Deriv

1. Deriv: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น

Deriv (เดิมชื่อ Binary.com) เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายทางการเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่สนใจในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น และ สัญญาต่างปลอม (Contracts for Difference หรือ CFD) บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Deriv สำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานของแพลตฟอร์ม ฟังก์ชันการทำงาน ประเภทของเครื่องมือทางการเงินที่มีให้ และกลยุทธ์การซื้อขายที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้

Deriv คืออะไร?

Deriv เป็นโบรกเกอร์ทางการเงินที่ให้บริการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินหลากหลายประเภท รวมถึงไบนารี่ออปชั่น, CFD, Forex (Foreign Exchange), และ ดัชนีหุ้น ที่สำคัญ Deriv มีชื่อเสียงในด้านความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และความหลากหลายของเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ให้แก่ผู้ใช้งาน แพลตฟอร์มนี้ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินหลายแห่งทั่วโลก เช่น Malta Financial Services Authority (MFSA) ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในเรื่องของความโปร่งใสและความยุติธรรมในการซื้อขาย

การเริ่มต้นใช้งาน Deriv

การเริ่มต้นใช้งาน Deriv นั้นค่อนข้างง่าย กระบวนการหลักมีดังนี้:

1. การลงทะเบียนบัญชี: เข้าไปที่เว็บไซต์ Deriv ([1]) และทำการลงทะเบียนบัญชี โดยกรอกข้อมูลส่วนตัวและยืนยันตัวตนตามขั้นตอนที่กำหนด 2. การเลือกประเภทบัญชี: Deriv มีบัญชีให้เลือกหลายประเภท เช่น บัญชีจริง (Real Account) และบัญชีทดลอง (Demo Account) สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลองเพื่อทำความเข้าใจแพลตฟอร์มและฝึกฝนกลยุทธ์การซื้อขายก่อน 3. การฝากเงิน: เมื่อเลือกประเภทบัญชีแล้ว สามารถทำการฝากเงินเข้าบัญชีได้โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency), และการโอนเงินผ่านธนาคาร 4. การเข้าถึงแพลตฟอร์ม: หลังจากฝากเงินเรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายได้ผ่านทางเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์มือถือ (iOS และ Android)

ไบนารี่ออปชั่นบน Deriv

ไบนารี่ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมบน Deriv โดยมีลักษณะเฉพาะคือ ผู้ซื้อขายจะต้องคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิง (เช่น ทองคำ, น้ำมัน, ดัชนี S&P 500) จะสูงขึ้นหรือต่ำลงภายในระยะเวลาที่กำหนด หากคาดการณ์ถูกต้อง จะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่หากคาดการณ์ผิด จะเสียเงินลงทุนทั้งหมด

ประเภทของไบนารี่ออปชั่น: Deriv มีไบนารี่ออปชั่นให้เลือกหลายประเภท เช่น

   *   High/Low: คาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นหรือต่ำลงเมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้น
   *   Touch/No Touch: คาดการณ์ว่าราคาจะสัมผัสระดับราคาที่กำหนดหรือไม่
   *   Range: คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงราคาที่กำหนดหรือไม่

ระยะเวลาการหมดอายุ: สามารถเลือกระยะเวลาการหมดอายุของไบนารี่ออปชั่นได้ ตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงหลายชั่วโมง
ผลตอบแทน: ผลตอบแทนของไบนารี่ออปชั่นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของออปชั่นและระยะเวลาการหมดอายุ

สัญญาต่างปลอม (CFD) บน Deriv

CFD เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์อ้างอิง โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริงๆ CFD มีความซับซ้อนกว่าไบนารี่ออปชั่น แต่ก็มีโอกาสในการทำกำไรที่สูงกว่าเช่นกัน

สินทรัพย์ที่ซื้อขายได้: Deriv มี CFD ให้เลือกซื้อขายหลากหลายประเภท เช่น หุ้น, Forex, สินค้าโภคภัณฑ์, และดัชนีหุ้น
เลเวอเรจ (Leverage): CFD มีเลเวอเรจ ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถควบคุมตำแหน่งที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินทุนที่มีอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจที่สูงขึ้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน
การซื้อขายระยะยาวและระยะสั้น: CFD สามารถใช้สำหรับการซื้อขายทั้งระยะยาวและระยะสั้น ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขายของผู้ใช้งาน

เครื่องมือวิเคราะห์บน Deriv

Deriv มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลายเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อขายตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

กราฟราคา: มีกราฟราคาแบบเรียลไทม์ที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ต่างๆ
ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators): มีตัวบ่งชี้ทางเทคนิคให้เลือกใช้มากมาย เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD, และ Bollinger Bands
เครื่องมือวาดรูป: มีเครื่องมือวาดรูปบนกราฟราคาเพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและรูปแบบราคา เช่น Trend Lines, Fibonacci Retracements, และ Support and Resistance Levels
ข่าวสารทางการเงิน: มีข่าวสารทางการเงินล่าสุดที่อาจมีผลกระทบต่อตลาด

กลยุทธ์การซื้อขายบน Deriv

มีกลยุทธ์การซื้อขายมากมายที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้บน Deriv ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายการลงทุนของผู้ใช้งาน

