Pivot Point Bounce Strategy

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1
    1. Pivot Point Bounce Strategy

กลยุทธ์ Pivot Point Bounce เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีความเรียบง่ายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายสภาวะตลาด กลยุทธ์นี้อาศัยการระบุระดับราคาสำคัญที่เรียกว่า Pivot Point และการคาดการณ์การเด้งกลับของราคาเมื่อเข้าใกล้ระดับเหล่านั้น บทความนี้จะอธิบายกลไกของกลยุทธ์นี้อย่างละเอียด รวมถึงวิธีการใช้งาน, การจัดการความเสี่ยง, และข้อควรระวังสำหรับผู้เริ่มต้น

      1. ความเข้าใจเกี่ยวกับ Pivot Point

Pivot Point คือระดับราคาสำคัญที่คำนวณได้จากราคา High, Low, และ Close ของช่วงเวลาก่อนหน้า (ปกติคือวันก่อนหน้า) โดยมีจุดประสงค์เพื่อระบุแนวรับ, แนวต้าน, และระดับราคาที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาได้ จุด Pivot Point หลักๆ มีดังนี้:

  • **Pivot Point (PP):** (High + Low + Close) / 3
  • **Resistance Level 1 (R1):** (2 x PP) - Low
  • **Resistance Level 2 (R2):** PP + (High - Low)
  • **Support Level 1 (S1):** (2 x PP) - High
  • **Support Level 2 (S2):** PP - (High - Low)

ระดับเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดราคา และมักจะเกิดการเด้งกลับของราคาเมื่อเข้าใกล้หรือแตะระดับเหล่านั้น การทำความเข้าใจวิธีการคำนวณและตีความ Pivot Point เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนที่จะเริ่มใช้กลยุทธ์นี้

      1. หลักการทำงานของ Pivot Point Bounce Strategy

กลยุทธ์นี้มีพื้นฐานมาจากการสังเกตว่า ราคา มักจะมีการปรับตัวกลับ (Bounce) เมื่อเข้าใกล้ระดับ Pivot Point หรือระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ แนวคิดคือ เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Support, แรงซื้อจะเพิ่มขึ้น ทำให้ราคากลับตัวขึ้น และในทางกลับกัน เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Resistance, แรงขายจะเพิ่มขึ้น ทำให้ราคากลับตัวลง

กลยุทธ์ Pivot Point Bounce สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

1. **Bounce from Support:** รอให้ราคาปรับตัวลงเข้าใกล้ระดับ Support (S1 หรือ S2) และเมื่อเห็นสัญญาณการกลับตัว (เช่น แท่งเทียน กลับตัว, รูปแบบกราฟกลับตัว) ให้เปิดออปชั่น Call (ซื้อ) โดยคาดหวังว่าราคาจะเด้งกลับขึ้น 2. **Bounce from Resistance:** รอให้ราคาปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ Resistance (R1 หรือ R2) และเมื่อเห็นสัญญาณการกลับตัว ให้เปิดออปชั่น Put (ขาย) โดยคาดหวังว่าราคาจะเด้งกลับลง

      1. ขั้นตอนการใช้งาน Pivot Point Bounce Strategy

1. **การคำนวณ Pivot Point:** คำนวณระดับ Pivot Point, Support, และ Resistance ตามสูตรที่กล่าวไว้ข้างต้น 2. **การระบุแนวโน้ม:** วิเคราะห์ แนวโน้ม ของราคา หากเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ให้เน้นการซื้อ (Call) ที่ระดับ Support และหากเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) ให้เน้นการขาย (Put) ที่ระดับ Resistance 3. **การรอสัญญาณการกลับตัว:** อย่าเปิดออปชั่นทันทีที่ราคาเข้าใกล้ระดับ Support/Resistance ควรรอสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน เช่น: 

   *   **รูปแบบแท่งเทียน:** Hammer, Engulfing Pattern, Morning Star (สำหรับการซื้อ) และ Shooting Star, Engulfing Pattern, Evening Star (สำหรับการขาย)
   *   **ตัวชี้วัดทางเทคนิค:** การเกิดสัญญาณซื้อ/ขายจากตัวชี้วัด เช่น Relative Strength Index (RSI), Moving Average Convergence Divergence (MACD), Stochastic Oscillator

4. **การเปิดออปชั่น:** เมื่อได้สัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน ให้เปิดออปชั่น Call (ซื้อ) ที่ระดับ Support หรือ Put (ขาย) ที่ระดับ Resistance 5. **การตั้งค่าเวลาหมดอายุ:** ระยะเวลาหมดอายุของออปชั่นควรเหมาะสมกับระยะเวลาที่คาดว่าจะเกิดการเด้งกลับของราคา โดยทั่วไปจะเลือกช่วงเวลาสั้นๆ เช่น 5 นาที, 10 นาที, หรือ 15 นาที 6. **การจัดการความเสี่ยง:** กำหนดขนาดของการลงทุนในแต่ละครั้งอย่างเหมาะสม และตั้งค่า Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาเคลื่อนที่ผิดทาง

