การเลือกเวลาหมดอายุและราคาใช้สิทธิ

การเลือกเวลาหมดอายุและราคาใช้สิทธิในไบนารี่ออปชัน

Binary option เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากโครงสร้างที่เรียบง่าย แต่ความสำเร็จในการเทรดนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่สำคัญสองประการ คือ การเลือก เวลาหมดอายุ (Expiration Time) และการเลือก ราคาใช้สิทธิ (Strike Price) การทำความเข้าใจองค์ประกอบทั้งสองนี้อย่างถ่องแท้เป็นหัวใจสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งของ การบริหารความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชัน

บทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในการเข้าและออกจากการเทรด และการตั้งความคาดหวังที่เป็นจริงเกี่ยวกับการเลือกตัวแปรเหล่านี้

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับเวลาหมดอายุ (Expiry Time)

เวลาหมดอายุคือระยะเวลาที่สัญญา Binary option จะมีผลบังคับใช้ หลังจากช่วงเวลานี้สิ้นสุดลง การตัดสินใจว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิง (เช่น คู่สกุลเงิน, ดัชนี, หรือสินค้าโภคภัณฑ์) จะอยู่เหนือหรือต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ จะถูกตัดสิน และผู้เทรดจะได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ หรือเสียเงินลงทุน

ในตลาด Binary option เวลาหมดอายุมีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่ใช้ เช่น IQ Option หรือ Pocket Option โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้:

• **Turbo/Blitz Options:** ระยะเวลาสั้นมาก มักจะตั้งแต่ 30 วินาที ไปจนถึง 5 นาที
• **Short-Term Options:** ระยะเวลาตั้งแต่ 5 นาที ไปจนถึง 30 นาที
• **Standard Options:** ระยะเวลาตั้งแต่ 15 นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
• **Long-Term Options:** ระยะเวลาตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึง 1 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น

ความสัมพันธ์กับกรอบเวลา (Timeframe)

เวลาหมดอายุต้องสัมพันธ์กับกรอบเวลาของกราฟที่คุณใช้ในการวิเคราะห์ การเลือกเวลาหมดอายุที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันกำหนดว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณควรใช้ข้อมูลในช่วงเวลาใด

• หากคุณใช้การวิเคราะห์โดยดูจาก รูปแบบแท่งเทียนพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ บนกราฟ 1 นาที คุณไม่ควรเลือกเวลาหมดอายุที่ 30 นาที เพราะการเคลื่อนไหวเล็กน้อยใน 30 นาที อาจไม่สะท้อนรูปแบบที่คุณเห็นใน 1 นาที
• หากคุณใช้การวิเคราะห์ แนวโน้ม ระยะยาวโดยดูจากกราฟรายชั่วโมง คุณควรเลือกเวลาหมดอายุที่นานพอสมควร เช่น 1 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อให้ Trend นั้นมีเวลาแสดงผล

การตั้งความคาดหวังและความเสี่ยงของเวลาหมดอายุ

• **เวลาหมดอายุสั้น (Turbo):** ให้โอกาสในการทำกำไรได้เร็ว แต่มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูงในระยะเวลาสั้นๆ การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดการขาดทุนได้ง่าย การเทรดประเภทนี้ต้องอาศัยความแม่นยำในการจับจังหวะสูงมาก และมักไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น
• **เวลาหมดอายุยาว:** ให้โอกาสในการวิเคราะห์ที่มากขึ้น และลดผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้น (Noise) แต่เงินทุนของคุณจะถูกผูกมัดเป็นเวลานานกว่า และต้องใช้ความอดทนในการรอผลลัพธ์

ประเภทเวลาหมดอายุ	ช่วงเวลาโดยประมาณ	ความเสี่ยงโดยทั่วไป	เหมาะสำหรับ
Turbo	30 วินาที - 5 นาที	สูงมาก	ผู้มีประสบการณ์สูงในการจับจังหวะตลาด
สั้น	5 นาที - 30 นาที	ปานกลางถึงสูง	การเทรดตามโมเมนตัมระยะสั้น
มาตรฐาน	1 ชั่วโมงขึ้นไป	ปานกลาง	การเทรดตามการวิเคราะห์ทางเทคนิคและแนวโน้ม

