การเทรดตามการ Breakout

บทนำ

การเทรดตามการ Breakout เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดไบนารี่ออปชั่น เนื่องจากมีความเรียบง่ายและมีศักยภาพในการทำกำไรที่น่าสนใจ กลยุทธ์นี้อาศัยการสังเกตการทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญของราคา และคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ไปในทิศทางของการทะลุนั้น บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดตามการ Breakout สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงวิธีการระบุแนวต้านและแนวรับ การยืนยันสัญญาณ และการจัดการความเสี่ยง

แนวคิดพื้นฐานของการ Breakout

การ Breakout เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ทะลุผ่านแนวต้าน (Resistance) หรือแนวรับ (Support) ที่สำคัญ แนวต้านคือระดับราคาที่คาดว่าจะจำกัดการเคลื่อนที่ขึ้นของราคา ในขณะที่แนวรับคือระดับราคาที่คาดว่าจะจำกัดการเคลื่อนที่ลงของราคา เมื่อราคาทะลุผ่านแนวเหล่านี้ แสดงว่าแรงซื้อหรือแรงขายมีมากพอที่จะเอาชนะแรงกดดันจากแนวต้านหรือแนวรับนั้น ทำให้ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางใหม่

• **แนวต้าน (Resistance):** ระดับราคาที่ราคาเคยพยายามขึ้นไปแต่ไม่สำเร็จหลายครั้ง มักถูกมองว่าเป็นเพดานของราคา
• **แนวรับ (Support):** ระดับราคาที่ราคาเคยลงมาแตะแล้วเด้งกลับขึ้นมาหลายครั้ง มักถูกมองเป็นพื้นของราคา
• **การทะลุ (Breakout):** การที่ราคาเคลื่อนที่ผ่านแนวต้านหรือแนวรับด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น

การระบุแนวต้านและแนวรับ

การระบุแนวต้านและแนวรับที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดตามการ Breakout มีหลายวิธีในการระบุแนวเหล่านี้:

1. **การสังเกตจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด:** มองหาจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ของราคาในช่วงเวลาที่ผ่านมา จุดสูงสุดก่อนหน้าอาจเป็นแนวต้านในอนาคต ในขณะที่จุดต่ำสุดก่อนหน้าอาจเป็นแนวรับในอนาคต 2. **เส้นแนวโน้ม (Trend Lines):** ลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดต่ำสุดที่ต่อเนื่องกัน (สำหรับแนวรับ) หรือจุดสูงสุดที่ต่อเนื่องกัน (สำหรับแนวต้าน) เส้นเหล่านี้สามารถช่วยระบุแนวต้านและแนวรับที่ชัดเจนได้ 3. **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถใช้เป็นแนวรับหรือแนวต้านแบบไดนามิกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน 4. **ระดับ Fibonacci Retracement:** ใช้Fibonacci Retracementเพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญตามสัดส่วน Fibonacci 5. **Pivot Points:** Pivot Points เป็นเครื่องมือที่คำนวณจากราคา High, Low, และ Close ของช่วงเวลาที่กำหนด และใช้ระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ

ตัวอย่างการระบุแนวรับและแนวต้าน

วิธีการ	คำอธิบาย	ตัวอย่าง
จุดสูงสุด/ต่ำสุด	สังเกตจุดสูงสุดและต่ำสุดก่อนหน้า	จุดสูงสุดล่าสุดคือ 1.1000 อาจเป็นแนวต้าน, จุดต่ำสุดล่าสุดคือ 1.0500 อาจเป็นแนวรับ
เส้นแนวโน้ม	ลากเส้นเชื่อมจุดต่ำสุด/สูงสุดต่อเนื่องกัน	ลากเส้นเชื่อมจุดต่ำสุดที่ 1.0500, 1.0600, 1.0700 เป็นแนวรับ
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่	ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว	ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ที่ 1.0800 เป็นแนวรับ/แนวต้าน
Fibonacci	ใช้ระดับ Fibonacci Retracement	ระดับ 61.8% Fibonacci ที่ 1.0650 เป็นแนวรับ

การยืนยันสัญญาณ Breakout

การระบุการ Breakout เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจเทรด จำเป็นต้องมีการยืนยันสัญญาณเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร:

