ออปชั่นแบบ Range

1. ออปชั่นแบบ Range

ออปชั่นแบบ Range หรือที่เรียกว่า Boundary Option เป็นประเภทหนึ่งของ ไบนารี่ออปชั่น ที่ให้โอกาสในการทำกำไรหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนที่ภายในช่วงราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ เวลาหมดอายุ (expiry time) ต่างจาก ออปชั่น High/Low ที่ต้องการให้ราคาอยู่เหนือหรือต่ำกว่าระดับราคาที่กำหนด ออปชั่นแบบ Range ต้องการให้ราคาอยู่ใน “ช่วง” ที่กำหนดไว้ ทำให้เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดที่คาดการณ์ว่าราคาจะมีการเคลื่อนไหวแบบ Sideways หรือมีช่วงการผันผวนที่จำกัด

1. 1. หลักการทำงานของออปชั่นแบบ Range

ออปชั่นแบบ Range ประกอบด้วย “ขอบเขตบน” (Upper Boundary) และ “ขอบเขตล่าง” (Lower Boundary) ซึ่งกำหนดเป็นราคาที่แน่นอน นักเทรดจะต้องคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงระหว่างขอบเขตทั้งสองนี้ ณ เวลาหมดอายุ หากราคาอยู่ในช่วงที่กำหนด นักเทรดจะได้รับผลตอบแทนที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า (Payout) แต่หากราคาเคลื่อนที่ออกนอกช่วงที่กำหนด นักเทรดจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด (Investment)

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณกำลังเทรดออปชั่นแบบ Range บนคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยมี:

**สินทรัพย์อ้างอิง:** EUR/USD
**ราคาปัจจุบัน:** 1.0850
**ขอบเขตล่าง:** 1.0800
**ขอบเขตบน:** 1.0900
**เวลาหมดอายุ:** 1 ชั่วโมง
**ผลตอบแทน:** 80%

หาก ณ เวลาหมดอายุ ราคา EUR/USD อยู่ระหว่าง 1.0800 และ 1.0900 คุณจะได้รับผลตอบแทน 80% ของเงินลงทุนของคุณ แต่หากราคาอยู่ต่ำกว่า 1.0800 หรือสูงกว่า 1.0900 คุณจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด

1. 1. ประเภทของออปชั่นแบบ Range

ออปชั่นแบบ Range สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก:

1. **In-Range Option:** นักเทรดจะได้กำไรหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้ ณ เวลาหมดอายุ 2. **Out-of-Range Option:** นักเทรดจะได้กำไรหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอยู่นอกช่วงที่กำหนดไว้ ณ เวลาหมดอายุ (ตรงกันข้ามกับ In-Range)

Out-of-Range Option เป็นการเดิมพันว่าราคาจะทะลุขอบเขตบนหรือล่างที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ที่คาดการณ์ถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง

1. 1. ข้อดีและข้อเสียของออปชั่นแบบ Range

- ข้อดี:**

**ความยืดหยุ่น:** เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่ Sideways หรือมีการผันผวนที่จำกัด
**ความเสี่ยงที่จำกัด:** ความเสี่ยงสูงสุดคือจำนวนเงินลงทุนทั้งหมด
**ผลตอบแทนที่แน่นอน:** ผลตอบแทนจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้ทราบผลกำไรที่อาจได้รับ
**ง่ายต่อการเข้าใจ:** กลไกการทำงานค่อนข้างตรงไปตรงมา

- ข้อเสีย:**

**โอกาสในการทำกำไรที่จำกัด:** ผลตอบแทนมักจะต่ำกว่าออปชั่นประเภทอื่นๆ
**ความแม่นยำที่ต้องการ:** ราคาจะต้องอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้ ณ เวลาหมดอายุเท่านั้น จึงจะได้รับกำไร
**ความเสี่ยงสูง:** หากราคาเคลื่อนที่ออกนอกช่วงที่กำหนดไว้ นักเทรดจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด

1. 1. กลยุทธ์การเทรดออปชั่นแบบ Range

การเทรดออปชั่นแบบ Range อย่างประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบและกลยุทธ์ที่เหมาะสม ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางส่วนที่สามารถนำไปใช้ได้:

1. **Range Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุช่วงราคาที่สินทรัพย์อ้างอิงมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่อยู่ภายใน จากนั้นจึงเลือกออปชั่นแบบ Range ที่มีขอบเขตสอดคล้องกับช่วงราคาที่คาดการณ์ไว้ การใช้ Bollinger Bands หรือ Support and Resistance สามารถช่วยในการระบุช่วงราคาได้ 2. **Volatility Trading:** หากคาดการณ์ว่าความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง สามารถเลือกออปชั่นแบบ Range ที่มีช่วงแคบได้ ในทางกลับกัน หากคาดการณ์ว่าความผันผวนจะเพิ่มขึ้น สามารถเลือกออปชั่นแบบ Range ที่มีช่วงกว้างได้ การใช้ Average True Range (ATR) สามารถช่วยวัดความผันผวนได้ 3. **News Trading:** การติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์อ้างอิง สามารถช่วยในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา และเลือกออปชั่นแบบ Range ที่เหมาะสมได้ ตัวอย่างเช่น หากมีข่าวประกาศอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก อาจเป็นโอกาสที่ดีในการเทรดออปชั่นแบบ Range 4. **Breakout Confirmation:** รอให้ราคา Breakout จากช่วงราคาที่กำหนดไว้ก่อน จากนั้นจึงเลือกออปชั่นแบบ Out-of-Range เพื่อเดิมพันว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ในทิศทางเดิม กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยการยืนยันสัญญาณ Breakout ที่ชัดเจน 5. **Straddle/Strangle Adaptation:** กลยุทธ์ Straddle และ Strangle ซึ่งมักใช้ในออปชั่นแบบ Vanilla สามารถนำมาปรับใช้กับออปชั่นแบบ Range ได้ โดยการเลือกช่วงราคาที่สอดคล้องกับความคาดหวังของความผันผวน

1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการเทรดออปชั่นแบบ Range

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจเทรดออปชั่นแบบ Range ต่อไปนี้เป็นเครื่องมือและตัวบ่งชี้บางส่วนที่สามารถนำมาใช้ได้:

**Support and Resistance:** ระบุระดับราคาที่ราคาอาจหยุดหรือกลับตัว
**Moving Averages:** ช่วยระบุแนวโน้มและระดับ Support/Resistance แบบไดนามิก เช่น Simple Moving Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA)
**Bollinger Bands:** แสดงช่วงราคาที่คาดว่าราคาจะเคลื่อนที่อยู่ภายใน
**Relative Strength Index (RSI):** วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุภาวะ Overbought/Oversold
**MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ช่วยระบุการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

1. 1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันสัญญาณทางเทคนิคและประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้ หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อราคา Breakout จากช่วงราคาที่กำหนดไว้ แสดงว่าสัญญาณนั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้น การใช้ On Balance Volume (OBV) หรือ Volume Price Trend (VPT) สามารถช่วยในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายได้

1. 1. การจัดการความเสี่ยงในการเทรดออปชั่นแบบ Range

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดออปชั่นแบบ Range ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางส่วน:

**กำหนดขนาดการลงทุน:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถเสียได้
**ใช้ Stop-Loss:** แม้ว่าออปชั่นแบบ Range จะมีความเสี่ยงที่จำกัด แต่การใช้ Stop-Loss สามารถช่วยลดความเสี่ยงเพิ่มเติมได้
**กระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงเพียงอย่างเดียว
**ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์อ้างอิง
**ฝึกฝนด้วยบัญชี Demo:** ก่อนที่จะเริ่มเทรดด้วยเงินจริง ควรฝึกฝนด้วยบัญชี Demo ก่อน

1. 1. ตัวอย่างการเทรดออปชั่นแบบ Range

สมมติว่าคุณสังเกตเห็นว่าคู่สกุลเงิน GBP/JPY มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ Sideways ในช่วงสั้นๆ คุณวิเคราะห์ทางเทคนิคและพบว่า:

**Support:** 148.00
**Resistance:** 149.00

คุณตัดสินใจที่จะเทรดออปชั่นแบบ In-Range โดยมี:

**สินทรัพย์อ้างอิง:** GBP/JPY
**ขอบเขตล่าง:** 148.00
**ขอบเขตบน:** 149.00
**เวลาหมดอายุ:** 2 ชั่วโมง
**ผลตอบแทน:** 75%

หาก ณ เวลาหมดอายุ ราคา GBP/JPY อยู่ระหว่าง 148.00 และ 149.00 คุณจะได้รับผลตอบแทน 75% ของเงินลงทุนของคุณ แต่หากราคาอยู่ต่ำกว่า 148.00 หรือสูงกว่า 149.00 คุณจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด

1. 1. สรุป

ออปชั่นแบบ Range เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดที่คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่ Sideways หรือมีช่วงการผันผวนที่จำกัด การทำความเข้าใจหลักการทำงาน กลยุทธ์ และเครื่องมือวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดออปชั่นแบบ Range อย่างประสบความสำเร็จ การจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินลงทุนที่ไม่จำเป็น

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

ออปชั่นแบบ Range

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

เข้าร่วมชุมชนของเรา

Navigation menu