Ruby on Rails สำหรับผู้เริ่มต้น: คู่มือฉบับสมบูรณ์

Ruby on Rails หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Rails เป็น เฟรมเวิร์กเว็บ แบบโอเพนซอร์สที่เขียนด้วยภาษาโปรแกรม Ruby Rails มุ่งเน้นไปที่ความสะดวกในการพัฒนา ทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถสร้างแอปพลิเคชันเว็บได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย บทความนี้จะนำเสนอ Rails สำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐาน แนวคิดหลัก การติดตั้ง การสร้างแอปพลิเคชันง่ายๆ และการเชื่อมต่อกับ ฐานข้อมูล

ทำไมต้อง Ruby on Rails?

Rails ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากมีข้อดีหลายประการ:

**Don't Repeat Yourself (DRY):** หลักการ DRY ช่วยลดการเขียนโค้ดซ้ำซ้อน ทำให้โค้ดกระชับและง่ายต่อการบำรุงรักษา
**Convention over Configuration:** Rails ใช้รูปแบบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการกำหนดค่ามากมาย
**Rapid Development:** Rails ช่วยให้พัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือและไลบรารีมากมาย
**Active Record:** ไลบรารี Active Record ช่วยให้การจัดการกับ ฐานข้อมูล เป็นเรื่องง่าย
**Community ขนาดใหญ่:** Rails มีชุมชนผู้ใช้งานขนาดใหญ่ พร้อมให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน

แนวคิดหลักของ Ruby on Rails

ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน Rails เรามาทำความเข้าใจแนวคิดหลักที่สำคัญกันก่อน:

**Model-View-Controller (MVC):** Rails ใช้สถาปัตยกรรม MVC ซึ่งแบ่งแอปพลิเคชันออกเป็นสามส่วนหลัก:

   * **Model:** จัดการข้อมูลและตรรกะทางธุรกิจ
   * **View:** แสดงข้อมูลให้กับผู้ใช้
   * **Controller:** รับคำขอจากผู้ใช้ ประมวลผล และส่งไปยัง Model หรือ View

**Routing:** กำหนด URL ที่ผู้ใช้จะเข้าถึงและเชื่อมโยงกับ Controller Action ที่เหมาะสม
**Active Record:** ไลบรารีที่ช่วยให้การจัดการกับ ฐานข้อมูล เป็นเรื่องง่าย โดยแปลงตารางใน ฐานข้อมูล เป็นอ็อบเจ็กต์ Ruby
**Migrations:** ใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ฐานข้อมูล อย่างเป็นระบบ
**Assets Pipeline:** จัดการไฟล์ Assets เช่น CSS, JavaScript และรูปภาพ

การติดตั้ง Ruby on Rails

ก่อนที่จะติดตั้ง Rails เราต้องติดตั้ง Ruby และ Node.js ก่อน

1. **ติดตั้ง Ruby:**

  * **บน macOS:** ใช้ `rbenv` หรือ `rvm` เพื่อจัดการ Ruby versions
  * **บน Linux:** ใช้ package manager ของ distribution นั้นๆ เช่น `apt` หรือ `yum`
  * **บน Windows:** ใช้ RubyInstaller

2. **ติดตั้ง Node.js:** ดาวน์โหลดและติดตั้งจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: [1](https://nodejs.org/) 3. **ติดตั้ง Rails:** หลังจากติดตั้ง Ruby และ Node.js แล้ว ให้เปิด terminal และพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  gem install rails
  ```

4. **ตรวจสอบการติดตั้ง:** ตรวจสอบว่า Rails ติดตั้งสำเร็จหรือไม่โดยพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  rails -v
  ```
  ควรแสดง version ของ Rails ที่ติดตั้งไว้

สร้างแอปพลิเคชัน Rails อย่างง่าย

หลังจากติดตั้ง Rails แล้ว เราสามารถสร้างแอปพลิเคชัน Rails อย่างง่ายได้ดังนี้:

1. **สร้างแอปพลิเคชัน:** เปิด terminal และพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  rails new my_app
  cd my_app
  ```
  คำสั่งนี้จะสร้าง directory ชื่อ `my_app` พร้อมกับโครงสร้างไฟล์และ directory ที่จำเป็นสำหรับแอปพลิเคชัน Rails

2. **สร้าง Controller:** สร้าง Controller ชื่อ `Welcome` โดยพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  rails generate controller Welcome index
  ```
  คำสั่งนี้จะสร้างไฟล์ `app/controllers/welcome_controller.rb` และ `app/views/welcome/index.html.erb`

3. **แก้ไข Controller:** เปิดไฟล์ `app/controllers/welcome_controller.rb` และแก้ไขให้มีโค้ดดังนี้:

  ```ruby
  class WelcomeController < ApplicationController
    def index
      @message = "Hello, Rails!"
    end
  end
  ```

4. **แก้ไข View:** เปิดไฟล์ `app/views/welcome/index.html.erb` และแก้ไขให้มีโค้ดดังนี้:

  ```html

<%= @message %>

```

5. **กำหนด Route:** เปิดไฟล์ `config/routes.rb` และแก้ไขให้มีโค้ดดังนี้:

  ```ruby
  Rails.application.routes.draw do
    root 'welcome#index'
  end
  ```