      1. การผสมผสานกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ

เพื่อเพิ่มความแม่นยำของกลยุทธ์ Pivot Point Bounce ควรผสมผสานกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เช่น:

  • **Moving Averages (MA):** ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้มของราคา และใช้เป็นระดับ Support/Resistance เพิ่มเติม
  • **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุภาวะ Overbought/Oversold
  • **MACD:** ใช้เพื่อระบุสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม และยืนยันสัญญาณการซื้อ/ขาย
  • **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา และระบุระดับ Overbought/Oversold

การรวมตัวชี้วัดเหล่านี้เข้าด้วยกัน จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

      1. การจัดการความเสี่ยงใน Pivot Point Bounce Strategy

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้กลยุทธ์ Pivot Point Bounce ข้อควรระวังและวิธีการจัดการความเสี่ยงมีดังนี้:

  • **ขนาดการลงทุน:** อย่าลงทุนเกิน 5% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละครั้ง
  • **Stop Loss:** แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะเน้นการเด้งกลับของราคา แต่ก็มีความเสี่ยงที่ราคาจะทะลุผ่านระดับ Support/Resistance ดังนั้น ควรตั้งค่า Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาเคลื่อนที่ผิดทาง
  • **การเลือกคู่เงิน:** เลือกคู่เงินที่มีความผันผวนพอสมควร เพื่อให้มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย
  • **การหลีกเลี่ยงข่าวสำคัญ:** หลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงที่มีข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างรุนแรง
  • **การบันทึกผลการซื้อขาย:** บันทึกผลการซื้อขายทุกครั้ง เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณ
      1. ข้อควรระวังและข้อจำกัดของ Pivot Point Bounce Strategy
  • **False Signals:** กลยุทธ์นี้อาจเกิดสัญญาณหลอก (False Signals) ได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่ผันผวนสูง ดังนั้น ควรระมัดระวังและยืนยันสัญญาณด้วยตัวชี้วัดอื่นๆ
  • **ทะลุผ่านระดับ Support/Resistance:** ราคาสามารถทะลุผ่านระดับ Support/Resistance ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีข่าวสำคัญ หรือเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง
  • **ความล่าช้าของสัญญาณ:** สัญญาณการกลับตัวอาจเกิดขึ้นช้า ทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไร
  • **ความเหมาะสมกับสภาวะตลาด:** กลยุทธ์นี้เหมาะกับสภาวะตลาดที่มีการแกว่งตัวในกรอบ (Sideways Market) แต่ไม่เหมาะกับสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มที่ชัดเจน (Trending Market)
      1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
  • **Support and Resistance Breakout Strategy:** กลยุทธ์การซื้อขายเมื่อราคาทะลุผ่านระดับ Support/Resistance
  • **Fibonacci Retracement Strategy:** กลยุทธ์การใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุระดับ Support/Resistance
  • **Trend Following Strategy:** กลยุทธ์การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา
  • **Mean Reversion Strategy:** กลยุทธ์การซื้อขายโดยคาดว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย
  • **Price Action Trading:** กลยุทธ์การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค
      1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม
  • **Candlestick Patterns:** รูปแบบแท่งเทียนที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา
  • **Chart Patterns:** รูปแบบกราฟที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา
  • **Technical Indicators:** ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา
      1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
  • **Volume Spread Analysis (VSA):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อทำความเข้าใจแรงซื้อขายในตลาด
  • **On Balance Volume (OBV):** ตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดแรงซื้อขาย
ตัวอย่างการคำนวณ Pivot Point
! High |! Low |! Close |! Pivot Point (PP) |! Resistance 1 (R1) |! Resistance 2 (R2) |! Support 1 (S1) |! Support 2 (S2) |
1.1050 | 1.0980 | 1.1020 | 1.1017 | 1.1083 | 1.1167 | 1.0950 | 1.0883 |

บทสรุป: กลยุทธ์ Pivot Point Bounce เป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง การทำความเข้าใจหลักการทำงาน, การผสมผสานกับตัวชี้วัดอื่นๆ, และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด ไบนารี่ออปชั่น

การวิเคราะห์ทางเทคนิค การจัดการความเสี่ยง รูปแบบแท่งเทียน แนวโน้ม Pivot Point ไบนารี่ออปชั่น Relative Strength Index (RSI) Moving Average Convergence Divergence (MACD) Stochastic Oscillator Support and Resistance Breakout Strategy Fibonacci Retracement Strategy Trend Following Strategy Mean Reversion Strategy Price Action Trading Candlestick Patterns Chart Patterns Technical Indicators Volume Spread Analysis (VSA) On Balance Volume (OBV) การซื้อขาย การลงทุน ตลาดการเงิน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Баннер
Retrieved from "https://binaryoption.wiki/th/index.php?title=Pivot_Point_Bounce_Strategy&oldid=9345"