คริปโตกราฟี

1. คริปโตกราฟี: พื้นฐานสำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น

คริปโตกราฟี (Cryptography) หรือศาสตร์แห่งการเข้ารหัสลับ เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ที่อาจมีผู้ไม่หวังดีพยายามดักฟังหรือแก้ไขข้อมูล การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของคริปโตกราฟีมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น (Binary Option) ไม่ใช่เพียงเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวและบัญชีการซื้อขายเท่านั้น แต่ยังเพื่อทำความเข้าใจเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นิยมนำมาใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นด้วย บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของคริปโตกราฟีสำหรับผู้เริ่มต้น โดยเน้นที่ความเกี่ยวข้องกับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

ประวัติความเป็นมาของคริปโตกราฟี

คริปโตกราฟีไม่ได้เป็นศาสตร์ใหม่ แต่มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปหลายพันปี เริ่มต้นจากวิธีการเข้ารหัสแบบง่ายๆ เช่น การแทนที่ตัวอักษร (Substitution Cipher) ที่ใช้ในสมัยโบราณ เช่น การเข้ารหัสแบบซีซาร์ (Caesar Cipher) ซึ่งเป็นวิธีการเลื่อนตัวอักษรไปตามจำนวนที่กำหนด ในยุคกลางและยุคใหม่ มีการพัฒนาวิธีการเข้ารหัสที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การใช้ Polyalphabetic Substitution และ Transposition Cipher

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คริปโตกราฟีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการถอดรหัสข้อความลับของฝ่ายตรงข้าม เครื่องเอ็นนิ๊กมา (Enigma machine) ของเยอรมนีเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ซับซ้อน แต่ในที่สุดก็ถูกถอดรหัสโดยทีมงานของ Alan Turing ที่ Bletchley Park ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสงคราม

แนวคิดพื้นฐานของคริปโตกราฟี

คริปโตกราฟีประกอบด้วยแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญหลายประการ:

**ข้อความธรรมดา (Plaintext):** ข้อมูลที่ต้องการส่งในรูปแบบที่อ่านได้
**การเข้ารหัส (Encryption):** กระบวนการแปลงข้อความธรรมดาให้เป็นข้อความที่อ่านไม่ได้ (Ciphertext)
**ข้อความเข้ารหัส (Ciphertext):** ข้อความที่ถูกเข้ารหัสแล้ว
**การถอดรหัส (Decryption):** กระบวนการแปลงข้อความเข้ารหัสกลับเป็นข้อความธรรมดา
**คีย์ (Key):** ข้อมูลลับที่ใช้ในการเข้ารหัสและถอดรหัส

การเข้ารหัสและถอดรหัสจะใช้คีย์เดียวกัน (Symmetric-key cryptography) หรือคีย์ที่แตกต่างกัน (Asymmetric-key cryptography)

ประเภทของการเข้ารหัส

1. 1. 1. 1. การเข้ารหัสแบบสมมาตร (Symmetric-key Cryptography) ####

การเข้ารหัสแบบสมมาตรใช้คีย์เดียวกันทั้งในการเข้ารหัสและถอดรหัส ทำให้เป็นวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการเข้ารหัสข้อมูลจำนวนมาก ตัวอย่างของอัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบสมมาตร ได้แก่:

**AES (Advanced Encryption Standard):** อัลกอริทึมที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
**DES (Data Encryption Standard):** อัลกอริทึมที่เก่ากว่า แต่ยังคงถูกใช้งานอยู่บ้าง
**Triple DES:** การใช้ DES หลายครั้งเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

ข้อเสียของการเข้ารหัสแบบสมมาตรคือการแจกจ่ายคีย์อย่างปลอดภัย หากคีย์ถูกเปิดเผย ข้อมูลก็จะถูกถอดรหัสได้

1. 1. 1. 2. การเข้ารหัสแบบอสมมาตร (Asymmetric-key Cryptography) ####

การเข้ารหัสแบบอสมมาตรใช้คีย์สองชุด คือ คีย์สาธารณะ (Public key) และคีย์ส่วนตัว (Private key) คีย์สาธารณะสามารถแจกจ่ายให้กับผู้อื่นได้โดยไม่กระทบต่อความปลอดภัย ส่วนคีย์ส่วนตัวจะต้องเก็บรักษาไว้เป็นความลับ

**RSA (Rivest–Shamir–Adleman):** อัลกอริทึมที่นิยมใช้สำหรับการเข้ารหัสและการลงนามดิจิทัล
**ECC (Elliptic Curve Cryptography):** อัลกอริทึมที่ให้ความปลอดภัยสูงและใช้ทรัพยากรน้อยกว่า RSA

การเข้ารหัสแบบอสมมาตรมักใช้ในการแลกเปลี่ยนคีย์แบบปลอดภัย (Key Exchange) และการตรวจสอบสิทธิ์ (Authentication)

แฮช (Hashing)

แฮช (Hashing) เป็นกระบวนการแปลงข้อมูลใดๆ ให้เป็นค่าคงที่ที่มีความยาวคงที่ (Hash value) โดยไม่สามารถย้อนกลับไปหาข้อมูลเดิมได้ แฮชถูกใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล (Data Integrity) และการเก็บรักษารหัสผ่านอย่างปลอดภัย

ตัวอย่างของฟังก์ชันแฮช ได้แก่:

**SHA-256 (Secure Hash Algorithm 256-bit):** ฟังก์ชันแฮชที่นิยมใช้ในสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin
**MD5 (Message Digest Algorithm 5):** ฟังก์ชันแฮชที่เก่ากว่าและไม่ปลอดภัยเท่า SHA-256