Retest Strategy

Retest Strategy

กลยุทธ์ Retest เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากมีความเข้าใจง่ายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลาย กรอบเวลา และ สินทรัพย์ กลยุทธ์นี้อาศัยหลักการที่ว่า ราคาจะมักจะกลับไปทดสอบระดับสำคัญก่อนหน้านี้ (เช่น แนวต้าน แนวรับ) ก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใหม่

หลักการพื้นฐานของกลยุทธ์ Retest

Retest Strategy หรือกลยุทธ์การทดสอบซ้ำ คือการรอให้ราคากลับไปสัมผัส หรือ "Retest" แนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่เพิ่งถูกทะลุขึ้นไป หรือทะลุลงมา แนวคิดเบื้องหลังคือ แนวรับและแนวต้านเหล่านี้มักจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของราคา และเมื่อราคากลับมาทดสอบแนวเหล่านี้ จะมีโอกาสสูงที่จะเกิดการ "เด้งกลับ" หรือ "กลับตัว" ในทิศทางเดิมที่ราคาเคยเคลื่อนที่ไป

แนวรับ (Support): ระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเกิดขึ้นมากพอที่จะหยุดการลดลงของราคา
แนวต้าน (Resistance): ระดับราคาที่คาดว่าจะมีการขายเกิดขึ้นมากพอที่จะหยุดการเพิ่มขึ้นของราคา
การทะลุ (Breakout): เมื่อราคาเคลื่อนที่ผ่านแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน บ่งบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่ง
การ Retest (Retest): เมื่อราคาหลังจากทะลุแนวรับหรือแนวต้านแล้ว กลับมาทดสอบแนวเดิมอีกครั้ง

การระบุแนวรับและแนวต้าน

การระบุแนวรับและแนวต้านที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของกลยุทธ์ Retest มีวิธีการต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้:

การดูจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้า (Swing Highs and Swing Lows): มองหาจุดสูงสุด (Swing High) และจุดต่ำสุด (Swing Low) ที่ชัดเจนใน กราฟราคา จุดเหล่านี้มักจะกลายเป็นแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): ลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดต่ำสุด (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือจุดสูงสุด (สำหรับแนวโน้มขาลง) เส้นเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถใช้ระบุแนวรับและแนวต้านได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน
ระดับ Fibonacci Retracement: ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ โดยอิงจากสัดส่วนทางคณิตศาสตร์ที่เกิดขึ้นบ่อยในตลาด
Pivot Points: คำนวณจากราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของวันก่อนหน้า เพื่อหาแนวรับและแนวต้านในวันปัจจุบัน

ขั้นตอนการซื้อขายด้วยกลยุทธ์ Retest

1. ระบุแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ: ใช้เครื่องมือต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อหาแนวรับหรือแนวต้านที่ชัดเจน 2. รอการทะลุ: รอให้ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน การทะลุควรมาพร้อมกับ ปริมาณการซื้อขาย ที่เพิ่มขึ้นเพื่อยืนยันความแข็งแกร่ง 3. รอการ Retest: หลังจากราคาทะลุแล้ว ให้รอให้ราคากลับมาทดสอบแนวรับ/แนวต้านที่เพิ่งทะลุไป 4. เปิดออปชั่น: เมื่อราคา Retest แนวรับ/แนวต้าน ให้เปิดออปชั่นในทิศทางของการทะลุเดิม

   *   หากราคาทะลุแนวต้านแล้ว Retest แนวต้าน: เปิดออปชั่น Call (ซื้อ)
   *   หากราคาทะลุแนวรับแล้ว Retest แนวรับ: เปิดออปชั่น Put (ขาย)

5. กำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit: กำหนดจุด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง และจุด Take Profit เพื่อล็อคผลกำไร

ตัวอย่างการซื้อขาย

สมมติว่าราคาทองคำกำลังเคลื่อนที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และได้ทะลุแนวต้านที่ 1800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว หลังจากทะลุ ราคาได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อยและกลับมาทดสอบแนวต้านที่ 1800 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง ในกรณีนี้ เราสามารถเปิดออปชั่น Call โดยคาดหวังว่าราคาจะเด้งกลับขึ้นไปอีกครั้ง

ตัวอย่างการซื้อขายด้วยกลยุทธ์ Retest
สินทรัพย์	ทองคำ (XAU/USD)
แนวต้านที่ทะลุ	1800 ดอลลาร์สหรัฐฯ
การ Retest	ราคาปรับตัวลงมาทดสอบ 1800 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง
ประเภทออปชั่น	Call (ซื้อ)
เวลาหมดอายุ	15 นาที
Stop Loss	1795 ดอลลาร์สหรัฐฯ
Take Profit	1810 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Retest

