ARKit

1. 1. ARKit: คู่มือฉบับเริ่มต้นสำหรับนักพัฒนา

ARKit คือเฟรมเวิร์กพัฒนาแอปพลิเคชัน Augmented Reality (AR) ที่พัฒนาโดย Apple Inc. เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 พร้อมกับ iOS 11 ARKit ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์ AR ที่สมจริงและโต้ตอบได้บนอุปกรณ์ iOS ที่รองรับ ซึ่งรวมถึง iPhone และ iPad ที่ใช้ชิป A9 หรือใหม่กว่า ARKit ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การติดตามการเคลื่อนไหว (Motion Tracking), การรับรู้ภาพ (Scene Understanding), และการประมาณการแสง (Lighting Estimation) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม AR ที่แม่นยำและมีเสถียรภาพ

บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของ ARKit สำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมแนวคิดหลัก ส่วนประกอบสำคัญ และขั้นตอนพื้นฐานในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ด้วย ARKit

1. 1. 1. 1. แนวคิดพื้นฐานของ Augmented Reality

ก่อนที่จะเจาะลึก ARKit เรามาทำความเข้าใจกับแนวคิดพื้นฐานของ Augmented Reality กันก่อน Augmented Reality คือเทคโนโลยีที่ซ้อนทับข้อมูลที่สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ (เช่น รูปภาพ, วิดีโอ, หรือโมเดล 3 มิติ) ลงบนโลกแห่งความจริง ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นและโต้ตอบกับวัตถุเสมือนจริงในสภาพแวดล้อมจริงได้

AR แตกต่างจาก Virtual Reality (VR) ในแง่ที่ VR สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงทั้งหมด ในขณะที่ AR ยังคงรักษาโลกแห่งความจริงไว้และเพิ่มข้อมูลดิจิทัลเข้าไป AR มีการใช้งานหลากหลาย เช่น เกม, การศึกษา, การค้าปลีก, และการบำรุงรักษา

1. 1. 1. 2. ส่วนประกอบหลักของ ARKit

ARKit ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักหลายอย่างที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ AR:

• **World Tracking:** ARKit ใช้กล้องและเซ็นเซอร์อื่นๆ ของอุปกรณ์ iOS เพื่อติดตามตำแหน่งและทิศทางของอุปกรณ์ในโลกแห่งความจริง ทำให้แอปพลิเคชันสามารถวางวัตถุเสมือนจริงได้อย่างแม่นยำในสภาพแวดล้อม
• **Scene Understanding:** ARKit สามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมเพื่อตรวจจับพื้นผิวระนาบ (planes) เช่น พื้น, โต๊ะ, หรือผนัง ทำให้แอปพลิเคชันสามารถวางวัตถุเสมือนจริงบนพื้นผิวเหล่านี้ได้อย่างสมจริง
• **Lighting Estimation:** ARKit สามารถประมาณการแสงในสภาพแวดล้อมจริง เพื่อให้วัตถุเสมือนจริงมีแสงเงาที่สอดคล้องกัน ทำให้วัตถุเหล่านั้นดูสมจริงยิ่งขึ้น
• **Image Tracking:** ARKit สามารถติดตามรูปภาพหรือสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้แอปพลิเคชันสามารถทริกเกอร์การแสดงผล AR เมื่อตรวจพบรูปภาพเหล่านั้น
• **Face Tracking:** ARKit สามารถตรวจจับและติดตามใบหน้าของผู้ใช้ ทำให้แอปพลิเคชันสามารถสร้างเอฟเฟกต์ AR ที่เกี่ยวข้องกับใบหน้า เช่น หน้ากากเสมือนจริง หรือการเปลี่ยนสีผม

1. 1. 1. 3. การตั้งค่าสภาพแวดล้อมการพัฒนา

ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ด้วย ARKit คุณจะต้องตั้งค่าสภาพแวดล้อมการพัฒนา:

• **Xcode:** คุณจะต้องติดตั้ง Xcode ซึ่งเป็น Integrated Development Environment (IDE) ของ Apple Xcode สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก App Store
• **iOS SDK:** ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ติดตั้ง iOS SDK เวอร์ชันล่าสุดที่รองรับ ARKit
• **อุปกรณ์ iOS:** คุณจะต้องมีอุปกรณ์ iOS ที่รองรับ ARKit (iPhone 6s หรือใหม่กว่า, iPad Pro) เพื่อทดสอบแอปพลิเคชันของคุณ

1. 1. 1. 4. ขั้นตอนพื้นฐานในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ด้วย ARKit

ขั้นตอนพื้นฐานในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ด้วย ARKit มีดังนี้:

1. **สร้างโปรเจ็กต์ Xcode:** สร้างโปรเจ็กต์ Xcode ใหม่โดยเลือกเทมเพลต ARKit SceneKit 2. **ตั้งค่า ARSession:** สร้างและกำหนดค่า `ARSession` ซึ่งเป็นตัวจัดการเซสชัน AR 3. **สร้าง ARSCNView:** สร้าง `ARSCNView` ซึ่งเป็นมุมมองที่แสดงผลฉาก AR 4. **เพิ่มวัตถุ 3 มิติ:** เพิ่มวัตถุ 3 มิติ (SceneKit Node) ลงในฉาก AR 5. **ติดตามตำแหน่งและทิศทาง:** ใช้ `ARFrame` เพื่อติดตามตำแหน่งและทิศทางของอุปกรณ์ และปรับตำแหน่งของวัตถุ 3 มิติให้สอดคล้องกัน 6. **ตรวจจับพื้นผิวระนาบ:** ใช้ `ARPlaneAnchor` เพื่อตรวจจับพื้นผิวระนาบ และวางวัตถุ 3 มิติบนพื้นผิวเหล่านั้น 7. **จัดการการโต้ตอบ:** เพิ่มการโต้ตอบกับวัตถุ 3 มิติ เช่น การแตะ, การลาก, หรือการหมุน

1. 1. 1. 5. การใช้ ARKit กับ SceneKit และ SpriteKit

ARKit สามารถทำงานร่วมกับ SceneKit และ SpriteKit ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กสำหรับสร้างกราฟิก 3 มิติ และ 2 มิติ ตามลำดับ

• **SceneKit:** SceneKit เหมาะสำหรับการสร้างฉาก AR ที่มีวัตถุ 3 มิติที่ซับซ้อน SceneKit มีเครื่องมือและคุณสมบัติมากมายสำหรับการสร้าง, การจัดแสง, และการแอนิเมชันวัตถุ 3 มิติ
• **SpriteKit:** SpriteKit เหมาะสำหรับการสร้างฉาก AR ที่มีวัตถุ 2 มิติ SpriteKit มีเครื่องมือและคุณสมบัติมากมายสำหรับการสร้าง, การจัดวาง, และการแอนิเมชันสไปรต์ 2 มิติ

1. 1. 1. 6. การวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงประสิทธิภาพ

ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ที่มีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

• **การตรวจสอบประสิทธิภาพ:** ใช้เครื่องมือ Xcode เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน เช่น CPU usage, memory usage, และ frame rate
• **การปรับปรุงการแสดงผล:** ลดจำนวนโพลีกอนในวัตถุ 3 มิติ, ใช้พื้นผิวที่มีความละเอียดต่ำ, และใช้เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพอื่นๆ เพื่อปรับปรุง frame rate
• **การจัดการหน่วยความจำ:** หลีกเลี่ยงการสร้างวัตถุที่ไม่จำเป็น, ปลดปล่อยหน่วยความจำที่ไม่ได้ใช้งาน, และใช้เทคนิคการจัดการหน่วยความจำอื่นๆ เพื่อป้องกัน memory leak

1. 1. 1. 7. เทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การซื้อขายที่เชื่อมโยงกับ ARKit (เชิงเปรียบเทียบ)

แม้ว่า ARKit จะเป็นเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR แต่เราสามารถเชื่อมโยงแนวคิดบางอย่างกับเทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการซื้อขายในตลาดการเงินได้ (การเชื่อมโยงนี้เป็นเชิงเปรียบเทียบเพื่อการศึกษาเท่านั้น)

• **World Tracking vs. Trend Following:** การติดตามตำแหน่งและทิศทางของอุปกรณ์ในโลกแห่งความจริง (World Tracking) คล้ายกับการติดตามแนวโน้มของราคาในตลาดการเงิน (Trend Following) นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อระบุแนวโน้ม และตัดสินใจซื้อขายตามแนวโน้มเหล่านั้น
• **Scene Understanding vs. Support and Resistance:** การตรวจจับพื้นผิวระนาบ (Scene Understanding) คล้ายกับการระบุระดับแนวรับและแนวต้านในกราฟราคา นักเทรดใช้ระดับเหล่านี้เพื่อคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา
• **Lighting Estimation vs. Volume Analysis:** การประมาณการแสงในสภาพแวดล้อมจริง (Lighting Estimation) คล้ายกับการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) ปริมาณการซื้อขายสามารถบ่งบอกถึงความเข้มข้นของแรงซื้อหรือแรงขาย และช่วยในการยืนยันแนวโน้ม
• **Image Tracking vs. Pattern Recognition:** การติดตามรูปภาพหรือสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Image Tracking) คล้ายกับการจดจำรูปแบบในกราฟราคา (Pattern Recognition) นักเทรดใช้รูปแบบต่างๆ เช่น หัวและไหล่, สามเหลี่ยม, หรือธง เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
• **Face Tracking vs. Sentiment Analysis:** การตรวจจับและติดตามใบหน้าของผู้ใช้ (Face Tracking) คล้ายกับการวิเคราะห์ความรู้สึกของตลาด (Sentiment Analysis) การวิเคราะห์ความรู้สึกสามารถช่วยในการประเมินความเชื่อมั่นของนักลงทุน และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา

• • กลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้อง (เชิงเปรียบเทียบ):**

