การเทรด Swing Trading

1. 1. การเทรด Swing Trading

การเทรด Swing Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายระยะกลางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในกรอบเวลาที่ยาวนานกว่าการเทรดแบบ Day Trading แต่สั้นกว่าการเทรดแบบ Position Trading บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Swing Trading สำหรับผู้เริ่มต้น ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน กลยุทธ์ที่ใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่จำเป็น รวมถึงการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นเทรด Swing Trading ได้อย่างมั่นใจ

1. 1. 1. 1. Swing Trading คืออะไร?

Swing Trading คือการถือครองสินทรัพย์ (เช่น หุ้น, ฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์, หรือในกรณีนี้คือ สัญญาไบนารี่ออปชั่น) เป็นเวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจาก “Swing” หรือช่วงการเคลื่อนไหวของราคา โดยนักเทรด Swing Trading จะพยายามจับจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ หรือจุดกลับตัวของแนวโน้มเดิม เพื่อเข้าซื้อหรือขายสินทรัพย์นั้นๆ และถือไว้จนกว่าราคาจะถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ หรือเมื่อสัญญาณบ่งบอกว่าแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน

แตกต่างจากการเทรดแบบ Day Trading ที่เน้นการทำกำไรภายในวันเดียว Swing Trading อนุญาตให้นักเทรดมีเวลาในการวิเคราะห์และตัดสินใจมากขึ้น และไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา ทำให้เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีงานประจำ หรือผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเทรด

1. 1. 1. 2. ข้อดีและข้อเสียของ Swing Trading

เช่นเดียวกับกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ Swing Trading ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจนำไปใช้

• • ข้อดี:**

• **ใช้เวลาน้อยกว่า:** ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาเหมือน Day Trading
• **โอกาสในการทำกำไรสูง:** สามารถทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะยาวได้
• **ความเสี่ยงต่ำกว่า:** เมื่อเทียบกับ Day Trading เนื่องจากมีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น
• **เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น:** เข้าใจง่ายกว่ากลยุทธ์ที่ซับซ้อนอื่นๆ

• • ข้อเสีย:**

• **ต้องใช้ความอดทน:** อาจต้องรอหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผลกำไร
• **ความเสี่ยงจาก Gap:** ราคาอาจเปิดกระโดดข้ามช่วงราคาที่คาดการณ์ไว้ (Gap) ในวันรุ่งขึ้น ทำให้เกิดการขาดทุนได้
• **ต้องมีความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค:** จำเป็นต้องเข้าใจเครื่องมือและรูปแบบราคาต่างๆ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม
• **อาจพลาดโอกาส:** หากวิเคราะห์ผิดพลาด อาจพลาดโอกาสในการทำกำไร

1. 1. 1. 3. การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับ Swing Trading

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (การวิเคราะห์ทางเทคนิค) เป็นหัวใจสำคัญของการเทรด Swing Trading เครื่องมือและรูปแบบราคาที่สำคัญที่นักเทรด Swing Trading ควรเรียนรู้มีดังนี้:

• **แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance):** ระดับราคาที่ราคาเคยหยุด หรือกลับตัว
• **แนวโน้ม (Trend):** ทิศทางหลักของการเคลื่อนที่ของราคา (แนวโน้มขึ้น, แนวโน้มลง, แนวโน้ม sideways)
• **เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและจุดกลับตัว
• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
• **RSI (Relative Strength Index):** ใช้เพื่อวัดระดับความแข็งแกร่งของราคา และระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
• **Fibonacci Retracement:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น
• **รูปแบบราคา (Chart Patterns):** เช่น Head and Shoulders, Double Top/Bottom, Triangles เป็นต้น

การรวมเครื่องมือเหล่านี้เข้าด้วยกันจะช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้อย่างแม่นยำ และตัดสินใจเข้าซื้อหรือขายได้อย่างมีเหตุผล

1. 1. 1. 4. กลยุทธ์ Swing Trading ที่นิยม

มีกลยุทธ์ Swing Trading มากมายที่นักเทรดสามารถนำไปปรับใช้ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่รับได้ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยม:

• **Breakout Strategy:** การเข้าเทรดเมื่อราคาBreakout ผ่านแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ กลยุทธ์นี้อาศัยการคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางของ Breakout กลยุทธ์ Breakout
• **Pullback Strategy:** การเข้าเทรดเมื่อราคาPullback หรือปรับตัวลงในแนวโน้มขึ้น หรือปรับตัวขึ้นในแนวโน้มลง กลยุทธ์นี้อาศัยการคาดการณ์ว่าแนวโน้มเดิมจะกลับมาดำเนินต่อไป กลยุทธ์ Pullback
• **Moving Average Crossover:** การเข้าเทรดเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เส้นสั้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เส้นยาวขึ้น (สัญญาณซื้อ) หรือตัดลง (สัญญาณขาย) Moving Average Crossover
• **Trend Following:** การเข้าเทรดตามแนวโน้มหลักของราคา โดยมองหาจุดเข้าเทรดที่เหมาะสมเมื่อราคาปรับตัวกลับมาในแนวโน้ม Trend Following
• **Pin Bar Strategy:** การระบุแท่งเทียน Pin Bar ที่แสดงถึงการกลับตัวของราคา Pin Bar Strategy
• **Inside Bar Strategy:** การระบุแท่งเทียน Inside Bar ที่เกิดขึ้นภายในแท่งเทียนก่อนหน้า และใช้เป็นสัญญาณในการเข้าเทรด Inside Bar Strategy
• **Engulfing Pattern Strategy:** การระบุรูปแบบ Engulfing ที่แสดงถึงการกลับตัวของราคา Engulfing Pattern Strategy
• **Three White Soldiers/Black Crows:** การระบุรูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม Three White Soldiers/Black Crows
• **Harmonic Patterns:** การใช้รูปแบบ Harmonic เช่น Butterfly, Crab, Bat เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคา Harmonic Patterns
• **Elliott Wave Theory:** การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของราคาตามคลื่น Elliott เพื่อคาดการณ์แนวโน้ม Elliott Wave Theory
• **Ichimoku Cloud:** การใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้ม, แนวรับ/แนวต้าน และสัญญาณการซื้อ/ขาย Ichimoku Cloud
• **Bollinger Bands:** การใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคาและระบุสภาวะซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป Bollinger Bands
• **Stochastic Oscillator:** การใช้ Stochastic Oscillator เพื่อระบุสภาวะซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป และสัญญาณการกลับตัว Stochastic Oscillator
• **Volume Spread Analysis (VSA):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายร่วมกับการเคลื่อนที่ของราคาเพื่อทำความเข้าใจแรงซื้อขายในตลาด Volume Spread Analysis
• **Market Profile:** การวิเคราะห์การกระจายตัวของราคาในช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อทำความเข้าใจระดับราคาที่สำคัญ Market Profile