กลยุทธ์ตามแนวโน้ม (Trend Following): ซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และขายเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง
กลยุทธ์การกลับตัว (Mean Reversion): ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และขายเมื่อราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ย
กลยุทธ์ Breakout: ซื้อเมื่อราคาทะลุระดับแนวต้าน และขายเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับ
กลยุทธ์ Scalping: ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาขนาดเล็กในระยะเวลาสั้นๆ
กลยุทธ์ Hedging: ลดความเสี่ยงโดยการเปิดตำแหน่งที่ตรงข้ามกันในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกัน
กลยุทธ์ Martingale: เพิ่มขนาดการเดิมพันทุกครั้งที่ขาดทุน (กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง)
กลยุทธ์ Fibonacci Retracement: ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุจุดเข้าและออกที่ดีที่สุด
กลยุทธ์ Bollinger Bands: ใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุสภาวะการซื้อมากเกินไป (Overbought) และการขายมากเกินไป (Oversold)
กลยุทธ์ RSI Divergence: ใช้ RSI Divergence เพื่อระบุการกลับตัวของแนวโน้ม
กลยุทธ์ MACD Crossover: ใช้ MACD Crossover เพื่อระบุสัญญาณซื้อและขาย
กลยุทธ์ Price Action: วิเคราะห์รูปแบบราคาและแท่งเทียนเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
กลยุทธ์ Harmonic Patterns: ใช้รูปแบบ Harmonic เช่น Butterfly, Gartley, และ Crab เพื่อระบุโอกาสในการซื้อขาย
กลยุทธ์ Elliott Wave: วิเคราะห์ Elliott Wave เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบราคา
กลยุทธ์ Ichimoku Cloud: ใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้ม, แนวรับ, และแนวต้าน
กลยุทธ์ Volume Spread Analysis (VSA): วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายและช่วงราคาเพื่อทำความเข้าใจแรงกดดันในตลาด

การบริหารความเสี่ยงบน Deriv

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายทางการเงินบน Deriv

กำหนดขนาดการลงทุน: ไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
ใช้ Stop-Loss Orders: ตั้ง Stop-Loss Orders เพื่อจำกัดการขาดทุน
ใช้ Take-Profit Orders: ตั้ง Take-Profit Orders เพื่อล็อคผลกำไร
กระจายความเสี่ยง: ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว
ทำความเข้าใจเลเวอเรจ: ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง
เรียนรู้และปรับปรุง: ศึกษาและพัฒนาทักษะการซื้อขายของคุณอย่างต่อเนื่อง

Deriv กับการซื้อขายแบบอัตโนมัติ (Automated Trading)

Deriv รองรับการซื้อขายแบบอัตโนมัติผ่านทาง API (Application Programming Interface) ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถพัฒนาและใช้งาน หุ่นยนต์ซื้อขาย (Trading Bots) เพื่อทำการซื้อขายตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การซื้อขายแบบอัตโนมัติสามารถช่วยลดอคติทางอารมณ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขายได้

ข้อควรระวังในการซื้อขายบน Deriv

ความเสี่ยงสูง: การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นและ CFD มีความเสี่ยงสูง ผู้ซื้อขายอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
ความผันผวนของตลาด: ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง การเปลี่ยนแปลงของราคาอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การหลอกลวง: ระวังการหลอกลวงและคำแนะนำที่ไม่น่าเชื่อถือ
การศึกษา: ทำความเข้าใจเครื่องมือทางการเงินและกลยุทธ์การซื้อขายก่อนทำการลงทุน

สรุป

Deriv เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่มีประสบการณ์ การทำความเข้าใจพื้นฐานของแพลตฟอร์ม เครื่องมือทางการเงิน และกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขายบน Deriv ได้ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการซื้อขายทางการเงินมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นควรบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและลงทุนเฉพาะเงินที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้

ไบนารี่ออปชั่น สัญญาต่างปลอม (CFD) Forex ดัชนีหุ้น Malta Financial Services Authority (MFSA) สกุลเงินดิจิทัล ทองคำ น้ำมัน ดัชนี S&P 500 Moving Averages Relative Strength Index (RSI) MACD Bollinger Bands Trend Lines Fibonacci Retracements Support and Resistance Levels หุ่นยนต์ซื้อขาย การบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

API (Application Programming Interface)

ตัวอย่างตารางเปรียบเทียบไบนารี่ออปชั่นและ CFD
คุณสมบัติ	ไบนารี่ออปชั่น	CFD
ความซับซ้อน	ต่ำ	สูง
ผลตอบแทน	กำหนดไว้ล่วงหน้า	ไม่จำกัด
ความเสี่ยง	สูง (ขาดทุนทั้งหมดหรือได้ผลตอบแทนทั้งหมด)	สูง (สามารถขาดทุนเกินเงินลงทุนได้)
ระยะเวลาการซื้อขาย	สั้น (วินาทีถึงชั่วโมง)	ยาว (วันถึงปี)
สินทรัพย์ที่ซื้อขายได้	จำกัด	หลากหลาย

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น