6. **เริ่ม Server:** เปิด terminal และพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  rails server
  ```
  จากนั้นเปิด browser และเข้าสู่ URL `http://localhost:3000` คุณจะเห็นข้อความ "Hello, Rails!" ปรากฏบนหน้าจอ

การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล

Rails รองรับ ฐานข้อมูล หลายประเภท เช่น PostgreSQL, MySQL และ SQLite โดย default Rails จะใช้ SQLite สำหรับ development

1. **กำหนดฐานข้อมูล:** เปิดไฟล์ `config/database.yml` และแก้ไขให้เหมาะสมกับ ฐานข้อมูล ที่คุณต้องการใช้ 2. **สร้างฐานข้อมูล:** เปิด terminal และพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  rails db:create
  ```

3. **สร้าง Migration:** สร้าง Migration เพื่อเพิ่มตารางใน ฐานข้อมูล โดยพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  rails generate migration CreateArticles title:string content:text
  ```
  คำสั่งนี้จะสร้างไฟล์ Migration ใน directory `db/migrate`

4. **Run Migration:** Run Migration เพื่อสร้างตารางใน ฐานข้อมูล โดยพิมพ์คำสั่ง:

  ```bash
  rails db:migrate
  ```

การใช้ Active Record

Active Record เป็นไลบรารีที่ช่วยให้การจัดการกับ ฐานข้อมูล เป็นเรื่องง่าย ตัวอย่างการใช้งาน Active Record:

```ruby

สร้าง record ใหม่

article = Article.new(title: "My Article", content: "This is my article content.") article.save

อ่าน record

article = Article.find(1) puts article.title

อัปเดต record

article.title = "Updated Article" article.save

ลบ record

article.destroy ```

แนวทางการเทรดไบนารี่ออปชั่นและการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง

แม้ว่า Rails จะเป็นเฟรมเวิร์กสำหรับพัฒนาเว็บ แต่ความเข้าใจในข้อมูลและการวิเคราะห์ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรด ไบนารี่ออปชั่น ได้เช่นกัน

**การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):** ใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อระบุแนวโน้มของสินทรัพย์ และใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเทรด เช่น Moving Averages, MACD, Bollinger Bands.
**การวิเคราะห์รูปแบบ (Pattern Recognition):** มองหารูปแบบทางเทคนิคที่เกิดขึ้นบนกราฟราคา เช่น Head and Shoulders, Double Top, Double Bottom.
**การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** สังเกตปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและรูปแบบ เช่น On Balance Volume (OBV).
**กลยุทธ์ Straddle:** ใช้เมื่อคาดว่าราคาจะมีความผันผวนอย่างมาก
**กลยุทธ์ Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Option ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน
**กลยุทธ์ Butterfly:** ใช้เมื่อคาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ
**การวิเคราะห์ทางจิตวิทยา (Psychological Analysis):** ทำความเข้าใจความรู้สึกของนักลงทุนเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
**การใช้ Indicators:** Relative Strength Index (RSI), Stochastic Oscillator, Fibonacci Retracements.
**การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):** กำหนดขนาดการลงทุนและ Stop-Loss เพื่อลดความเสี่ยง
**Backtesting:** ทดสอบกลยุทธ์การเทรดกับข้อมูลในอดีตเพื่อประเมินประสิทธิภาพ
**การวิเคราะห์ข่าวสาร (News Analysis):** ติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
**การใช้ Economic Calendar:** ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
**การวิเคราะห์ Sentiment:** วัดความรู้สึกของนักลงทุนต่อสินทรัพย์

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้แนวคิดจาก Rails กับการเทรดไบนารี่ออปชั่น
แนวคิดจาก Rails	การประยุกต์ใช้กับการเทรดไบนารี่ออปชั่น
DRY (Don't Repeat Yourself)	สร้างระบบการเทรดอัตโนมัติที่สามารถนำกลยุทธ์ที่ใช้ซ้ำได้มาใช้ใหม่ได้
Convention over Configuration	ใช้ Indicators หรือกลยุทธ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางแทนการสร้าง Indicators หรือกลยุทธ์เองทั้งหมด
Active Record	จัดเก็บข้อมูลการเทรดใน ฐานข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ผลการเทรดและปรับปรุงกลยุทธ์
Routing	กำหนดเงื่อนไขในการเข้าเทรดตามสัญญาณที่ได้รับจาก Indicators หรือกลยุทธ์

สรุป

Ruby on Rails เป็นเฟรมเวิร์กที่ทรงพลังและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันเว็บอย่างรวดเร็ว การทำความเข้าใจแนวคิดหลักของ Rails และการฝึกฝนการใช้งานจะช่วยให้คุณสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพได้ นอกจากนี้ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การเทรด ไบนารี่ออปชั่น สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเครื่องมือช่วยเทรดหรือระบบการเทรดอัตโนมัติได้

Ruby Web Framework MVC Database Active Record Migration Rails Server Technical Analysis Binary Options Trend Analysis Pattern Recognition Volume Analysis Risk Management Indicators Straddle Strategy Strangle Strategy Butterfly Strategy Moving Averages MACD Bollinger Bands Head and Shoulders Double Top Double Bottom On Balance Volume (OBV) Relative Strength Index (RSI) Stochastic Oscillator Fibonacci Retracements Economic Calendar

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Ruby on Rails

Contents