1. 1. 1. 5. การบริหารความเสี่ยงในการเทรด Swing Trading

การบริหารความเสี่ยง (การบริหารความเสี่ยง) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด Swing Trading เพื่อป้องกันการขาดทุนที่เกินความคาดหมาย หลักการสำคัญที่ควรยึดถือ ได้แก่:

• **กำหนดขนาด Position:** ไม่ควรเสี่ยงเกิน 2-5% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง
• **ตั้ง Stop Loss:** กำหนดระดับราคาที่ยอมรับได้หากราคาเคลื่อนที่สวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ และตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุน
• **ตั้ง Take Profit:** กำหนดระดับราคาที่เป็นเป้าหมายกำไร และตั้ง Take Profit เพื่อล็อกกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมาย
• **ใช้ Risk/Reward Ratio:** เลือกเทรดที่มี Risk/Reward Ratio ที่เหมาะสม (เช่น 1:2 หรือ 1:3) ซึ่งหมายความว่ากำไรที่คาดหวังควรมากกว่าการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
• **กระจายความเสี่ยง:** ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง

1. 1. 1. 6. Swing Trading กับ ไบนารี่ออปชั่น

ในตลาด ไบนารี่ออปชั่น การเทรด Swing Trading จะมีความแตกต่างจากตลาดอื่นๆ เนื่องจากลักษณะของสัญญาไบนารี่ออปชั่นที่มีการจ่ายผลตอบแทนแบบ Fix (กำหนดไว้ล่วงหน้า) นักเทรด Swing Trading ในไบนารี่ออปชั่นจะต้องวิเคราะห์แนวโน้มและเลือกสัญญาที่มีวันหมดอายุที่เหมาะสมกับกรอบเวลาที่คาดการณ์ไว้

ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นภายใน 2-3 วันข้างหน้า ก็สามารถเลือกซื้อสัญญา Call Option ที่มีวันหมดอายุภายในระยะเวลาดังกล่าวได้

1. 1. 1. 7. สรุป

การเทรด Swing Trading เป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ดี หากนักเทรดมีความรู้ความเข้าใจในเครื่องมือและรูปแบบราคาต่างๆ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ การเริ่มต้นด้วยการศึกษาและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาทักษะการเทรด Swing Trading และประสบความสำเร็จในตลาดการเงินได้

การวิเคราะห์เชิงปริมาณ สามารถช่วยเสริมการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อีกด้วย

ตัวอย่างการเปรียบเทียบกลยุทธ์การเทรด

Day Trading | Swing Trading | Position Trading |
นาที, ชั่วโมง | วัน, สัปดาห์ | เดือน, ปี |	สูง | ปานกลาง | ต่ำ |	สูง | ปานกลาง | ต่ำ |	มาก | ปานกลาง | น้อย |	สูง | ปานกลาง | ปานกลาง |

การจัดการเงินทุน และ จิตวิทยาการเทรด ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการใช้กลยุทธ์ต่างๆ

การใช้โปรแกรมช่วยวิเคราะห์ สามารถช่วยให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นไปได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะโบรกเกอร์แต่ละรายมีเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน

การติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ สามารถช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มราคาได้อีกด้วย

การบันทึกผลการเทรด จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง และปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การเรียนรู้จากความผิดพลาด เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการเทรด

การใช้เครื่องมือ Backtesting จะช่วยให้คุณสามารถทดสอบกลยุทธ์การเทรดกับข้อมูลในอดีต เพื่อประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์นั้นๆ

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่า Spread และ Commission จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณต้นทุนในการเทรดได้อย่างถูกต้อง

การใช้ Economic Calendar จะช่วยให้คุณสามารถติดตามข่าวสารเศรษฐกิจที่อาจมีผลกระทบต่อตลาด

การเรียนรู้เกี่ยวกับการ Leverage จะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Leverage

การศึกษาเกี่ยวกับตลาดต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกตลาดที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

การใช้ Indicator Combination จะช่วยให้คุณสามารถยืนยันสัญญาณการซื้อ/ขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Volatility จะช่วยให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์การเทรดให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด

การใช้ Risk Management Tools จะช่วยให้คุณสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การศึกษาเกี่ยวกับ Order Types ต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถใช้คำสั่งซื้อขายได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น