Credit Spread

1. 1. Credit Spread

Credit Spread หรือ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนเครดิต คือความแตกต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปจะเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ) กับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรบริษัท (corporate bonds) หรือตราสารหนี้อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตสูงกว่า การทำความเข้าใจ Credit Spread มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนในตลาดไบนารี่ออปชั่น เนื่องจากสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ สภาพคล่องของตลาด และความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

1. 1. 1. ความหมายและหลักการพื้นฐาน

Credit Spread สะท้อนถึงการชดเชยความเสี่ยง (risk premium) ที่นักลงทุนต้องการเพื่อถือครองตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตสูงกว่า หากนักลงทุนมองว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทหรือประเทศใดประเทศหนึ่งเพิ่มขึ้น พวกเขาจะต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้ Credit Spread ขยายตัว ในทางกลับกัน หากนักลงทุนมองว่าความเสี่ยงด้านเครดิตลดลง Credit Spread จะแคบลง

• • สูตรการคำนวณ Credit Spread:**

Credit Spread = อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยง – อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ไม่มีความเสี่ยง (พันธบัตรรัฐบาล)

ตัวอย่างเช่น หากพันธบัตรบริษัทมีอัตราผลตอบแทน 5% และพันธบัตรรัฐบาลมีอัตราผลตอบแทน 2% Credit Spread จะเท่ากับ 3% หรือ 300 basis points (1 basis point = 0.01%)

1. 1. 1. ปัจจัยที่มีผลต่อ Credit Spread

มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อ Credit Spread ได้ ดังนี้:

• **สภาวะเศรษฐกิจ:** ในช่วงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง Credit Spread มักจะแคบลง เนื่องจากบริษัทต่างๆ มีความสามารถในการชำระหนี้สูงขึ้น และความเสี่ยงด้านเครดิตโดยรวมลดลง ในทางกลับกัน ในช่วงเศรษฐกิจที่อ่อนแอ Credit Spread มักจะขยายตัว เนื่องจากความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น
• **อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating):** อันดับความน่าเชื่อถือที่จัดโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เช่น Standard & Poor's, Moody's, และ Fitch Ratings มีผลอย่างมากต่อ Credit Spread ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง (investment grade) จะมี Credit Spread ที่แคบกว่าตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ (high yield หรือ junk bonds)
• **สภาพคล่องของตลาด:** สภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้มีผลต่อ Credit Spread ในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง นักลงทุนสามารถซื้อขายตราสารหนี้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ Credit Spread แคบลง ในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ นักลงทุนอาจต้องการส่วนต่างราคาที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงในการซื้อขาย ทำให้ Credit Spread ขยายตัว
• **อุปสงค์และอุปทาน:** ความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของตราสารหนี้ก็มีผลต่อ Credit Spread เช่นกัน หากมีความต้องการตราสารหนี้ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งสูง Credit Spread อาจแคบลง เนื่องจากการแข่งขันในการซื้อตราสารหนี้สูงขึ้น
• **เหตุการณ์เฉพาะบริษัท:** เหตุการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้นกับบริษัท เช่น การควบรวมกิจการ การปรับโครงสร้างหนี้ หรือการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร อาจส่งผลกระทบต่อ Credit Spread ของตราสารหนี้ของบริษัทนั้นๆ

1. 1. 1. การประยุกต์ใช้ Credit Spread ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

Credit Spread สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางของตลาดไบนารี่ออปชั่นได้หลายวิธี:

• **การประเมินความเสี่ยง:** Credit Spread สามารถช่วยให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงของตราสารหนี้และสินทรัพย์อื่นๆ ได้ หาก Credit Spread ขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาด และนักลงทุนอาจพิจารณาลดความเสี่ยงโดยการขายสินทรัพย์เสี่ยง หรือเข้าซื้อPut Option ในไบนารี่ออปชั่น
• **การจับจังหวะการลงทุน:** Credit Spread สามารถใช้เพื่อจับจังหวะการลงทุนได้ หาก Credit Spread แคบลงอย่างต่อเนื่อง อาจบ่งบอกถึงภาวะตลาดกระทิง (bull market) และนักลงทุนอาจพิจารณาเข้าซื้อCall Option ในไบนารี่ออปชั่น ในทางกลับกัน หาก Credit Spread ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาจบ่งบอกถึงภาวะตลาดหมี (bear market) และนักลงทุนอาจพิจารณาเข้าซื้อPut Option
• **การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์:** Credit Spread สามารถใช้เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่น หาก Credit Spread ของพันธบัตรบริษัทในภาคอุตสาหกรรมใดภาคอุตสาหกรรมหนึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาจบ่งบอกถึงปัญหาในภาคอุตสาหกรรมนั้นๆ และนักลงทุนอาจพิจารณาหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมนั้น
• **การใช้เป็นตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ:** Credit Spread สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจได้ Credit Spread ที่แคบลงมักจะบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ Credit Spread ที่ขยายตัวมักจะบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อคาดการณ์ทิศทางของตลาดและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม

1. 1. 1. กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ Credit Spread

• **Credit Spread Widening Strategy:** กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่า Credit Spread จะขยายตัว นักลงทุนจะเข้าซื้อPut Option ในไบนารี่ออปชั่น ที่อ้างอิงกับตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง และขายCall Option ในไบนารี่ออปชั่น ที่อ้างอิงกับตราสารหนี้ที่ไม่มีความเสี่ยง
• **Credit Spread Narrowing Strategy:** กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่า Credit Spread จะแคบลง นักลงทุนจะเข้าซื้อCall Option ในไบนารี่ออปชั่น ที่อ้างอิงกับตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง และขายPut Option ในไบนารี่ออปชั่น ที่อ้างอิงกับตราสารหนี้ที่ไม่มีความเสี่ยง
• **Pair Trading Strategy:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ และขายตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงในเวลาเดียวกัน โดยคาดหวังว่า Credit Spread จะกลับสู่ระดับปกติ นักลงทุนสามารถใช้ไบนารี่ออปชั่น เพื่อสร้างผลตอบแทนจากความแตกต่างของราคา

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยเสริมการวิเคราะห์ Credit Spread ได้:

• **Moving Averages:** การใช้Moving Averages สามารถช่วยระบุแนวโน้มของ Credit Spread ได้
• **Relative Strength Index (RSI):** RSI สามารถช่วยระบุภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) หรือขายมากเกินไป (oversold) ของ Credit Spread
• **Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม Credit Spread

1. 1. 1. ตารางสรุป Credit Spread และการประยุกต์ใช้

Credit Spread และการประยุกต์ใช้

	สถานการณ์ |!| Credit Spread |!| กลยุทธ์ไบนารี่ออปชั่น |!| ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค |		แคบลง | ซื้อ Call Option (ตราสารหนี้เสี่ยงสูง) | Moving Averages, RSI |	ขยายตัว | ซื้อ Put Option (ตราสารหนี้เสี่ยงสูง) | Volume Analysis |	ขยายตัว | ขาย Call Option (ตราสารหนี้ไม่มีความเสี่ยง) | RSI |	แคบลง | ขาย Put Option (ตราสารหนี้ไม่มีความเสี่ยง) | Moving Averages |	กลับสู่ระดับปกติ | ซื้อตราสารหนี้ไม่มีความเสี่ยง, ขายตราสารหนี้เสี่ยงสูง | Volume Analysis |

1. 1. 1. ข้อควรระวัง

• Credit Spread เป็นเพียงตัวบ่งชี้หนึ่งเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุนเพียงอย่างเดียว
• ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาวะเศรษฐกิจ อันดับความน่าเชื่อถือ และสภาพคล่องของตลาด
• การเทรดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนทำการลงทุน

1. 1. 1. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

• พันธบัตรรัฐบาล
• พันธบัตรบริษัท
• อันดับความน่าเชื่อถือ
• การวิเคราะห์ทางเทคนิค
• การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
• Moving Average
• Relative Strength Index (RSI)
• Call Option
• Put Option
• กลยุทธ์ Hedging
• กลยุทธ์ Momentum Trading
• กลยุทธ์ Mean Reversion
• Bollinger Bands
• Fibonacci Retracement
• Japanese Candlesticks
• Elliott Wave Theory
• MACD (Moving Average Convergence Divergence)
• Stochastic Oscillator
• ข่าวเศรษฐกิจ
• การบริหารความเสี่ยง

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น