Gap and Run

1. Gap and Run

Gap and Run เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ที่ได้รับความนิยม ซึ่งอาศัยการสังเกตช่องว่างราคา (Gap) ที่เกิดขึ้นในกราฟราคา และคาดการณ์ว่าราคาจะวิ่งต่อเนื่องไปในทิศทางของช่องว่างนั้น กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่เข้าใจการเคลื่อนไหวของราคา และสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของ Gap and Run ตั้งแต่พื้นฐาน แนวทางการระบุสัญญาณ การจัดการความเสี่ยง รวมถึงข้อดีข้อเสียของกลยุทธ์นี้

พื้นฐานของ Gap and Run

Gap คือช่วงเวลาที่ราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบันแตกต่างจากราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า หรือราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ช่องว่างนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และมักจะเกิดขึ้นจากข่าวสารสำคัญ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ช่องว่างราคาอาจเกิดขึ้นในตลาดที่เปิดทำการ เช่น การเปิดตลาดในวันจันทร์ หรือหลังจากมีประกาศเศรษฐกิจที่สำคัญ

Gap and Run จะถือว่าช่องว่างนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ โดยเชื่อว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ไปในทิศทางของช่องว่างนั้นอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์นี้จึงมุ่งเน้นไปที่การเข้าซื้อ (Call Option) หากเกิด Gap ขึ้น (Gap Up) และการเข้าขาย (Put Option) หากเกิด Gap ลง (Gap Down)

ประเภทของ Gap

การทำความเข้าใจประเภทของ Gap จะช่วยให้เราสามารถประเมินโอกาสในการซื้อขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้ว Gap สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้

Breakaway Gap: เกิดขึ้นเมื่อราคาหลุดออกจากระดับแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง มักจะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ และเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งในการเข้าซื้อขาย
Runaway Gap: เกิดขึ้นในช่วงที่แนวโน้มกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่ง และมักจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็ว
Exhaustion Gap: เกิดขึ้นในช่วงปลายของแนวโน้ม มักจะเกิดขึ้นหลังจากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวเป็นเวลานาน และเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มอาจจะสิ้นสุดลง
Common Gap: เกิดขึ้นเมื่อไม่มีข่าวสารสำคัญ หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาอย่างมีนัยสำคัญ มักจะเกิดขึ้นในตลาดที่ผันผวนน้อย และไม่ค่อยถูกนำมาใช้ในการซื้อขายโดยกลยุทธ์ Gap and Run

การระบุสัญญาณ Gap and Run

การระบุสัญญาณ Gap and Run อย่างแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ ขั้นตอนในการระบุสัญญาณมีดังนี้

1. สังเกตช่องว่างราคา (Gap): มองหากราฟราคาที่มีช่องว่างเกิดขึ้นอย่างชัดเจน โดยเปรียบเทียบราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบันกับราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า หรือราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า 2. ยืนยันประเภทของ Gap: พิจารณาว่าช่องว่างที่เกิดขึ้นเป็นประเภทใด โดยวิเคราะห์บริบทของตลาดและปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง หากเป็น Breakaway Gap หรือ Runaway Gap จะมีโอกาสในการซื้อขายที่สูงกว่า 3. ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย (Volume): ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิด Gap จะเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่งว่าราคาจะวิ่งต่อเนื่องไปในทิศทางของช่องว่างนั้น การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย เป็นสิ่งสำคัญในการยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณ 4. ใช้เครื่องมือทางเทคนิค (Technical Indicators): ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Moving Averages หรือ Relative Strength Index (RSI) เพื่อยืนยันแนวโน้มและหาจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม 5. รอการยืนยัน (Confirmation): อย่าเพิ่งรีบเข้าซื้อขายทันทีที่เห็น Gap ควรรอให้แท่งเทียนถัดไปยืนยันทิศทางของราคาเสียก่อน

การซื้อขายด้วยกลยุทธ์ Gap and Run

เมื่อระบุสัญญาณ Gap and Run ได้แล้ว เราสามารถเข้าซื้อขายได้ตามขั้นตอนดังนี้

Gap Up (Breakaway/Runaway Gap): หากเกิด Gap Up และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ให้เข้าซื้อ (Call Option) โดยกำหนดเป้าหมายกำไรที่ระดับแนวต้านถัดไป และตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ต่ำกว่าระดับ Gap เล็กน้อย
Gap Down (Breakaway/Runaway Gap): หากเกิด Gap Down และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ให้เข้าขาย (Put Option) โดยกำหนดเป้าหมายกำไรที่ระดับแนวรับถัดไป และตั้งจุดตัดขาดทุนที่สูงกว่าระดับ Gap เล็กน้อย
ระยะเวลาหมดอายุ (Expiry Time): เลือก ระยะเวลาหมดอายุ ที่เหมาะสมกับกรอบเวลาของกราฟราคาที่ใช้ หากใช้กราฟ 15 นาที อาจเลือกหมดอายุที่ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
ขนาดการลงทุน (Investment Size): จัดสรรเงินทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยไม่ควรลงทุนเกิน 5-10% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละการซื้อขาย

