การสร้างหนังสือ

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1
    1. การสร้างหนังสือ (Book Building) ในไบนารี่ออปชั่น

การสร้างหนังสือ (Book Building) เป็นกลยุทธ์ขั้นสูงในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น ที่เกี่ยวข้องกับการวางออปชั่นหลายรายการพร้อมกัน เพื่อสร้างสถานการณ์ที่ได้กำไรไม่ว่าทิศทางราคาจะเป็นอย่างไร กลยุทธ์นี้มีความซับซ้อนและต้องการความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาด ความเสี่ยง และการบริหารเงินทุน บทความนี้จะอธิบายหลักการของการสร้างหนังสืออย่างละเอียด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการศึกษาเทคนิคนี้

      1. ความหมายของการสร้างหนังสือ

การสร้างหนังสือในไบนารี่ออปชั่น คือ การรวมออปชั่นหลายรายการเข้าด้วยกัน โดยแต่ละออปชั่นจะมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน จุดประสงค์คือการสร้าง “หนังสือ” ของออปชั่นที่สามารถทำกำไรได้ในหลากหลายสถานการณ์ของตลาด ไม่ว่าราคาจะขึ้น ลง หรืออยู่กับที่ กลยุทธ์นี้คล้ายกับการสร้าง พอร์ตการลงทุน ที่มีความสมดุล แต่มีความซับซ้อนกว่าเนื่องจากเกี่ยวข้องกับเวลาที่จำกัดของออปชั่นไบนารี่

      1. ทำไมต้องใช้การสร้างหนังสือ
  • **ลดความเสี่ยง:** การกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในออปชั่นหลายรายการช่วยลดผลกระทบจากการคาดการณ์ผิดพลาดในออปชั่นใดออปชั่นหนึ่ง
  • **เพิ่มโอกาสในการทำกำไร:** การสร้างหนังสือที่ครอบคลุมสถานการณ์ต่างๆ ของตลาดช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
  • **ควบคุมความเสี่ยง/ผลตอบแทน:** ผู้เทรดสามารถปรับสัดส่วนของออปชั่นแต่ละรายการเพื่อควบคุมระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ต้องการ
  • **ปรับตัวตามตลาด:** กลยุทธ์นี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้เทรดสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
      1. หลักการพื้นฐานของการสร้างหนังสือ

1. **การวิเคราะห์ตลาด:** ก่อนเริ่มสร้างหนังสือ สิ่งสำคัญที่สุดคือการวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจแนวโน้ม (แนวโน้มของราคา ) ระดับแนวรับแนวต้าน ( แนวรับแนวต้าน ) และปัจจัยพื้นฐานที่อาจมีผลกระทบต่อราคา 2. **การเลือกสินทรัพย์:** เลือกสินทรัพย์ที่ต้องการเทรด โดยพิจารณาจากความผันผวน ( ความผันผวนของราคา ) และสภาพคล่องของสินทรัพย์นั้นๆ 3. **การกำหนดขนาดการเทรด:** กำหนดขนาดการเทรดสำหรับแต่ละออปชั่น โดยพิจารณาจากระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และผลตอบแทนที่ต้องการ 4. **การเลือกเวลาหมดอายุ:** เลือกเวลาหมดอายุที่เหมาะสมสำหรับแต่ละออปชั่น โดยพิจารณาจากระยะเวลาที่คาดการณ์ว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อไป 5. **การสร้างสมดุล:** สร้างสมดุลระหว่างออปชั่น Call และ Put โดยพิจารณาจากความเชื่อมั่นในทิศทางของราคา 6. **การบริหารเงินทุน:** บริหารเงินทุนอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่ามีเงินทุนเพียงพอสำหรับเปิดออปชั่นทั้งหมดและรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

      1. ประเภทของการสร้างหนังสือ
  • **หนังสือแบบครอบคลุม (Straddle):** เป็นการซื้อออปชั่น Call และ Put ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และเวลาหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้ทำกำไรเมื่อราคาเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นหรือลง เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าตลาดจะมีความผันผวนสูง
  • **หนังสือแบบมีขอบเขต (Strangle):** คล้ายกับ Straddle แต่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน ออปชั่น Call จะมีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาปัจจุบัน ส่วนออปชั่น Put จะมีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบัน กลยุทธ์นี้ทำกำไรเมื่อราคาเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องการการเคลื่อนไหวที่มากกว่า Straddle
  • **หนังสือแบบผสม (Butterfly Spread):** ประกอบด้วยออปชั่น Call หรือ Put สามรายการที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้ทำกำไรเมื่อราคาอยู่ในช่วงแคบๆ ที่คาดการณ์ไว้ เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าตลาดจะไม่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง
  • **หนังสือแบบปรับปรุง (Iron Condor):** เป็นการรวมออปชั่น Call และ Put สี่รายการที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้ทำกำไรเมื่อราคาอยู่ในช่วงแคบๆ ที่คาดการณ์ไว้ และมีความเสี่ยงจำกัด
      1. ตัวอย่างการสร้างหนังสือแบบครอบคลุม (Straddle)