ข้อผิดพลาดทั่วไปในการเลือกเวลาหมดอายุ

• การเลือกเวลาหมดอายุที่สั้นเกินไปเมื่อใช้การวิเคราะห์จากกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า (เช่น ดู H1 แต่เลือกหมดอายุ 1 นาที)
• การเลือกเวลาหมดอายุที่ยาวเกินไปเมื่อใช้กลยุทธ์ที่เน้นการกลับตัวของราคาในระยะสั้น

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับราคาใช้สิทธิ (Strike Price)

ราคาใช้สิทธิคือระดับราคา ณ เวลาที่คุณทำการซื้อขายสัญญา Binary option ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะไปถึงจุดใดเมื่อสัญญาหมดอายุ หากคุณซื้อ Call option คุณคาดว่าราคาจะอยู่ **เหนือ** ราคาใช้สิทธิ และหากซื้อ Put option คุณคาดว่าราคาจะอยู่ **ต่ำกว่า** ราคาใช้สิทธิ

ในตลาดไบนารี่ออปชัน ราคาใช้สิทธิมักจะถูกกำหนดโดยอัตโนมัติโดยแพลตฟอร์ม ณ ราคาตลาดปัจจุบันในขณะที่คุณกดซื้อขาย แต่สำหรับตัวเลือกบางประเภท (เช่น "One Touch" หรือ "Range Options" ซึ่งแตกต่างจาก Call/Put พื้นฐาน) ผู้เทรดอาจมีอิสระในการกำหนดระดับราคาเอง

ความสัมพันธ์กับราคาตลาดปัจจุบัน

สำหรับ Call option และ Put option มาตรฐาน (ที่เรียกว่า High/Low Options) ราคาใช้สิทธิมักจะถูกตั้งไว้ที่ราคาตลาด ณ วินาทีที่ทำรายการ

• **การเข้าซื้อ Call Option:** ราคาใช้สิทธิ = ราคาตลาดปัจจุบัน (เช่น 1.12500) หากราคาตอนหมดอายุเป็น 1.12501 ถือว่าชนะ
• **การเข้าซื้อ Put Option:** ราคาใช้สิทธิ = ราคาตลาดปัจจุบัน (เช่น 1.12500) หากราคาตอนหมดอายุเป็น 1.12499 ถือว่าชนะ

ความแตกต่างที่สำคัญคือ ไบนารี่ออปชันต้องการเพียงแค่ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ถูกต้อง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามเพื่อให้ได้ In-the-money ซึ่งต่างจากการซื้อขายแบบฟอเร็กซ์ปกติที่ต้องพิจารณาจุดคุ้มทุนที่ซับซ้อนกว่า

การใช้ราคาใช้สิทธิร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

แม้ว่าราคาใช้สิทธิสำหรับ High/Low Options จะถูกกำหนดโดยตลาด แต่การเลือก "จังหวะ" ในการเข้าซื้อนั้นสำคัญมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ว่าราคาจะไปถึงจุดใดจุดหนึ่งในอนาคต

1. **การใช้แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance):**

   *   หากคุณคาดว่าราคาจะกลับตัวจากแนวต้านที่แข็งแกร่ง คุณควรตั้งใจซื้อ Put option เมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านนั้นๆ
   *   หากคุณคาดว่าราคาจะทะลุผ่านแนวรับ คุณอาจซื้อ Call option โดยคาดว่าราคาจะไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับนั้นๆ เมื่อหมดอายุ

1. **การวิเคราะห์ตัวบ่งชี้ (Indicators):**

   *   หากตัวบ่งชี้เช่น RSI บ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) คุณจะรอจังหวะเข้าซื้อ Put option โดยคาดว่าราคาจะปรับตัวลงจากระดับปัจจุบัน
   *   หาก MACD ตัดกันเป็นสัญญาณซื้อ และคุณเชื่อในการเคลื่อนไหวของ Trend คุณจะเข้าซื้อ Call option โดยใช้ราคาปัจจุบันเป็นราคาใช้สิทธิ

ราคาใช้สิทธิและ "ความปลอดภัย" (Buffer Zone)