1. **ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** การ Breakout ที่แท้จริงมักจะมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากปริมาณการซื้อขายต่ำ แสดงว่าการทะลุนั้นอาจเป็นเพียงการแกว่งตัวของราคา (False Breakout) 2. **การยืนยันด้วย Indicator:** ใช้Indicatorทางเทคนิคต่างๆ เช่น MACD, RSI, หรือ Stochastic Oscillator เพื่อยืนยันสัญญาณ Breakout ตัวอย่างเช่น หาก MACD ตัดเส้นสัญญาณขึ้นในขณะที่ราคาทะลุแนวต้าน แสดงว่าเป็นสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง 3. **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):** มองหารูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม เช่น Engulfing Pattern, Hammer, หรือ Morning Star 4. **Retest:** หลังจาก Breakout ราคาอาจกลับมาทดสอบ (Retest) แนวรับหรือแนวต้านเดิม หากราคาสามารถรักษาการ Breakout และไม่กลับไปต่ำกว่าแนวรับหรือสูงกว่าแนวต้าน แสดงว่าสัญญาณนั้นแข็งแกร่ง

กลยุทธ์การเทรดตามการ Breakout ในไบนารี่ออปชั่น

มีหลายกลยุทธ์การเทรดตามการ Breakout ที่สามารถนำไปใช้ในไบนารี่ออปชั่น:

1. **Call Option (ซื้อ):** เมื่อราคาทะลุแนวต้านด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น และได้รับการยืนยันด้วย Indicator ให้เปิด Call Option โดยคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ขึ้น 2. **Put Option (ขาย):** เมื่อราคาทะลุแนวรับด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น และได้รับการยืนยันด้วย Indicator ให้เปิด Put Option โดยคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ลง 3. **การเทรด Breakout แบบ Pullback:** รอให้ราคา Breakout และเกิดการ Pullback (การย่อตัว) กลับไปที่แนวรับหรือแนวต้านเดิม แล้วจึงเปิด Option ในทิศทางของการ Breakout 4. **การเทรด Breakout แบบ False Breakout:** จับการ False Breakout โดยการสังเกตปริมาณการซื้อขายที่ต่ำ และการที่ราคาไม่สามารถรักษาการ Breakout ได้ จากนั้นเปิด Option ในทิศทางตรงกันข้าม

การจัดการความเสี่ยง

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดตามการ Breakout:

1. **Stop Loss:** กำหนดระดับ Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนหากการ Breakout ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ 2. **ขนาด Position:** กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม โดยไม่ควรเสี่ยงเกิน 5-10% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง 3. **การกระจายความเสี่ยง (Diversification):** เทรดในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง 4. **การวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio):** เลือกเทรดที่มี Risk-Reward Ratio ที่เหมาะสม เช่น 1:2 หรือ 1:3 5. **การติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์

ตัวอย่างการเทรด

สมมติว่าคุณสังเกตเห็นว่าราคา EUR/USD เคลื่อนที่อยู่ในกรอบระหว่าง 1.0800 (แนวต้าน) และ 1.0600 (แนวรับ) คุณสังเกตเห็นว่าราคาเริ่มทะลุแนวต้านที่ 1.0800 ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น และ MACD ก็ตัดเส้นสัญญาณขึ้น

• **การตัดสินใจ:** เปิด Call Option โดยคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ขึ้น
• **การหมดอายุ (Expiration Time):** เลือกการหมดอายุที่ 15-30 นาที
• **การจัดการความเสี่ยง:** กำหนด Stop Loss ที่ 1.0780 เพื่อจำกัดการขาดทุน

ข้อควรระวัง

• **False Breakout:** การ Breakout ที่ไม่เป็นจริงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ดังนั้นการยืนยันสัญญาณจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
• **ความผันผวนของตลาด (Market Volatility):** ตลาดที่มีความผันผวนสูงอาจทำให้เกิดการ Breakout ที่ผิดพลาดได้
• **ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ:** ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญสามารถส่งผลกระทบต่อราคาอย่างรวดเร็ว ทำให้การ Breakout ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

แนวทางเพิ่มเติม

• ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบ Chart และวิธีการอ่านกราฟราคา
• ทดลองใช้กลยุทธ์ Breakout ในบัญชี Demo ก่อนที่จะเทรดด้วยเงินจริง
• ติดตามและเรียนรู้จากนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ
• ปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณอยู่เสมอตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง

สรุป

การเทรดตามการ Breakout เป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสำหรับการเทรดไบนารี่ออปชั่น การระบุแนวต้านและแนวรับที่แม่นยำ การยืนยันสัญญาณ และการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร การฝึกฝนและปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณอยู่เสมอจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรดตามการ Breakout ได้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน การจัดการเงินทุน กลยุทธ์การเทรด ไบนารี่ออปชั่นคืออะไร Candlestick Chart Bollinger Bands การเทรดตามแนวโน้ม การเทรดแบบ Scalping การเทรดแบบ Day Trading การเทรดแบบ Swing Trading สามเหลี่ยม (Triangles) ธง (Flags) Pennants Head and Shoulders Double Top Double Bottom การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น