การวิเคราะห์ Expected Shortfall
- การวิเคราะห์ Expected Shortfall
การวิเคราะห์ Expected Shortfall (ES) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Conditional Value at Risk (CVaR) เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความเสี่ยงทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของ การลงทุน และ การเทรดไบนารี่ออปชั่น (Binary Options Trading) บทความนี้จะอธิบายแนวคิดของ ES อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น โดยเน้นการประยุกต์ใช้ในตลาดไบนารี่ออปชั่น รวมถึงข้อดีข้อเสีย และวิธีการคำนวณ
- ความเสี่ยงและ VaR
ก่อนที่จะเจาะลึกถึง ES เราต้องเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของความเสี่ยงและการวัดความเสี่ยงแบบหนึ่งที่เรียกว่า Value at Risk (VaR) VaR คือการประมาณการการสูญเสียสูงสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด ภายใต้ระดับความเชื่อมั่นที่กำหนด ตัวอย่างเช่น VaR ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% หมายถึงมีความเป็นไปได้ 5% ที่การสูญเสียจะเกินค่า VaR นั้น
อย่างไรก็ตาม VaR มีข้อจำกัดที่สำคัญคือมันไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น *เกิน* ค่า VaR นั่นคือ VaR บอกเราว่าเราอาจสูญเสียได้มากเท่าไหร่ แต่ไม่ได้บอกว่าถ้าเราสูญเสียมากกว่านั้น จะสูญเสียมากแค่ไหน นี่คือจุดที่ ES เข้ามามีบทบาท
- Expected Shortfall คืออะไร?
Expected Shortfall (ES) หรือ CVaR เป็นการวัดความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากกว่า VaR ES คำนวณค่าเฉลี่ยของการสูญเสียที่เกิดขึ้น *เมื่อ* การสูญเสียเกินค่า VaR กล่าวอีกนัยหนึ่ง ES ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของการสูญเสียที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน "tail risk" หรือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
- ความแตกต่างระหว่าง VaR และ ES:**
| คุณสมบัติ | Value at Risk (VaR) | Expected Shortfall (ES) | |---|---|---| | **คำนิยาม** | การสูญเสียสูงสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายใต้ระดับความเชื่อมั่นที่กำหนด | ค่าเฉลี่ยของการสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อการสูญเสียเกิน VaR | | **ข้อมูลที่ให้** | บอกว่าอาจสูญเสียได้มากเท่าไหร่ | บอกว่าถ้าสูญเสียมากกว่า VaR จะสูญเสียมากแค่ไหน | | **ความไวต่อ Tail Risk** | ไม่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงใน tail risk | ไวต่อการเปลี่ยนแปลงใน tail risk | | **คุณสมบัติทางคณิตศาสตร์** | ไม่เป็น subadditive (อาจไม่สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของพอร์ตโฟลิโอ) | เป็น subadditive (สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของพอร์ตโฟลิโอ) |
- การคำนวณ Expected Shortfall
การคำนวณ ES มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีและระดับความซับซ้อนที่ต้องการ
- 1. Historical Simulation:**
วิธีนี้ใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อจำลองการกระจายตัวของการสูญเสีย
- รวบรวมข้อมูลผลตอบแทนในอดีตของสินทรัพย์
- เรียงลำดับผลตอบแทนจากน้อยไปมาก
- กำหนดค่า VaR ที่ระดับความเชื่อมั่นที่ต้องการ (เช่น 95%)
- คำนวณ ES โดยหาค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนที่ต่ำกว่าค่า VaR
- 2. Parametric Method (Normal Distribution):**
วิธีนี้สมมติว่าผลตอบแทนมีการกระจายตัวแบบปกติ (Normal Distribution)
- คำนวณค่าเฉลี่ยและความเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทน
- คำนวณ VaR โดยใช้ค่าเฉลี่ยและความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- คำนวณ ES โดยใช้สูตรที่เกี่ยวข้องกับ Normal Distribution
- 3. Monte Carlo Simulation:**
วิธีนี้ใช้การจำลองแบบสุ่มเพื่อสร้างการกระจายตัวของการสูญเสีย
- กำหนดแบบจำลองทางคณิตศาสตร์สำหรับสินทรัพย์
- สร้างตัวอย่างผลตอบแทนจำนวนมากโดยใช้การจำลองแบบสุ่ม
- คำนวณ VaR และ ES จากตัวอย่างผลตอบแทนที่สร้างขึ้น
- การประยุกต์ใช้ Expected Shortfall ในไบนารี่ออปชั่น
ในตลาด ไบนารี่ออปชั่น ES สามารถนำมาใช้เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเทรดแต่ละครั้ง หรือพอร์ตโฟลิโอของไบนารี่ออปชั่น
- **การประเมินความเสี่ยงของแต่ละออปชั่น:** ES ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสูญเสียเงินเดิมพันทั้งหมด หากการเทรดไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** ES ช่วยให้เทรดเดอร์ปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอของไบนารี่ออปชั่น เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม
- **การกำหนดขนาด position:** ES สามารถใช้เพื่อกำหนดขนาด position ที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ยอมรับได้
- **การเลือกโบรกเกอร์:** การเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีความเสี่ยงต่ำเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดไบนารี่ออปชั่น ซึ่ง ES สามารถช่วยประเมินความเสี่ยงของโบรกเกอร์ได้
- ตัวอย่างการคำนวณ ES ในไบนารี่ออปชั่น (Historical Simulation)
สมมติว่าคุณเทรดไบนารี่ออปชั่น 10 ครั้ง และผลตอบแทนจากการเทรดแต่ละครั้ง (เป็นเปอร์เซ็นต์) คือ:
-20%, -10%, 5%, 10%, -5%, 0%, 15%, -15%, 20%, -25%
