Option Pricing
- Option Pricing
การกำหนดราคาออปชั่น (Option Pricing) เป็นหัวใจสำคัญของการซื้อขาย อนุพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด ไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาออปชั่น และแบบจำลองการกำหนดราคาต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานของการกำหนดราคาออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น โดยเน้นที่แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับไบนารี่ออปชั่น
- ออปชั่นคืออะไร?
ออปชั่น เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ์ (แต่ไม่บังคับ) แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (ราคาใช้สิทธิ) ภายในระยะเวลาที่กำหนด ออปชั่นมีสองประเภทหลัก:
- **Call Option:** ให้สิทธิ์ในการ *ซื้อ* สินทรัพย์อ้างอิง
- **Put Option:** ให้สิทธิ์ในการ *ขาย* สินทรัพย์อ้างอิง
ในตลาดไบนารี่ออปชั่น รูปแบบจะง่ายกว่ามาก ผู้เทรดเดอร์เพียงแค่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะ *สูงกว่า* หรือ *ต่ำกว่า* ราคาใช้สิทธิ ณ เวลาหมดอายุ หากคาดการณ์ถูกต้อง จะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากคาดการณ์ผิด จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
- ปัจจัยที่มีผลต่อราคาออปชั่น
ราคาของออปชั่นได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ:
1. **ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง:** โดยทั่วไปแล้ว หากราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิงสูงกว่าราคาใช้สิทธิ (สำหรับ Call Option) หรือต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ (สำหรับ Put Option) ราคาของออปชั่นก็จะสูงขึ้น 2. **ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** ราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่า (สำหรับ Call Option) หรือสูงกว่า (สำหรับ Put Option) จะทำให้ราคาออปชั่นสูงขึ้น 3. **ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ (Time to Expiration):** ยิ่งมีเวลาเหลือจนถึงวันหมดอายุมากเท่าไหร่ โอกาสที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการก็จะยิ่งมากขึ้น ทำให้ราคาออปชั่นสูงขึ้น 4. **ความผันผวน (Volatility):** ความผันผวนคือการวัดระดับการเปลี่ยนแปลงของราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ยิ่งความผันผวนสูง ราคาออปชั่นก็จะสูงขึ้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ราคาจะเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ 5. **อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate):** อัตราดอกเบี้ยมีผลต่อต้นทุนในการถือครองสินทรัพย์อ้างอิง และมีผลต่อราคาออปชั่นในระดับหนึ่ง 6. **เงินปันผล (Dividends):** สำหรับสินทรัพย์อ้างอิงที่เป็นหุ้น เงินปันผลจะลดราคาของหุ้นเมื่อจ่าย ดังนั้นจึงมีผลต่อราคาออปชั่น
- แบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่น
มีแบบจำลองทางคณิตศาสตร์หลายแบบที่ใช้ในการกำหนดราคาออปชั่น แบบจำลองที่รู้จักกันดีที่สุดคือ:
- **Black-Scholes Model:** เป็นแบบจำลองที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการกำหนดราคาออปชั่นแบบยุโรป (European Option) ซึ่งสามารถใช้ได้เฉพาะเมื่อวันหมดอายุของออปชั่นมาถึงหนึ่งครั้งเท่านั้น แบบจำลองนี้ใช้สมมติฐานหลายประการ เช่น ตลาดมีประสิทธิภาพ ความผันผวนคงที่ และไม่มีต้นทุนในการทำธุรกรรม
- **Binomial Option Pricing Model (BOPM):** เป็นแบบจำลองที่ใช้ในการกำหนดราคาออปชั่นแบบอเมริกัน (American Option) ซึ่งสามารถใช้ได้ตลอดอายุของออปชั่น แบบจำลองนี้สร้างต้นไม้ (Tree) ของราคาที่เป็นไปได้ของสินทรัพย์อ้างอิงในช่วงเวลาต่างๆ และคำนวณราคาออปชั่นโดยการทำงานย้อนกลับจากวันหมดอายุ
- สำหรับไบนารี่ออปชั่น:** เนื่องจากไบนารี่ออปชั่นมีโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า การกำหนดราคาจึงมักจะไม่ซับซ้อนเท่ากับการใช้แบบจำลอง Black-Scholes หรือ BOPM ราคาไบนารี่ออปชั่นมักจะขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ณ เวลาหมดอายุ
- การกำหนดราคาไบนารี่ออปชั่นในทางปฏิบัติ
การกำหนดราคาไบนารี่ออปชั่นในทางปฏิบัติเกี่ยวข้องกับการประเมินความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่ต้องการ (เช่น ราคาจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ) และปรับราคาเพื่อให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์สามารถทำกำไรได้
ขั้นตอนทั่วไปในการกำหนดราคาไบนารี่ออปชั่น:
1. **ประเมินความผันผวน:** คำนวณความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิงโดยใช้ข้อมูลในอดีตหรือข้อมูลตลาดปัจจุบัน 2. **คำนวณความน่าจะเป็น:** ใช้ความผันผวนเพื่อคำนวณความน่าจะเป็นที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ ณ เวลาหมดอายุ 3. **กำหนดผลตอบแทน:** กำหนดผลตอบแทนที่เสนอให้กับผู้เทรดเดอร์หากคาดการณ์ถูกต้อง 4. **คำนวณราคาออปชั่น:** คำนวณราคาออปชั่นโดยใช้สูตรที่คำนึงถึงความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่ต้องการ ผลตอบแทน และอัตรากำไรที่ต้องการของโบรกเกอร์
