รูปแบบ Chart

รูปแบบ Chart สำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เริ่มต้นเกี่ยวกับการทำความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากรูปแบบ Chart ในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น การอ่าน Chart อย่างถูกต้องเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน และการจดจำรูปแบบ Chart ต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการคาดการณ์ทิศทางราคาและตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทนำเกี่ยวกับรูปแบบ Chart

รูปแบบ Chart คือการจัดเรียงตัวของราคาในอดีตบนกราฟที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต รูปแบบเหล่านี้เกิดขึ้นจากการกระทำของตลาดและจิตวิทยาของนักลงทุน การเรียนรู้ที่จะระบุรูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถ:

**คาดการณ์ทิศทางราคา:** รูปแบบ Chart บางอย่างบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ในขณะที่รูปแบบอื่นๆ บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (Downtrend) หรือช่วงราคาคงที่ (Sideways)
**กำหนดจุดเข้าและออก:** รูปแบบ Chart สามารถช่วยระบุจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม (Entry Point) และจุดทำกำไรหรือตัดขาดทุน (Take Profit/Stop Loss)
**ประเมินความเสี่ยง:** รูปแบบ Chart บางรูปแบบมีความน่าเชื่อถือมากกว่ารูปแบบอื่นๆ การเข้าใจระดับความน่าเชื่อถือจะช่วยในการประเมินความเสี่ยงของการเทรด

ประเภทของรูปแบบ Chart

รูปแบบ Chart สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่:

**รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns):** รูปแบบเหล่านี้บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มปัจจุบันและจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่
**รูปแบบการต่อเนื่อง (Continuation Patterns):** รูปแบบเหล่านี้บ่งบอกถึงการพักตัวชั่วคราวของแนวโน้มปัจจุบัน ก่อนที่จะดำเนินต่อไปในทิศทางเดิม
**รูปแบบ Chart แบบคลาสสิก (Classic Chart Patterns):** รูปแบบเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเทรดและมีการใช้งานมาอย่างยาวนาน

รูปแบบการกลับตัว

**Head and Shoulders (หัวและไหล่):** เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น ประกอบด้วยจุดสูงสุด 3 จุด โดยจุดสูงสุดตรงกลาง (Head) จะสูงกว่าจุดสูงสุดอื่นๆ (Shoulders) การทะลุแนวคอ (Neckline) จะเป็นสัญญาณขาย

   *   กลยุทธ์การเทรด Head and Shoulders
   *   การยืนยันสัญญาณ Head and Shoulders

**Inverse Head and Shoulders (หัวและไหล่กลับด้าน):** เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง ประกอบด้วยจุดต่ำสุด 3 จุด โดยจุดต่ำสุดตรงกลาง (Head) จะต่ำกว่าจุดต่ำสุดอื่นๆ (Shoulders) การทะลุแนวคอ (Neckline) จะเป็นสัญญาณซื้อ

   *   การใช้ Volume Confirmation ใน Inverse Head and Shoulders

**Double Top (ยอดคู่):** เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น โดยราคาพุ่งขึ้นแล้วตกลงมาสองครั้งในระดับราคาใกล้เคียงกัน การทะลุแนวรับที่เกิดจากการเชื่อมจุดต่ำสุดระหว่างสองยอด จะเป็นสัญญาณขาย

   *   การใช้ RSI เพื่อยืนยัน Double Top

**Double Bottom (ฐานคู่):** เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง โดยราคาตกลงมาแล้วดีดขึ้นสองครั้งในระดับราคาใกล้เคียงกัน การทะลุแนวต้านที่เกิดจากการเชื่อมจุดสูงสุดระหว่างสองฐาน จะเป็นสัญญาณซื้อ

   *   การใช้ Moving Average เพื่อยืนยัน Double Bottom

**Rounding Bottom (ฐานกลม):** เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น โดยราคาเคลื่อนที่ในลักษณะโค้งมนคล้ายครึ่งวงกลม

   *   การใช้ MACD เพื่อยืนยัน Rounding Bottom

รูปแบบการต่อเนื่อง

**Triangle (สามเหลี่ยม):** มีสามประเภทคือ Ascending Triangle (สามเหลี่ยมขึ้น), Descending Triangle (สามเหลี่ยมลง), และ Symmetrical Triangle (สามเหลี่ยมสมมาตร)

   *   **Ascending Triangle:** บ่งบอกถึงการพักตัวก่อนที่แนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป
   *   **Descending Triangle:** บ่งบอกถึงการพักตัวก่อนที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป
   *   **Symmetrical Triangle:** บ่งบอกถึงการพักตัวโดยไม่สามารถระบุทิศทางของแนวโน้มได้อย่างชัดเจน
   *   การเทรด Ascending Triangle ด้วย Breakout Strategy

**Flag (ธง):** เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการพักตัวสั้นๆ ในแนวโน้มที่แข็งแกร่ง โดยราคาเคลื่อนที่ในลักษณะคล้ายธง

   *   การใช้ Fibonacci Retracement ใน Flag Pattern

**Pennant (ป้าย):** คล้ายกับ Flag แต่มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมที่เล็กกว่าและมีระยะเวลาพักตัวสั้นกว่า

   *   การใช้ Volume Analysis ใน Pennant Pattern

**Rectangle (สี่เหลี่ยมผืนผ้า):** เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการพักตัวในแนวโน้มปัจจุบัน โดยราคาเคลื่อนที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม

   *   การใช้ Bollinger Bands เพื่อยืนยัน Rectangle Pattern