สมมติว่าคุณคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะมีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นขึ้นหรือลง คุณสามารถสร้างหนังสือแบบครอบคลุมได้ดังนี้:

  • ซื้อออปชั่น Call ทองคำ ราคาใช้สิทธิ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ เวลาหมดอายุ 1 ชั่วโมง
  • ซื้อออปชั่น Put ทองคำ ราคาใช้สิทธิ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ เวลาหมดอายุ 1 ชั่วโมง

หากราคาทองคำขึ้นไปเหนือ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ คุณจะทำกำไรจากออปชั่น Call หากราคาทองคำลงต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ คุณจะทำกำไรจากออปชั่น Put

      1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง

การสร้างหนังสือที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แม่นยำ ต่อไปนี้เป็นเครื่องมือและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง:

  • **แนวโน้ม (Trend):** การระบุแนวโน้มของราคาสามารถช่วยในการตัดสินใจว่าจะสร้างหนังสือแบบใด
  • **แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance):** การใช้แนวรับและแนวต้านสามารถช่วยในการกำหนดราคาใช้สิทธิที่เหมาะสม
  • **ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators):**
   * **Moving Averages:** ช่วยในการระบุแนวโน้มและจุดกลับตัว
   * **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ช่วยในการระบุโมเมนตัมของราคา
   * **RSI (Relative Strength Index):** ช่วยในการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
   * **Bollinger Bands:** ช่วยในการวัดความผันผวนของราคา
  • **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):** ช่วยในการระบุสัญญาณการกลับตัวของราคา
  • **Fibonacci Retracement:** ช่วยในการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
      1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยในการยืนยันสัญญาณที่ได้จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค:

  • **ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น:** ยืนยันแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
  • **ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง:** อาจบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้ม
  • **Volume Spread Analysis (VSA):** ช่วยในการระบุความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย
      1. การบริหารเงินทุนในการสร้างหนังสือ

การบริหารเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างหนังสือ:

  • **กำหนดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการเทรด:** ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง
  • **ใช้ Stop-Loss:** กำหนด Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
  • **ปรับขนาดการเทรด:** ปรับขนาดการเทรดตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • **ติดตามผลการเทรด:** ติดตามผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์และปรับปรุงตามความเหมาะสม
      1. ข้อควรระวังในการสร้างหนังสือ
  • **ค่าคอมมิชชั่น:** การซื้อออปชั่นหลายรายการอาจทำให้เสียค่าคอมมิชชั่นจำนวนมาก
  • **ความซับซ้อน:** การสร้างหนังสือเป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
  • **ความเสี่ยง:** แม้ว่าการสร้างหนังสือจะช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
  • **เวลา:** การสร้างหนังสือต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์และวางแผน
      1. ตารางสรุปกลยุทธ์การสร้างหนังสือ
สรุปกลยุทธ์การสร้างหนังสือ
กลยุทธ์ คำอธิบาย เหมาะสำหรับสถานการณ์
Straddle ซื้อ Call และ Put ที่ราคาใช้สิทธิและเวลาหมดอายุเดียวกัน ตลาดผันผวนสูง
Strangle ซื้อ Call และ Put ที่ราคาใช้สิทธิแตกต่างกัน ตลาดผันผวนสูง แต่ต้องการการเคลื่อนไหวมากกว่า Straddle
Butterfly Spread ใช้ Call หรือ Put สามรายการที่มีราคาใช้สิทธิแตกต่างกัน คาดการณ์ราคาอยู่ในช่วงแคบๆ
Iron Condor ใช้ Call และ Put สี่รายการที่มีราคาใช้สิทธิแตกต่างกัน คาดการณ์ราคาอยู่ในช่วงแคบๆ และต้องการจำกัดความเสี่ยง
      1. กลยุทธ์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
      1. สรุป

การสร้างหนังสือเป็นกลยุทธ์ขั้นสูงในการเทรดไบนารี่ออปชั่นที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีความซับซ้อนและต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิค และการบริหารเงินทุน ผู้เทรดที่ต้องการใช้กลยุทธ์นี้ควรศึกษาและฝึกฝนอย่างรอบคอบก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Баннер