การจัดการความเสี่ยง

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายด้วยกลยุทธ์ Gap and Run เนื่องจากกลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดได้เช่นกัน แนวทางการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญมีดังนี้

ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ตั้งจุดตัดขาดทุนที่ระดับที่เหมาะสม เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาเคลื่อนที่สวนทางกับที่เราคาดการณ์ไว้
ควบคุมขนาดการลงทุน (Investment Size): อย่าลงทุนเกินกำลังที่สามารถรับความเสี่ยงได้
กระจายความเสี่ยง (Diversification): อย่าลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง
ติดตามข่าวสาร (News Monitoring): ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด
ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account): ฝึกฝนการซื้อขายด้วยกลยุทธ์นี้ในบัญชีทดลองก่อนที่จะเริ่มซื้อขายด้วยเงินจริง

ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Gap and Run

| ข้อดี | ข้อเสีย | | :------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ | :------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ | | สามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็วหากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ | มีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดสูงหาก Gap เป็น False Breakout หรือ Exhaustion Gap | | สัญญาณการซื้อขายค่อนข้างชัดเจนและง่ายต่อการระบุ | ต้องใช้ความรวดเร็วในการตัดสินใจและเข้าซื้อขาย | | เหมาะสำหรับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน | ไม่เหมาะสำหรับตลาดที่ผันผวนสูง หรือ Sideways | | สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการซื้อขาย | ต้องระมัดระวังข่าวสารสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา |

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

Breakout Strategy: คล้ายคลึงกับ Gap and Run แต่เน้นการทะลุแนวรับหรือแนวต้านมากกว่าการสังเกตช่องว่างราคา
Momentum Trading: อาศัยแรงส่งของราคาในการซื้อขาย ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับ Gap and Run เพื่อยืนยันแนวโน้ม
Trend Following: การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา ซึ่ง Gap and Run สามารถใช้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มได้
News Trading: การซื้อขายโดยอาศัยข่าวสารสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด Gap ในตลาด
Support and Resistance Trading: การซื้อขายที่ระดับแนวรับและแนวต้าน ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับ Gap and Run เพื่อกำหนดเป้าหมายกำไรและจุดตัดขาดทุน
Bollinger Bands: ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา และสามารถใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ Gap and Run
Fibonacci Retracement: ใช้เพื่อหาจุดกลับตัวของราคา และสามารถใช้ร่วมกับ Gap and Run เพื่อกำหนดเป้าหมายกำไร
MACD: ใช้เพื่อวัดแรงส่งของแนวโน้ม และสามารถใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ Gap and Run
Stochastic Oscillator: ใช้เพื่อวัดความเร็วและทิศทางของราคา และสามารถใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ Gap and Run
Ichimoku Cloud: ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน และสามารถใช้ร่วมกับ Gap and Run เพื่อยืนยันสัญญาณ
Price Action Trading: การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ใช้เครื่องมือทางเทคนิค ซึ่งสามารถใช้เพื่อระบุสัญญาณ Gap and Run
Scalping: การซื้อขายระยะสั้นเพื่อทำกำไรเล็กน้อย ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับ Gap and Run ได้หากมีสัญญาณที่ชัดเจน
Day Trading: การซื้อขายภายในวันเดียว ซึ่ง Gap and Run สามารถใช้เป็นกลยุทธ์ในการซื้อขายได้
Swing Trading: การถือครองการซื้อขายเป็นเวลาหลายวัน ซึ่ง Gap and Run สามารถใช้เป็นสัญญาณเริ่มต้นในการเข้าซื้อขาย
Position Trading: การถือครองการซื้อขายเป็นเวลานาน ซึ่ง Gap and Run สามารถใช้เป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มระยะยาว

สรุป

กลยุทธ์ Gap and Run เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น โดยอาศัยการสังเกตช่องว่างราคาและการคาดการณ์แนวโน้ม อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง การศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียด รวมถึงการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขายด้วยกลยุทธ์นี้

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น