การใช้ Pivot Point Breakout

การใช้ Pivot Point Breakout

บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่เรียกว่า “Pivot Point Breakout” อย่างละเอียด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทำความเข้าใจวิธีการใช้ Pivot Point เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น

Pivot Point คืออะไร?

Pivot Point คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับแนวต้านที่เป็นไปได้ในตลาดการเงิน โดยคำนวณจากราคา High, Low และ Close ของช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น วัน, สัปดาห์, เดือน) Pivot Point ใช้เป็นจุดอ้างอิงสำคัญสำหรับนักเทรดในการคาดการณ์ทิศทางราคาและตัดสินใจซื้อขาย

การคำนวณ Pivot Point โดยทั่วไปมีดังนี้:

**Pivot Point (PP):** (High + Low + Close) / 3
**Resistance Level 1 (R1):** (2 x PP) - Low
**Support Level 1 (S1):** (2 x PP) - High
**Resistance Level 2 (R2):** PP + (High - Low)
**Support Level 2 (S2):** PP - (High - Low)

ระดับเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งราคามักจะเคลื่อนที่เข้าใกล้หรือทดสอบก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทาง การเข้าใจการคำนวณและหน้าที่ของ Pivot Point เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการใช้กลยุทธ์ Pivot Point Breakout

Pivot Point Breakout คืออะไร?

Pivot Point Breakout คือกลยุทธ์ที่อาศัยการทะลุระดับ Pivot Point ที่สำคัญเพื่อบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อราคาทะลุระดับ Resistance ที่สำคัญขึ้นไปอย่างชัดเจน (Breakout) จะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ที่แข็งแกร่ง และเมื่อราคาทะลุระดับ Support ที่สำคัญลงมาอย่างชัดเจน (Breakdown) จะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (Downtrend) ที่แข็งแกร่ง

กลยุทธ์นี้ใช้หลักการที่ว่าการทะลุแนวรับแนวต้านที่สำคัญมักจะมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของ ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ซึ่งยืนยันถึงความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา

วิธีการใช้ Pivot Point Breakout ในไบนารี่ออปชั่น

1. **ระบุช่วงเวลา:** เลือกช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ (เช่น วัน, สัปดาห์) การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายและกรอบเวลาที่คุณสนใจ 2. **คำนวณ Pivot Point:** คำนวณ Pivot Point และระดับ Support/Resistance ที่เกี่ยวข้องตามสูตรที่กล่าวมาข้างต้น 3. **รอการ Breakout:** เฝ้ารอให้ราคาทะลุระดับ Resistance หรือ Support ที่สำคัญ การทะลุควรมีความชัดเจนและมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น 4. **ยืนยันสัญญาณ:** เพื่อยืนยันสัญญาณ Breakout คุณสามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Average หรือ RSI (Relative Strength Index) เพื่อดูแนวโน้มและความแข็งแกร่งของราคา 5. **เข้าเทรด:** เมื่อสัญญาณ Breakout ได้รับการยืนยันแล้ว ให้เข้าเทรดไบนารี่ออปชั่นตามทิศทางของการ Breakout:

   *   **Breakout เหนือ Resistance:** ซื้อ (Call Option)
   *   **Breakout ใต้ Support:** ขาย (Put Option)

6. **กำหนดจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุน:** กำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่เหมาะสมเพื่อบริหารความเสี่ยง

การยืนยันสัญญาณ Breakout ด้วยเครื่องมืออื่นๆ

การใช้ Pivot Point Breakout เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะให้สัญญาณที่แม่นยำ การใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

**ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเกิด Breakout เป็นสัญญาณที่สำคัญว่าการเคลื่อนไหวของราคามีความแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ หากปริมาณการซื้อขายไม่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณหลอก (False Breakout)
**Moving Average:** หากราคา Breakout เหนือเส้น Moving Average ที่สำคัญ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น และในทางกลับกัน หากราคา Breakout ใต้เส้น Moving Average ที่สำคัญ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลง
**RSI (Relative Strength Index):** RSI ที่สูงกว่า 50 บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น และ RSI ที่ต่ำกว่า 50 บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง การใช้ RSI ร่วมกับ Pivot Point Breakout จะช่วยกรองสัญญาณหลอกได้
**MACD (Moving Average Convergence Divergence):** การตัดเส้น MACD ขึ้นเหนือเส้น Signal Line เป็นสัญญาณซื้อ และการตัดเส้น MACD ลงใต้เส้น Signal Line เป็นสัญญาณขาย

