหนดขนาดของการ Stop Loss ที่เหมาะสม (ดูเพิ่มเติมที่ Average True Range)
- **Market Profile:** ใช้ Market Profile เพื่อระบุระดับราคาที่ถูกเทรดมากที่สุด ซึ่งสามารถใช้เป็น Support และ Resistance ได้ (ดูเพิ่มเติมที่ Market Profile)
- สรุป
Support และ Resistance เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การทำความเข้าใจและใช้งานแนวคิดเหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเทรดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลและฝึกฝนอย่างรอบคอบก่อนทำการลงทุนจริง และควรใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่เหมาะสมเสมอ (ดูเพิ่มเติมที่ การบริหารความเสี่ยงในการเทรด)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การบริหารความเสี่ยงในการเทรด กลยุทธ์การเทรดแบบ Bounce กลยุทธ์การเทรดแบบ Breakout การ Breakout ของราคา ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ RSI (Relative Strength Index) MACD (Moving Average Convergence Divergence) รูปแบบแท่งเทียน การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย Fibonacci Retracement Pivot Points กลยุทธ์ Pin Bar กลยุทธ์ Engulfing Donchian Channels Bollinger Bands Ichimoku Cloud Three Line Break Keltner Channels Parabolic SAR Average True Range Market Profile Binary Options
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