ในบางแพลตฟอร์มหรือสำหรับตัวเลือกแบบพิเศษ (เช่น การเทรดที่ใช้เวลาหมดอายุสั้นมาก) ผู้เทรดอาจมีตัวเลือกในการตั้งราคาใช้สิทธิให้ห่างจากราคาตลาดปัจจุบันเล็กน้อย เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ (แต่โดยทั่วไปมักจะมาพร้อมกับ Payout ที่ต่ำลง)

• **การเพิ่ม Buffer:** หากราคาปัจจุบันคือ 1.12500 และคุณเลือกราคาใช้สิทธิสำหรับ Call option ที่ 1.12490 (ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) โอกาสชนะจะสูงขึ้นมาก เพราะคุณมี "ระยะทาง" ให้ราคาเคลื่อนที่ไปทางบวกได้มากขึ้น แต่ Payout อาจลดลงเหลือ 70% แทนที่จะเป็น 85%

การเลือกใช้ Buffer นี้เป็นรูปแบบหนึ่งของ Risk management ที่แลกความเสี่ยงกับผลตอบแทนที่แน่นอน

ขั้นตอนปฏิบัติในการเลือกเวลาหมดอายุและราคาใช้สิทธิ

การตัดสินใจสองส่วนนี้ควรเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการวิเคราะห์ ไม่ใช่การสุ่มเลือก การปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างมีระบบจะช่วยให้คุณรักษา การควบคุมอารมณ์และวินัยในการซื้อขาย ได้ดีขึ้น

1. ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์ตลาดและเลือกสินทรัพย์

ก่อนอื่น คุณต้องตัดสินใจว่าจะเทรดอะไร และวิเคราะห์แนวโน้มโดยรวม

• เลือกสินทรัพย์อ้างอิง เช่น EUR/USD หรือทองคำ โดยพิจารณาจากความผันผวนและช่วงเวลาที่คุณสามารถเฝ้าดูตลาดได้ (ดู การเลือกสินทรัพย์อ้างอิงที่เหมาะสม)
• กำหนดกรอบเวลาหลักในการวิเคราะห์ (เช่น M5, M15, H1)

1. ขั้นตอนที่ 2: การระบุสัญญาณการเข้าเทรด

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่คุณถนัดเพื่อหาจุดเข้าที่ชัดเจน

• ระบุแนวรับ/แนวต้านสำคัญ หรือรูปแบบ Candlestick pattern ที่บ่งชี้การกลับตัวหรือความต่อเนื่อง
• ตรวจสอบตัวบ่งชี้เสริม เช่น หากใช้ Bollinger Bands ให้มองหาการบีบตัวเพื่อเตรียมการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หรือเมื่อราคาแตะขอบบน/ล่าง

1. ขั้นตอนที่ 3: การกำหนดเวลาหมดอายุ (Expiry Time)

เวลาหมดอายุควรสอดคล้องกับความเร็วที่คาดว่าจะเกิดการเคลื่อนไหวตามสัญญาณของคุณ

• **กฎทั่วไป:** เวลาหมดอายุควรเป็น 2 ถึง 3 เท่าของกรอบเวลาที่คุณใช้ในการวิเคราะห์สัญญาณ

   *   ถ้าสัญญาณมาจากการเคลื่อนไหวของแท่งเทียน 5 นาที (M5) ให้เลือกหมดอายุที่ 10 หรือ 15 นาที
   *   ถ้าสัญญาณมาจากการกลับตัวของ RSI บนกราฟ 15 นาที (M15) ให้เลือกหมดอายุที่ 30 หรือ 45 นาที

• **การทดสอบความผันผวน:** หากตลาดมีความผันผวนสูง (เช่น มีข่าวสำคัญกำลังจะออก) ให้เลือกเวลาหมดอายุที่สั้นลงเล็กน้อยเพื่อจับการเคลื่อนไหวฉับพลัน แต่ต้องระวังความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

1. ขั้นตอนที่ 4: การกำหนดราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และการเข้าเทรด

สำหรับ High/Low Options ราคาใช้สิทธิจะถูกกำหนดโดยราคาปัจจุบัน แต่จังหวะการกดปุ่มซื้อขายคือสิ่งสำคัญ

