ชื่อหน้า

1. ชื่อ หน้า (Strike Price) ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น

บทนำ

ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความเรียบง่ายในการทำความเข้าใจและศักยภาพในการทำกำไรที่สูง อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานของไบนารี่ออปชั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขาย หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญเหล่านั้นคือ “ชื่อหน้า” (Strike Price) บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับชื่อหน้าในไบนารี่ออปชั่น โดยจะครอบคลุมตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ วิธีการเลือก และกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เริ่มต้นสามารถเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขายได้อย่างมั่นใจ

ชื่อหน้าคืออะไร?

ชื่อหน้า หรือ Strike Price คือ ระดับราคาที่ออปชั่นถูกกำหนดให้ใช้ในการตัดสินว่าการซื้อขายจะประสบความสำเร็จหรือไม่ หรือเรียกว่า “In the Money” (ITM) หรือ “Out of the Money” (OTM) ในบริบทของไบนารี่ออปชั่น ชื่อหน้าเป็นจุดอ้างอิงที่สำคัญในการตัดสินผลลัพธ์ของการเทรด

**Call Option:** ในกรณีของ Call Option ชื่อหน้าคือราคาที่สินทรัพย์อ้างอิงจะต้องสูงกว่าเมื่อหมดอายุ เพื่อให้การเทรดประสบความสำเร็จ หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงสูงกว่าชื่อหน้า ณ เวลาหมดอายุ ผู้เทรดจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้
**Put Option:** ในกรณีของ Put Option ชื่อหน้าคือราคาที่สินทรัพย์อ้างอิงจะต้องต่ำกว่าเมื่อหมดอายุ เพื่อให้การเทรดประสบความสำเร็จ หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงต่ำกว่าชื่อหน้า ณ เวลาหมดอายุ ผู้เทรดจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้

ความสำคัญของชื่อหน้า

ชื่อหน้ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นด้วยเหตุผลหลายประการ:

**กำหนดระดับความเสี่ยง:** ชื่อหน้าส่งผลโดยตรงต่อความเสี่ยงของการซื้อขาย ยิ่งชื่อหน้าอยู่ห่างจากราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิงมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้น้อยที่ราคาจะเคลื่อนที่ไปถึงระดับนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด
**กำหนดผลตอบแทน:** ผลตอบแทนที่ได้รับจากการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมักจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ชื่อหน้ามีผลต่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทนนั้น หากเลือกชื่อหน้าที่เหมาะสม โอกาสในการทำกำไรก็จะสูงขึ้น
**เป็นพื้นฐานในการวางกลยุทธ์:** การเลือกชื่อหน้าที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการวาง กลยุทธ์การซื้อขาย ที่มีประสิทธิภาพ ผู้เทรดสามารถใช้ชื่อหน้าเพื่อกำหนดเป้าหมายในการเทรดและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการเลือกชื่อหน้า

การเลือกชื่อหน้าที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวในการเลือกชื่อหน้า แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ควรพิจารณา:

1. **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือสำคัญในการระบุแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) ซึ่งเป็นระดับราคาที่คาดว่าจะมีการหยุดพักหรือกลับตัวของราคา การเลือกชื่อหน้าใกล้กับแนวรับหรือแนวต้านอาจเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ([การวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน](https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93)). 2. **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวข้องกับการประเมินข้อมูลทางเศรษฐกิจ การเงิน และอุตสาหกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง การเลือกชื่อหน้าโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานอาจช่วยให้ผู้เทรดคาดการณ์ทิศทางของราคาได้อย่างแม่นยำ ([การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน](https://www.investopedia.com/terms/f/fundamentalanalysis.asp)). 3. **ความผันผวน (Volatility):** ความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา หากสินทรัพย์มีความผันผวนสูง การเลือกชื่อหน้าที่อยู่ห่างจากราคาปัจจุบันอาจเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น ([การวัดความผันผวน](https://www.babypips.com/learn/forex/volatility)). 4. **ระยะเวลาหมดอายุ (Expiry Time):** ระยะเวลาหมดอายุของออปชั่นมีผลต่อการเลือกชื่อหน้า หากระยะเวลาหมดอายุสั้น การเลือกชื่อหน้าที่ใกล้กับราคาปัจจุบันอาจเหมาะสมกว่า ในขณะที่หากระยะเวลาหมดอายุยาว การเลือกชื่อหน้าที่อยู่ห่างจากราคาปัจจุบันอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า 5. **ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้:** ผู้เทรดควรพิจารณาระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ก่อนที่จะเลือกชื่อหน้า หากผู้เทรดมีความเสี่ยงต่ำ การเลือกชื่อหน้าที่ใกล้กับราคาปัจจุบันอาจเหมาะสมกว่า

กลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับชื่อหน้า

มีกลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมากมายที่เกี่ยวข้องกับชื่อหน้า ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วน:

**การซื้อขายตามแนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Trading):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเลือกชื่อหน้าใกล้กับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ หากคาดว่าราคาจะเด้งกลับจากแนวรับ ให้เลือก Call Option โดยมีชื่อหน้าใกล้กับแนวรับ หากคาดว่าราคาจะปรับตัวลงจากแนวต้าน ให้เลือก Put Option โดยมีชื่อหน้าใกล้กับแนวต้าน
**การซื้อขายตามแนวโน้ม (Trend Following):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มของราคา หากราคามีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ให้เลือก Call Option โดยมีชื่อหน้าที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน หากราคามีแนวโน้มเป็นขาลง ให้เลือก Put Option โดยมีชื่อหน้าที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ([การเทรดตามแนวโน้ม](https://www.schoolofpips.com/trend-trading/)).
**การซื้อขายตามช่วงราคา (Range Trading):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุช่วงราคาที่ราคาเคลื่อนที่อยู่ภายใน หากคาดว่าราคาจะแตะแนวรับ ให้เลือก Call Option โดยมีชื่อหน้าใกล้กับแนวรับ หากคาดว่าราคาจะแตะแนวต้าน ให้เลือก Put Option โดยมีชื่อหน้าใกล้กับแนวต้าน ([การเทรดช่วงราคา](https://www.investopedia.com/terms/r/rangetrading.asp)).
**Straddle Strategy:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีชื่อหน้าเดียวกันและระยะเวลาหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าราคาจะมีความผันผวนสูง ([กลยุทธ์ Straddle](https://www.optionstradingiq.com/options-trading-strategies/straddle-strategy/)).
**Strangle Strategy:** กลยุทธ์นี้คล้ายกับ Straddle แต่มีชื่อหน้าของ Call Option และ Put Option ที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าราคาจะมีความผันผวนสูงมาก ([กลยุทธ์ Strangle](https://www.investopedia.com/terms/s/strangle.asp)).

การจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับชื่อหน้า

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับชื่อหน้า:

**กำหนดขนาดการลงทุน:** กำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละการเทรด ไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถเสียได้
**ใช้ Stop Loss:** แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะไม่มี Stop Loss แบบดั้งเดิม แต่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงได้โดยการเลือกชื่อหน้าที่เหมาะสมและระยะเวลาหมดอายุที่สั้น
**กระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนทั้งหมดในสินทรัพย์เดียวหรือการเทรดเดียว กระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน
**ติดตามผลการเทรด:** ติดตามผลการเทรดของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์ของคุณและปรับปรุงการตัดสินใจในการเทรด

เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

**TradingView:** แพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการสร้างแผนภูมิ ([1](https://www.tradingview.com/))
**Investopedia:** แหล่งข้อมูลทางการเงินที่ครอบคลุม ([2](https://www.investopedia.com/))
**BabyPips:** เว็บไซต์สำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับ Forex และการเทรด ([3](https://www.babypips.com/))
**หนังสือและคอร์สเรียน:** มีหนังสือและคอร์สเรียนมากมายเกี่ยวกับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่สามารถช่วยคุณพัฒนาทักษะของคุณได้

สรุป

ชื่อหน้าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจความหมาย ความสำคัญ วิธีการเลือก และกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับชื่อหน้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น การจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและการใช้เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นได้

ตัวอย่างการเปรียบเทียบชื่อหน้าและผลลัพธ์
สินทรัพย์อ้างอิง	ชื่อหน้า	ราคาปัจจุบัน	ผลลัพธ์
ทองคำ	1,800 ดอลลาร์สหรัฐ	1,810 ดอลลาร์สหรัฐ	In the Money (Call Option)
น้ำมันดิบ	80 ดอลลาร์สหรัฐ	75 ดอลลาร์สหรัฐ	In the Money (Put Option)
หุ้น Apple	150 ดอลลาร์สหรัฐ	145 ดอลลาร์สหรัฐ	Out of the Money (Call Option)
ดัชนี S&P 500	4,000 จุด	4,050 จุด	Out of the Money (Put Option)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

ชื่อหน้า

Contents

บทนำ