1. เรียงลำดับผลตอบแทนจากน้อยไปมาก: -25%, -20%, -15%, -10%, -5%, 0%, 5%, 10%, 15%, 20% 2. กำหนดระดับความเชื่อมั่น 90% ซึ่งหมายความว่า VaR คือผลตอบแทนที่อยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 10 ซึ่งคือ -10% 3. คำนวณ ES โดยหาค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนที่ต่ำกว่า -10%: (-25% + -20% + -15% + -10%) / 4 = -17.5%
ดังนั้น ES ที่ระดับความเชื่อมั่น 90% คือ -17.5% ซึ่งหมายความว่าหากการสูญเสียเกิน -10% ค่าเฉลี่ยของการสูญเสียที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ -17.5%
- ข้อดีและข้อเสียของ Expected Shortfall
- ข้อดี:**
- ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากกว่า VaR เกี่ยวกับขนาดของการสูญเสียในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
- เป็น subadditive ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของพอร์ตโฟลิโอ
- มีประโยชน์ในการจัดการความเสี่ยงและกำหนดขนาด position
- ข้อเสีย:**
- การคำนวณอาจซับซ้อนกว่า VaR
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับข้อมูลในอดีตและการสมมติฐานที่ใช้ในการคำนวณ
- อาจไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (Black Swan Events) ได้อย่างแม่นยำ
- กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยง
การใช้ ES ร่วมกับกลยุทธ์การเทรดที่เน้นการจัดการความเสี่ยงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดไบนารี่ออปชั่น
- **Martingale Strategy:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขนาด position หลังจากแต่ละครั้งที่ขาดทุน แต่ต้องระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงและอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินเดิมพันทั้งหมดได้ การใช้ ES ช่วยในการกำหนดขนาด position ที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยง
- **Anti-Martingale Strategy:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขนาด position หลังจากแต่ละครั้งที่ทำกำไร ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า Martingale Strategy
- **Hedging:** การใช้ไบนารี่ออปชั่นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น หรือ สกุลเงิน
- **Diversification:** การกระจายความเสี่ยงโดยการเทรดไบนารี่ออปชั่นในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน
- **Risk Reversal:** กลยุทธ์ที่รวมการซื้อและขายไบนารี่ออปชั่นเพื่อลดความเสี่ยง
- **Straddle Strategy:** การซื้อทั้ง Call และ Put Option ที่มีราคา Strike เดียวกันและวันหมดอายุเดียวกัน
- **Strangle Strategy:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ราคา Strike ที่แตกต่างกัน
- **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้ Call หรือ Put Option สามตัวที่มีราคา Strike ที่แตกต่างกัน
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขายเพื่อเสริมการวิเคราะห์ ES
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยปรับปรุงความแม่นยำของการประเมินความเสี่ยงโดยใช้ ES
- **Moving Averages:** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของราคาและจุดเข้า/ออก
- **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
- **MACD:** ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม
- **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา
- **Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและระบุสัญญาณการกลับตัว
- **Fibonacci Retracement:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้าน
- **Candlestick Patterns:** ใช้เพื่อระบุสัญญาณการซื้อขายตามรูปแบบแท่งเทียน
- **Elliott Wave Theory:** ใช้เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของราคาและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
- **Ichimoku Cloud:** ใช้เพื่อระบุแนวโน้ม, แนวรับ, แนวต้าน และโมเมนตัม
- **Support and Resistance Levels:** การระบุระดับแนวรับและแนวต้านเพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย
- สรุป
Expected Shortfall เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประเมินและจัดการความเสี่ยงในตลาดไบนารี่ออปชั่น การเข้าใจแนวคิดและการประยุกต์ใช้ ES จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น และลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินเดิมพัน การรวม ES กับกลยุทธ์การเทรดที่เน้นการจัดการความเสี่ยงและการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว
การจัดการความเสี่ยง | การเทรดแบบมีวินัย | การวิเคราะห์ตลาด | การลงทุนระยะยาว | การวางแผนทางการเงิน | ตลาดทุน | การประเมินมูลค่า | การบริหารพอร์ตโฟลิโอ | เครื่องมือทางการเงิน | การวิเคราะห์ความเสี่ยง | การตัดสินใจลงทุน | การกระจายความเสี่ยง | การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน | การวิเคราะห์เชิงปริมาณ | การวิเคราะห์ทางเทคนิค
Martingale Strategy | Anti-Martingale Strategy | Hedging | Diversification | Risk Reversal | Straddle Strategy | Strangle Strategy | Butterfly Spread | Moving Averages | Relative Strength Index (RSI) | MACD | Bollinger Bands | Volume Analysis | Fibonacci Retracement | Candlestick Patterns
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