• **สำหรับ Call Option:** รอให้ราคาลงมาแตะระดับที่คุณคาดว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุด หรือรอให้แท่งเทียนปัจจุบันแสดงสัญญาณการกลับตัวขึ้น (เช่น รูปแบบ Hammer) แล้วกดซื้อทันที
• **สำหรับ Put Option:** รอให้ราคาขึ้นไปแตะระดับแนวต้านที่แข็งแกร่ง หรือรอให้แท่งเทียนปัจจุบันแสดงสัญญาณการกลับตัวลง (เช่น รูปแบบ Shooting Star) แล้วกดซื้อทันที
• **การจัดการเงินทุน:** ก่อนกดซื้อ ให้กำหนดขนาดการลงทุนตามหลัก Position sizing เพื่อจำกัดการขาดทุนสูงสุดต่อการเทรด

1. ขั้นตอนที่ 5: การบันทึกและทบทวน

บันทึกการตัดสินใจของคุณลงใน Trading journal โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้บันทึกเหตุผลในการเลือกเวลาหมดอายุและราคาใช้สิทธิ (ซึ่งก็คือราคาตลาดขณะนั้น) เพื่อนำไปปรับปรุงในอนาคต

การประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จำลอง

ลองพิจารณาสถานการณ์สมมติในการเทรดคู่เงิน EUR/USD

สมมติว่าคุณกำลังดู **กราฟ 5 นาที (M5)** และพบว่า:

1. ราคาได้ลงมาทดสอบแนวรับที่แข็งแกร่ง (จากกราฟ H1)
2. แท่งเทียน M5 ปัจจุบันเริ่มปิดเป็นแท่งเทียนสีเขียว (Bullish Engulfing Pattern ซึ่งเป็น รูปแบบแท่งเทียนพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์)
3. ตัวบ่งชี้ RSI อยู่ในโซนต่ำกว่า 30 (Oversold)

• • การตัดสินใจ:**

• **ประเภท Option:** Call option (คาดว่าราคาจะขึ้น)
• **ราคาใช้สิทธิ:** ราคาตลาดปัจจุบัน ณ เวลาที่กดซื้อ (สมมติว่าคือ 1.08500)
• **เวลาหมดอายุ:** เนื่องจากสัญญาณมาจาก M5 เราควรให้เวลาตลาดในการยืนยันการกลับตัวอย่างน้อย 2-3 เท่า จึงเลือกหมดอายุที่ **15 นาที** (เพื่อให้ราคามีเวลาดีดตัวขึ้นจากแนวรับ)

องค์ประกอบ	การตัดสินใจในสถานการณ์จำลอง	เหตุผล
กรอบเวลาวิเคราะห์	M5	เพื่อจับจังหวะการกลับตัวระยะสั้น
สัญญาณหลัก	Bullish Engulfing ที่แนวรับ	ยืนยันการกลับตัวขึ้น
ราคาใช้สิทธิ	ราคาตลาด ณ ขณะนั้น (1.08500)	เป็นมาตรฐานสำหรับ High/Low Options
เวลาหมดอายุ	15 นาที	สอดคล้องกับ 3 เท่าของกรอบเวลาวิเคราะห์ (3 x M5)

หากคุณเลือกหมดอายุเพียง 1 นาที โอกาสที่ราคาจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอาจไม่เพียงพอ ทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร แม้ว่าสัญญาณจะถูกต้องก็ตาม

ข้อควรระวังและขีดจำกัดของราคาใช้สิทธิและเวลาหมดอายุ

การทำความเข้าใจข้อจำกัดเป็นส่วนสำคัญของ การบริหารความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชัน

1. ความผันผวน (Volatility)

ความผันผวนของตลาดเป็นศัตรูตัวฉกาจของการเลือกเวลาหมดอายุที่แม่นยำ

• **ตลาดที่มีความผันผวนสูง:** ราคาเคลื่อนไหวรวดเร็ว การเลือกเวลาหมดอายุที่ยาวเกินไปอาจทำให้ราคาเคลื่อนที่กลับเข้าสู่โซนที่คุณคาดการณ์ไว้ตอนแรก (Reversion) หรือทำให้สัญญาณก่อนหน้าหมดความน่าเชื่อถือ
• **ตลาดที่ไม่มีทิศทาง (Sideways):** การเลือกเวลาหมดอายุที่สั้นมากอาจทำให้เกิดผลลัพธ์แบบสุ่ม (50/50) เนื่องจากไม่มีโมเมนตัมที่ชัดเจน

