ประวัติการเทรด

1. ประวัติ การเทรด

บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประวัติการเทรด โดยเน้นที่วิวัฒนาการของตลาดการเงิน และการกำเนิดของ ไบนารี่ออปชั่น ในฐานะเครื่องมือทางการเงินสมัยใหม่ เราจะสำรวจรากฐานทางประวัติศาสตร์ของแนวคิดการเก็งกำไร, การพัฒนาของตลาดอนุพันธ์, และในที่สุด การเกิดขึ้นของไบนารี่ออปชั่นในรูปแบบที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน

รากฐานทางประวัติศาสตร์ของการเทรด

การเทรดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ หลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเกิดขึ้นมานานหลายพันปี ก่อนที่จะมีการใช้สกุลเงิน การแลกเปลี่ยนโดยตรง (Barter) เป็นรูปแบบการเทรดที่แพร่หลายที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการคิดค้นสกุลเงินขึ้น การเทรดก็เริ่มซับซ้อนมากขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาของ ตลาด ที่มีการจัดระเบียบ

• **ยุคโบราณ:** การเทรดในยุคโบราณมักเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร เครื่องเทศ และโลหะมีค่า ตลาดสำคัญในยุคนี้ ได้แก่ ตลาดในเมโสโปเตเมีย, อียิปต์, และกรีกโบราณ
• **ยุคกลาง:** ในยุคกลาง การเทรดขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางการค้า เช่น เส้นทางสายไหม (Silk Road) ตลาดในเมืองต่างๆ เช่น เวียนนา, เจนัว, และเวนิส กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ
• **ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา:** การฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ การค้นพบทวีปอเมริกาและการขยายตัวของการค้าโลกนำไปสู่การพัฒนาของตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกๆ

การพัฒนาของตลาดอนุพันธ์

ตลาดอนุพันธ์ (Derivatives Market) ถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการบริหารความเสี่ยงและการเก็งกำไร อนุพันธ์คือสัญญาที่มูลค่าของมันมาจากสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) เช่น หุ้น, พันธบัตร, สินค้าโภคภัณฑ์, หรือสกุลเงิน

• **สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts):** สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีต้นกำเนิดมาจากการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดเกษตรกรรมในสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เกษตรกรและผู้ซื้อสามารถล็อคราคาในอนาคตได้
• **ออปชั่น (Options):** ออปชั่นเป็นสัญญาที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ออปชั่นเริ่มได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหุ้น
• **สวอป (Swaps):** สวอปเป็นสัญญาที่แลกเปลี่ยนกระแสเงินสดระหว่างสองฝ่าย สวอปเริ่มแพร่หลายในตลาดการเงินในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน

การกำเนิดของไบนารี่ออปชั่น

ไบนารี่ออปชั่น หรือที่เรียกว่า Digital Options เป็นอนุพันธ์ประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างใหม่ โดยมีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เดิมทีไบนารี่ออปชั่นถูกเรียกว่า "Fixed Return Options" ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาที่จ่ายผลตอบแทนคงที่หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

• **ช่วงต้นทศวรรษ 2000:** ไบนารี่ออปชั่นเริ่มได้รับการซื้อขายในตลาด OTC (Over-the-Counter) ซึ่งเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยไม่มีการผ่านตลาดหลักทรัพย์
• **การได้รับความนิยม:** ไบนารี่ออปชั่นได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากความเรียบง่ายและความโปร่งใสของมัน นักเทรดสามารถตัดสินใจได้ง่ายว่าราคาจะขึ้นหรือลงภายในระยะเวลาที่กำหนด
• **การกำกับดูแล:** ในช่วงแรก ไบนารี่ออปชั่นมีการกำกับดูแลน้อยมาก ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการหลอกลวงและการฉ้อโกง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินหลายแห่งทั่วโลกได้เริ่มดำเนินการเพื่อควบคุมตลาดไบนารี่ออปชั่น

วิวัฒนาการของแพลตฟอร์มการเทรดไบนารี่ออปชั่น

การพัฒนาของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในการทำให้ไบนารี่ออปชั่นเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แพลตฟอร์มการเทรดไบนารี่ออปชั่นออนไลน์เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 2000 ทำให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเทรดไบนารี่ออปชั่นได้