- สูตรอย่างง่ายสำหรับการกำหนดราคาไบนารี่ออปชั่น:**
ราคาออปชั่น = (ความน่าจะเป็นที่จะชนะ x ผลตอบแทน) – (ความน่าจะเป็นที่จะแพ้ x เงินลงทุน)
เนื่องจากความน่าจะเป็นที่จะชนะ + ความน่าจะเป็นที่จะแพ้ = 1 สูตรสามารถลดรูปได้เป็น:
ราคาออปชั่น = (ความน่าจะเป็นที่จะชนะ x ผลตอบแทน) – (1 – ความน่าจะเป็นที่จะชนะ) x เงินลงทุน
- กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดราคา
การเข้าใจการกำหนดราคาออปชั่นสามารถช่วยให้คุณเลือกกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสมได้ ตัวอย่างเช่น:
- **การซื้อออปชั่นเมื่อความผันผวนสูง:** หากคุณคาดว่าความผันผวนจะเพิ่มขึ้น คุณสามารถซื้อออปชั่นเพื่อทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาออปชั่น
- **การขายออปชั่นเมื่อความผันผวนต่ำ:** หากคุณคาดว่าความผันผวนจะลดลง คุณสามารถขายออปชั่นเพื่อทำกำไรจากการลดลงของราคาออปชั่น
- **Straddle:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเมื่อคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่แน่ใจว่าทิศทางใด
- **Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้มีต้นทุนต่ำกว่า Straddle แต่ต้องมีการเคลื่อนไหวของราคาที่มากกว่าเพื่อให้ได้กำไร
- **การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น แนวรับและแนวต้าน Moving Averages และ RSI สามารถช่วยในการประเมินความน่าจะเป็นของทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา และช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายออปชั่น
- **การใช้การวิเคราะห์พื้นฐาน:** การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น รายงานผลประกอบการ ข่าวเศรษฐกิจ และ เหตุการณ์ทางการเมือง สามารถช่วยในการประเมินแนวโน้มระยะยาวของสินทรัพย์อ้างอิง และช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายออปชั่น
- การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
- **กำหนดขนาดตำแหน่ง:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
- **ใช้ Stop-Loss:** แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะไม่มี Stop-Loss โดยตรง แต่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงได้โดยการลงทุนในจำนวนเงินที่น้อยลงในแต่ละการซื้อขาย
- **กระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงเพียงอย่างเดียว
- **ทำความเข้าใจความเสี่ยง:** ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น และทำการซื้อขายอย่างมีความรับผิดชอบ
- **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย:** การติดตาม ปริมาณการซื้อขาย สามารถบ่งบอกถึงความสนใจของตลาดในสินทรัพย์อ้างอิง และช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย
- เครื่องมือและแหล่งข้อมูล
- **โบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่น:** เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และได้รับการควบคุม
- **เว็บไซต์ทางการเงิน:** ใช้เว็บไซต์ทางการเงินเพื่อติดตามราคาของสินทรัพย์อ้างอิงและข่าวสารทางการตลาด
- **เครื่องคำนวณออปชั่น:** ใช้เครื่องคำนวณออปชั่นออนไลน์เพื่อช่วยในการกำหนดราคาออปชั่น
- **หนังสือและบทความ:** อ่านหนังสือและบทความเกี่ยวกับการซื้อขายออปชั่นเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของคุณ
- สรุป
การกำหนดราคาออปชั่นเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อราคาออปชั่น แบบจำลองการกำหนดราคา และกลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้อง สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูลและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยง และคุณควรทำการซื้อขายอย่างมีความรับผิดชอบ
| ปัจจัย | ผลกระทบต่อราคา Call Option | ผลกระทบต่อราคา Put Option |
|---|---|---|
| ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง | เพิ่มขึ้นเมื่อราคาสูงกว่าราคาใช้สิทธิ | ลดลงเมื่อราคาสูงกว่าราคาใช้สิทธิ |
| ราคาใช้สิทธิ | ลดลงเมื่อราคาใช้สิทธิต่ำลง | เพิ่มขึ้นเมื่อราคาใช้สิทธิสูงขึ้น |
| ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ | เพิ่มขึ้นเมื่อระยะเวลาเหลือมากขึ้น | เพิ่มขึ้นเมื่อระยะเวลาเหลือมากขึ้น |
| ความผันผวน | เพิ่มขึ้นเมื่อความผันผวนสูงขึ้น | เพิ่มขึ้นเมื่อความผันผวนสูงขึ้น |
| อัตราดอกเบี้ย | เพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น | ลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น |
การบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์ตลาด การลงทุน กลยุทธ์การเทรด การวิเคราะห์เชิงปริมาณ การซื้อขายระยะสั้น การซื้อขายระยะยาว การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง รูปแบบแท่งเทียน Fibonacci Retracement Bollinger Bands MACD Stochastic Oscillator Elliott Wave Theory การซื้อขายตามข่าว การซื้อขายข่าวสาร การซื้อขายตามเหตุการณ์ การจัดการเงินทุน จิตวิทยาการเทรด การทำกำไรอย่างยั่งยืน
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