• **Moving Average Crossover:** คล้ายกับการปรับตำแหน่งวัตถุ AR ตามการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งอุปกรณ์
• **Bollinger Bands:** คล้ายกับการกำหนดขอบเขตของพื้นผิวระนาบที่ ARKit ตรวจจับ
• **Fibonacci Retracements:** คล้ายกับการคาดการณ์จุดกลับตัวของราคาจากระดับแนวรับและแนวต้าน
• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** คล้ายกับการวิเคราะห์ความเร็วและทิศทางของแนวโน้ม
• **RSI (Relative Strength Index):** คล้ายกับการประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

• • ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง (เชิงเปรียบเทียบ):**

• **Volume Weighted Average Price (VWAP):** คล้ายกับการคำนวณตำแหน่งเฉลี่ยของวัตถุ AR ในฉาก
• **On Balance Volume (OBV):** คล้ายกับการติดตามการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขาย
• **Average True Range (ATR):** คล้ายกับการวัดความผันผวนของราคา

• • การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (เชิงเปรียบเทียบ):**

• **Volume Spike:** คล้ายกับการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อม AR
• **Volume Confirmation:** คล้ายกับการยืนยันแนวโน้มด้วยปริมาณการซื้อขาย

1. 1. 1. 8. แนวโน้มในอนาคตของ ARKit

ARKit ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่น่าสนใจในอนาคต:

• **ARKit 6 และรุ่นต่อๆ ไป:** Apple จะยังคงเพิ่มคุณสมบัติและปรับปรุงประสิทธิภาพของ ARKit อย่างต่อเนื่อง
• **การบูรณาการกับเทคโนโลยีอื่นๆ:** ARKit จะถูกบูรณาการกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Machine Learning และ Computer Vision เพื่อสร้างประสบการณ์ AR ที่ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
• **การใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ:** ARKit จะถูกนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น เช่น การศึกษา, การค้าปลีก, การบำรุงรักษา, และการท่องเที่ยว
• **AR Cloud:** การพัฒนา AR Cloud ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อม AR ที่แชร์กันได้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแบ่งปันประสบการณ์ AR ได้อย่างง่ายดาย

1. 1. 1. 9. สรุป

ARKit เป็นเฟรมเวิร์กที่ทรงพลังและใช้งานง่ายสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR บนอุปกรณ์ iOS ด้วยความสามารถในการติดตามการเคลื่อนไหว, การรับรู้ภาพ, และการประมาณการแสง ARKit ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์ AR ที่สมจริงและโต้ตอบได้ บทความนี้ได้นำเสนอภาพรวมของ ARKit สำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมแนวคิดหลัก ส่วนประกอบสำคัญ และขั้นตอนพื้นฐานในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ด้วย ARKit หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในการเรียนรู้และพัฒนาแอปพลิเคชัน AR

ARCore เป็นเฟรมเวิร์ก AR ที่คล้ายคลึงกันจาก Google ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของ ARKit การทำความเข้าใจทั้งสองเฟรมเวิร์กจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการของตนได้

SceneKit เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในการสร้างกราฟิก 3 มิติใน ARKit

SpriteKit เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในการสร้างกราฟิก 2 มิติใน ARKit

RealityKit เป็นเฟรมเวิร์ก AR ที่ Apple พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ง่ายขึ้น

Vision Framework เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในการวิเคราะห์ภาพและวิดีโอ ซึ่งสามารถนำมาใช้ร่วมกับ ARKit เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับรู้ภาพ

Core Motion Framework เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลจากเซ็นเซอร์การเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ iOS

Metal Framework เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในการเข้าถึง GPU ของอุปกรณ์ iOS ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการแสดงผล AR

SwiftUI เป็นเฟรมเวิร์ก UI ที่ Apple แนะนำ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการสร้าง UI สำหรับแอปพลิเคชัน AR

Objective-C เป็นภาษาโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS มาก่อน SwiftUI

Xcode Debugger เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดในแอปพลิเคชัน

App Store เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการเผยแพร่แอปพลิเคชัน iOS

Apple Developer Program เป็นโปรแกรมที่นักพัฒนาต้องเข้าร่วมเพื่อเผยแพร่แอปพลิเคชันบน App Store

AR Quick Look เป็น API ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูโมเดล 3 มิติ AR ได้โดยตรงจาก Safari หรือ Messages

USDZ เป็นรูปแบบไฟล์ 3 มิติที่ Apple แนะนำสำหรับการใช้งานใน ARKit

Metal Performance Shaders เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในการเร่งความเร็วการประมวลผลกราฟิก

Core Data เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในการจัดการข้อมูลในแอปพลิเคชัน

Grand Central Dispatch เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการการทำงานแบบขนาน

Auto Layout เป็นระบบที่ใช้ในการสร้าง UI ที่ปรับตัวได้ตามขนาดหน้าจอ

ตัวอย่างการเปรียบเทียบแนวคิด ARKit กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการซื้อขาย

แนวคิด ARKit	แนวคิดการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการซื้อขาย
World Tracking	Trend Following
Scene Understanding	Support and Resistance
Lighting Estimation	Volume Analysis
Image Tracking	Pattern Recognition
Face Tracking	Sentiment Analysis

(Category:Augmented)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น