Butterfly Spread Strategy

1. Butterfly Spread Strategy: กลยุทธ์ไบนารี่ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น

บทนำ

กลยุทธ์ Butterfly Spread เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย ออปชั่น ที่มีความซับซ้อนเล็กน้อย แต่สามารถสร้างผลตอบแทนที่จำกัดความเสี่ยงได้ดี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ ในบทความนี้ เราจะอธิบายกลยุทธ์ Butterfly Spread อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงรูปแบบต่างๆ ข้อดีข้อเสีย การใช้งาน และตัวอย่างประกอบ เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พื้นฐานของ Butterfly Spread

Butterfly Spread เป็นกลยุทธ์ที่ประกอบด้วยการซื้อและขาย ออปชั่น Call หรือ ออปชั่น Put ในสามราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ที่แตกต่างกัน โดยมีราคาใช้สิทธิกลางเป็นจุดศูนย์กลางของกลยุทธ์ โดยทั่วไปแล้ว กลยุทธ์นี้จะถูกใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่เคลื่อนไหวมากนักในช่วงเวลาที่เหลือของสัญญาออปชั่น

รูปแบบของ Butterfly Spread

Butterfly Spread มีสองรูปแบบหลักคือ:

**Long Butterfly Spread (Long Butterfly):** เป็นรูปแบบที่นิยมใช้มากที่สุด ประกอบด้วย:

   *   ซื้อ 1 สัญญาออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิต่ำสุด (K1)
   *   ขาย 2 สัญญาออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิกลาง (K2)
   *   ซื้อ 1 สัญญาออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิสูงสุด (K3)
   โดยที่ K1 < K2 < K3 และ K2 - K1 = K3 - K2 (ระยะห่างระหว่างราคาใช้สิทธิเท่ากัน)

**Short Butterfly Spread (Short Butterfly):** เป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับ Long Butterfly ประกอบด้วย:

   *   ขาย 1 สัญญาออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิต่ำสุด (K1)
   *   ซื้อ 2 สัญญาออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิกลาง (K2)
   *   ขาย 1 สัญญาออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิสูงสุด (K3)
   โดยที่ K1 < K2 < K3 และ K2 - K1 = K3 - K2 (ระยะห่างระหว่างราคาใช้สิทธิเท่ากัน)

การคำนวณกำไรและขาดทุนของ Long Butterfly Spread

การคำนวณกำไรและขาดทุนของ Long Butterfly Spread จะซับซ้อนเล็กน้อย แต่สามารถเข้าใจได้ดังนี้:

**กำไรสูงสุด:** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันหมดอายุของสัญญาออปชั่นเท่ากับราคาใช้สิทธิกลาง (K2) กำไรสูงสุดจะเท่ากับผลต่างระหว่างราคาใช้สิทธิกลาง (K2) และราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่า (K1) ลบด้วยต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์
**ขาดทุนสูงสุด:** จำกัดอยู่ที่ต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันหมดอายุของสัญญาออปชั่นต่ำกว่าราคาใช้สิทธิที่ต่ำที่สุด (K1) หรือสูงกว่าราคาใช้สิทธิที่สูงที่สุด (K3)
**จุดคุ้มทุน:** มีสองจุด คือ จุดที่กำไรเป็นศูนย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันหมดอายุ

ตัวอย่างการคำนวณ Long Butterfly Spread
รายการ	ราคา	จำนวนสัญญา	มูลค่ารวม
ซื้อ Call (K1 = 100)	5	1	5
ขาย Call (K2 = 105)	2	2	-10
ซื้อ Call (K3 = 110)	1	1	1
ต้นทุนสุทธิ			-4
ราคา ณ วันหมดอายุ = 105
กำไร = (K2 - K1) - ต้นทุนสุทธิ = (105 - 100) - 4 = 1

การคำนวณกำไรและขาดทุนของ Short Butterfly Spread

การคำนวณกำไรและขาดทุนของ Short Butterfly Spread จะตรงกันข้ามกับ Long Butterfly Spread:

**กำไรสูงสุด:** จำกัดอยู่ที่ต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันหมดอายุของสัญญาออปชั่นต่ำกว่าราคาใช้สิทธิที่ต่ำที่สุด (K1) หรือสูงกว่าราคาใช้สิทธิที่สูงที่สุด (K3)
**ขาดทุนสูงสุด:** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันหมดอายุของสัญญาออปชั่นเท่ากับราคาใช้สิทธิกลาง (K2) ขาดทุนสูงสุดจะเท่ากับผลต่างระหว่างราคาใช้สิทธิกลาง (K2) และราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่า (K1) ลบด้วยต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์
**จุดคุ้มทุน:** มีสองจุด คือ จุดที่กำไรเป็นศูนย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันหมดอายุ

ข้อดีและข้อเสียของ Butterfly Spread

- ข้อดี:**

**ความเสี่ยงจำกัด:** ทั้ง Long และ Short Butterfly Spread มีความเสี่ยงที่จำกัด ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการควบคุมความเสี่ยง
**กำไรสูงสุดที่ทราบได้:** กำไรสูงสุดของกลยุทธ์นี้สามารถคำนวณได้ล่วงหน้า ทำให้ง่ายต่อการวางแผนการลงทุน
**เหมาะสำหรับการคาดการณ์ช่วงราคา:** กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ

- ข้อเสีย:**

**กำไรจำกัด:** กำไรสูงสุดของกลยุทธ์นี้มีจำกัด ซึ่งอาจไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกำไรสูง
**ความซับซ้อน:** กลยุทธ์นี้มีความซับซ้อนกว่ากลยุทธ์ออปชั่นอื่นๆ ทำให้ต้องมีความเข้าใจในเรื่องของออปชั่นอย่างละเอียด
**ค่าคอมมิชชั่น:** การซื้อขายออปชั่นหลายสัญญาอาจทำให้มีค่าคอมมิชชั่นที่สูง

การใช้งาน Butterfly Spread ในไบนารี่ออปชั่น

แม้ว่า Butterfly Spread จะเป็นกลยุทธ์ที่ออกแบบมาสำหรับออปชั่นแบบดั้งเดิม แต่แนวคิดของกลยุทธ์นี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ได้ โดยการเลือกสัญญาไบนารี่ออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ที่แตกต่างกันสามระดับ และทำการซื้อขายในลักษณะเดียวกับ Butterfly Spread แบบดั้งเดิม

ตัวอย่างเช่น หากคุณคาดการณ์ว่าราคาของทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ คุณสามารถ:

ซื้อไบนารี่ออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิ 1800 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ขายไบนารี่ออปชั่น Call สองสัญญาที่ราคาใช้สิทธิ 1805 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ซื้อไบนารี่ออปชั่น Call ที่ราคาใช้สิทธิ 1810 ดอลลาร์สหรัฐฯ

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

การตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ Butterfly Spread หรือไม่ ควรพิจารณาจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน:

**การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Moving Averages, Bollinger Bands, Relative Strength Index (RSI) และ Fibonacci Retracements เพื่อประเมินแนวโน้มและช่วงราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
**การวิเคราะห์พื้นฐาน:** พิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ข่าวเศรษฐกิจ, นโยบายการเงิน, และเหตุการณ์ทางการเมือง

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

**Straddle:** กลยุทธ์ที่ซื้อทั้ง Call และ Put options ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน เหมาะสำหรับคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง
**Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง แต่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า
**Iron Condor:** กลยุทธ์ที่รวมทั้งการขาย Call และ Put options ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ
**Covered Call:** กลยุทธ์ที่ขาย Call option บนหุ้นที่ถืออยู่ เหมาะสำหรับสร้างรายได้เพิ่มเติมจากหุ้นที่ถืออยู่
**Protective Put:** กลยุทธ์ที่ซื้อ Put option เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคาหุ้นที่ถืออยู่
**Risk Reversal:** กลยุทธ์ที่รวมทั้งการซื้อ Call และขาย Put options เหมาะสำหรับคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวขึ้น
**Calendar Spread:** กลยุทธ์ที่ซื้อและขาย options ที่มีราคาใช้สิทธิเดียวกัน แต่มีวันหมดอายุที่แตกต่างกัน
**Diagonal Spread:** กลยุทธ์ที่รวมทั้งการซื้อและขาย options ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุที่แตกต่างกัน
**Ratio Spread:** กลยุทธ์ที่ซื้อและขาย options ในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน
**Volatility Trading:** กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่การซื้อขายความผันผวนของราคา

การบริหารความเสี่ยง

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขาย Butterfly Spread:

**กำหนดขนาดของ Position:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
**ตั้ง Stop-Loss:** กำหนดจุด Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คุณคาดการณ์
**ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
**กระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงเพียงอย่างเดียว

สรุป

กลยุทธ์ Butterfly Spread เป็นกลยุทธ์ออปชั่นที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะมีความซับซ้อน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จำกัดและกำไรสูงสุดที่ทราบได้ การทำความเข้าใจหลักการทำงานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค Candlestick Patterns, Chart Patterns และการวิเคราะห์พื้นฐาน Economic Indicators เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์นี้หรือไม่ การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการซื้อขาย Mean Reversion และ Trend Following

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น