• **แพลตฟอร์มยุคแรก:** แพลตฟอร์มการเทรดไบนารี่ออปชั่นยุคแรกมักมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด และมีตัวเลือกสินทรัพย์อ้างอิงที่น้อย
• **การพัฒนาแพลตฟอร์ม:** ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มการเทรดไบนารี่ออปชั่นมีการพัฒนาอย่างมาก มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค, การเทรดอัตโนมัติ, และการจัดการความเสี่ยง
• **การเพิ่มขึ้นของโบรกเกอร์:** จำนวนโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้เทรดมีตัวเลือกมากขึ้นในการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง

กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นที่ได้รับความนิยม

มีกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นมากมายที่นักเทรดสามารถใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร กลยุทธ์เหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวิธีการวิเคราะห์และระยะเวลาการเทรด

| กลยุทธ์ | คำอธิบาย | ระดับความเสี่ยง | เหมาะสำหรับ | |-----------------|-----------------------------------------------------------------------------------------------------------|----------------|------------| | **High/Low** | การคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด | ต่ำถึงปานกลาง | ผู้เริ่มต้น | | **Touch/No Touch** | การคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะแตะหรือจะไม่แตะราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด | ปานกลางถึงสูง | ผู้มีประสบการณ์| | **Boundary** | การคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ภายในหรือนอกช่วงราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด | ปานกลางถึงสูง | ผู้มีประสบการณ์| | **One Touch** | การคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะแตะราคาที่กำหนดไว้เพียงครั้งเดียวภายในระยะเวลาที่กำหนด | สูง | ผู้มีความเสี่ยงสูง| | **Ladder** | การเทรดตามระดับราคาที่เรียงลำดับกัน โดยได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างกันตามระดับราคาที่ทำกำไรได้ | ปานกลางถึงสูง | ผู้มีประสบการณ์|

นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น Martingale, Anti-Martingale, Straddle, Strangle และ Hedging นักเทรดควรศึกษาและทำความเข้าใจกลยุทธ์ต่างๆ ก่อนที่จะนำไปใช้ในการเทรดจริง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักเทรดไบนารี่ออปชั่นใช้ในการตัดสินใจเทรด

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการศึกษา ชาร์ตราคา และ ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เช่น Moving Averages, MACD, RSI, และ Bollinger Bands เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบของราคา
• **การวิเคราะห์พื้นฐาน:** การวิเคราะห์พื้นฐานเกี่ยวข้องกับการศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจ, การเงิน, และการเมืองที่อาจมีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง เช่น อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, GDP, และ รายงานผลประกอบการของบริษัท

การบริหารความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชั่น เนื่องจากไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง นักเทรดควรใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนของตนเอง

• **การกำหนดขนาดการเทรด:** นักเทรดควรกำหนดขนาดการเทรดที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ โดยทั่วไปไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดแต่ละครั้ง
• **การใช้ Stop Loss:** การใช้ Stop Loss จะช่วยจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรดที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
• **การกระจายความเสี่ยง:** การกระจายความเสี่ยงโดยการเทรดสินทรัพย์อ้างอิงหลายประเภทจะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน

ข้อควรระวังในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

การเทรดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง นักเทรดควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้และดำเนินการอย่างระมัดระวัง

• **ความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุน:** ไบนารี่ออปชั่นเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง นักเทรดอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดได้
• **การหลอกลวงและการฉ้อโกง:** ตลาดไบนารี่ออปชั่นมีการหลอกลวงและการฉ้อโกงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง นักเทรดควรเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
• **ความผันผวนของตลาด:** ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดการณ์ได้

สรุป

ไบนารี่ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง นักเทรดควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติ, กลไกการทำงาน, กลยุทธ์การเทรด, การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน, และการบริหารความเสี่ยง ก่อนที่จะเริ่มเทรดจริง การเทรดไบนารี่ออปชั่นควรทำด้วยความระมัดระวังและความรับผิดชอบ

การซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ออปชั่น สวอป Martingale Anti-Martingale Straddle Strangle Hedging ชาร์ตราคา ตัวชี้วัดทางเทคนิค Moving Averages MACD RSI Bollinger Bands อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ GDP รายงานผลประกอบการของบริษัท การบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน โบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่น

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น