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

**Support and Resistance:** Support and Resistance เป็นพื้นฐานสำคัญของกลยุทธ์ Pivot Point Breakout การเข้าใจแนวคิดนี้จะช่วยให้คุณระบุระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญได้
**Trend Following:** Pivot Point Breakout เป็นกลยุทธ์ที่ใช้หลักการของ Trend Following ซึ่งเป็นการซื้อขายตามแนวโน้มของราคา
**Breakout Trading:** Breakout Trading เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการจับจังหวะการทะลุแนวรับแนวต้านเพื่อทำกำไร
**Momentum Trading:** Momentum Trading เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วและมีแรงผลักดันสูง
**Scalping:** Scalping เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ จากการซื้อขายจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ
**Day Trading:** Day Trading เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเปิดและปิดสถานะการซื้อขายทั้งหมดภายในวันเดียว
**Swing Trading:** Swing Trading เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการถือครองสถานะการซื้อขายเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
**Fibonacci Retracement:** Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับแนวต้านที่เป็นไปได้โดยอิงจากลำดับ Fibonacci
**Bollinger Bands:** Bollinger Bands เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความผันผวนของราคาและระบุระดับ Overbought และ Oversold
**Ichimoku Cloud:** Ichimoku Cloud เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มและระบุระดับแนวรับแนวต้าน
**Elliott Wave Theory:** Elliott Wave Theory เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบของราคาและคาดการณ์ทิศทางในอนาคต
**Candlestick Patterns:** Candlestick Patterns เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ใช้ในการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคา
**Harmonic Patterns:** Harmonic Patterns เป็นรูปแบบของราคาที่ซับซ้อนซึ่งใช้ในการระบุโอกาสในการซื้อขายที่มีศักยภาพ
**Price Action:** Price Action เป็นการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยตรงโดยไม่ต้องใช้ Indicator อื่นๆ
**Gap Trading:** Gap Trading เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากช่องว่าง (Gap) ที่เกิดขึ้นในราคา

ข้อควรระวังในการใช้ Pivot Point Breakout

**False Breakout:** การ Breakout ที่ไม่แข็งแกร่งและไม่มีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นสัญญาณหลอก (False Breakout) การใช้เครื่องมือยืนยันสัญญาณอื่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงจาก False Breakout ได้
**ความผันผวนของตลาด:** ในตลาดที่มีความผันผวนสูง การ Breakout อาจเกิดขึ้นบ่อยครั้งและไม่น่าเชื่อถือ ควรระมัดระวังในการซื้อขายในสภาวะตลาดเช่นนี้
**การบริหารความเสี่ยง:** เช่นเดียวกับกลยุทธ์การซื้อขายอื่นๆ การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ Pivot Point Breakout กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุน

ตัวอย่างการซื้อขายด้วย Pivot Point Breakout

สมมติว่าคุณกำลังวิเคราะห์กราฟราคาของคู่เงิน EUR/USD ในช่วงเวลา Daily และคำนวณ Pivot Point ได้ดังนี้:

PP: 1.1000
R1: 1.1030
S1: 1.0970
R2: 1.1060
S2: 1.0940

หากราคา EUR/USD ทะลุระดับ R1 ที่ 1.1030 ขึ้นไปอย่างชัดเจนและมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คุณสามารถเข้าซื้อ (Call Option) โดยกำหนดจุดทำกำไรที่ R2 ที่ 1.1060 และจุดตัดขาดทุนที่ต่ำกว่า R1 เล็กน้อย เช่น 1.1020

สรุป

Pivot Point Breakout เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น แต่ต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝน การใช้เครื่องมือยืนยันสัญญาณอื่นๆ และการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณ การศึกษาและทำความเข้าใจ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ควบคู่กันไปด้วยจะช่วยให้คุณเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างการคำนวณ Pivot Point
วันที่	High	Low	Close	Pivot Point (PP)	R1	S1	R2	S2
1 มกราคม	1.1100	1.0900	1.1050	1.1017	1.1067	1.0967	1.1127	1.0867
2 มกราคม	1.1150	1.0950	1.1100	1.1033	1.1083	1.0983	1.1183	1.0883

(Category:Trading Strategies)

thumb|200px|ตัวอย่างแผนภาพกลยุทธ์

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น