ข้อดี:

ความเข้าใจง่าย: กลยุทธ์นี้มีความเรียบง่ายและง่ายต่อการเรียนรู้
อัตราความสำเร็จสูง: หากระบุแนวรับ/แนวต้านได้ถูกต้อง กลยุทธ์นี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
สามารถใช้ได้กับหลากหลายสินทรัพย์: กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น สกุลเงิน หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์
เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น: เป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นในการทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น

ข้อเสีย:

การ Retest อาจไม่เกิดขึ้น: บางครั้งราคาก็อาจไม่กลับมา Retest แนวรับ/แนวต้านหลังจากทะลุไปแล้ว
สัญญาณหลอก (False Signals): อาจมีสัญญาณหลอกที่ทำให้เข้าใจผิดว่ามีการ Retest เกิดขึ้น
ต้องมีความอดทน: ต้องรอให้เกิดการทะลุและการ Retest ซึ่งอาจต้องใช้เวลา

การผสมผสานกลยุทธ์ Retest กับเครื่องมืออื่นๆ

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Retest สามารถนำไปผสมผสานกับเครื่องมือและการวิเคราะห์อื่นๆ ได้:

การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis): ใช้ เครื่องมือทางเทคนิค เช่น RSI MACD หรือ Stochastic Oscillator เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
การวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน (Fundamental Analysis): พิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่อาจมีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis): สังเกตปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของการทะลุและการ Retest
รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns): มองหารูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา เช่น Doji Engulfing Pattern หรือ Hammer
การใช้ Support and Resistance ร่วมกับ Fibonacci Retracement: ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการระบุจุดเข้าซื้อขาย

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

Breakout Strategy: กลยุทธ์ที่เน้นการซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
Pin Bar Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้รูปแบบ Pin Bar ในการระบุจุดกลับตัวของราคา
Engulfing Bar Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้รูปแบบ Engulfing Bar ในการระบุการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
Trend Following Strategy: กลยุทธ์ที่เน้นการซื้อขายตามแนวโน้มของราคา
Mean Reversion Strategy: กลยุทธ์ที่เน้นการซื้อขายเมื่อราคาเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ย
Bollinger Bands Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้ Bollinger Bands ในการระบุช่วงราคาที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
Ichimoku Cloud Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้ Ichimoku Cloud ในการวิเคราะห์แนวโน้มและจุดเข้าซื้อขาย
Harmonic Pattern Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้รูปแบบ Harmonic ในการคาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคา
Three Line Break Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้การทะลุสามเส้นเพื่อระบุแนวโน้ม
Scalping Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นเพื่อทำกำไรเล็กน้อย
Day Trading Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายภายในวันเดียว
Swing Trading Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายระยะกลางเพื่อทำกำไรจาก Swing High และ Swing Low
News Trading Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายโดยอิงจากข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ
Price Action Strategy: กลยุทธ์ที่เน้นการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของราคาโดยไม่ใช้ Indicator
Momentum Trading Strategy: กลยุทธ์ที่เน้นการซื้อขายตามแรงส่งของราคา

คำแนะนำเพิ่มเติม

ฝึกฝนด้วยบัญชี Demo: ก่อนที่จะเริ่มซื้อขายด้วยเงินจริง ควรฝึกฝนกลยุทธ์ Retest ด้วยบัญชี Demo เพื่อทำความเข้าใจและปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสไตล์การซื้อขายของคุณ
บริหารความเสี่ยง: กำหนดขนาดการลงทุนและ Stop Loss ที่เหมาะสม เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการซื้อขาย
มีความอดทน: กลยุทธ์ Retest อาจต้องใช้เวลาในการรอสัญญาณที่เหมาะสม อย่ารีบร้อนในการเปิดออปชั่น
เรียนรู้และปรับปรุง: ศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ Retest และเครื่องมืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาทักษะการซื้อขายของคุณอย่างต่อเนื่อง

สรุป

กลยุทธ์ Retest เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ที่มีประสิทธิภาพและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ต้องการความอดทนและการฝึกฝน การผสมผสานกลยุทธ์นี้กับเครื่องมือและการวิเคราะห์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขายของคุณ

- เหตุผล:** หมวดหมู่ "กลยุทธ์การซื้อขาย" เป็นหมวดหมู่ที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากบทความนี้อธิบายถึงกลยุทธ์เฉพาะในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น