1. การพึ่งพาปัจจัยภายนอก

การเลือกเวลาหมดอายุที่ตรงกับช่วงเวลาประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ (เช่น Non-Farm Payrolls หรือการประชุมธนาคารกลาง) เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลานั้นมักจะรุนแรงและคาดเดาได้ยากมาก แม้ว่าคุณจะใช้การวิเคราะห์ Elliott wave หรือรูปแบบกราฟใดๆ ก็ตาม การเทรดในช่วงข่าวอาจต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างออกไป หรือหลีกเลี่ยงไปก่อน กลยุทธ์การเล่นเกม

1. ความคาดหวังที่เป็นจริง

ผู้เริ่มต้นมักคาดหวังว่าจะมี "สูตรสำเร็จ" ในการเลือกเวลาหมดอายุที่สมบูรณ์แบบ แต่ในความเป็นจริง เวลาหมดอายุที่เหมาะสมที่สุดคือเวลาที่ให้โอกาสแก่การวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณในการแสดงผลลัพธ์อย่างสมบูรณ์

• อย่าคาดหวังว่าการเทรด 60 วินาที จะทำกำไรได้สม่ำเสมอเท่าการเทรด 15 นาที หากคุณยังไม่มีประสบการณ์
• ให้เน้นที่การสร้างความสม่ำเสมอในการเลือกเวลาหมดอายุที่สอดคล้องกับกรอบเวลาที่คุณวิเคราะห์ได้ดีที่สุดก่อน

สรุป: การบูรณาการการตัดสินใจ

การเลือกเวลาหมดอายุและราคาใช้สิทธิไม่ใช่การเลือกแยกส่วน แต่เป็นการบูรณาการระหว่างการวิเคราะห์ตลาดและกลยุทธ์การเทรดของคุณ

1. **ราคาใช้สิทธิ** ถูกกำหนดโดยราคาตลาดปัจจุบัน (สำหรับ Call/Put พื้นฐาน) ดังนั้นหน้าที่ของคุณคือการเลือก **จังหวะ** ที่จะเข้าซื้อ ณ จุดที่ราคาตลาดนั้นมีความได้เปรียบทางสถิติ (เช่น ใกล้แนวรับ/แนวต้าน)
2. **เวลาหมดอายุ** คือตัวกำหนด "ระยะเวลา" ที่คุณให้โอกาสแก่เหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้น ซึ่งต้องสัมพันธ์กับความเร็วของการเคลื่อนไหวที่คาดหวังตามกรอบเวลาที่คุณใช้ในการวิเคราะห์

การฝึกฝนการจับคู่สัญญาณ (เช่น แท่งเทียน 1 นาที) กับเวลาหมดอายุที่สั้น (เช่น 3 นาที) และการจับคู่สัญญาณระยะยาว (เช่น แนวโน้ม H4) กับเวลาหมดอายุที่ยาว (เช่น 4 ชั่วโมง) อย่างสม่ำเสมอ จะนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในการเทรด Binary option

ดูเพิ่มเติม (บนไซต์นี้)

• องค์ประกอบของแพลตฟอร์มไบนารี่ออปชัน
• การบริหารความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชัน
• การควบคุมอารมณ์และวินัยในการซื้อขาย
• รูปแบบแท่งเทียนพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์

บทความแนะนำ

• การเลือกโบรกเกอร์สำหรับซื้อขาย Options แบบ Binary ต้องพิจารณาปัจจัยใดบ้าง?
• การเลือกสินทรัพย์ เวลาซื้อขาย และรูปแบบการจ่ายเงิน
• การเลือกคู่สกุลเงิน

Recommended Binary Options Platforms

Platform	Why beginners choose it	Register / Offer
IQ Option	Simple interface, popular asset list, quick order entry	IQ Option Registration
Pocket Option	Fast execution, tournaments, multiple expiration choices	Pocket Option Registration

Join Our Community

Subscribe to our Telegram channel @copytradingall for analytics, free signals, and much more!