การวิเคราะห์ Common Gaps

การวิเคราะห์ Common Gaps ในไบนารี่ออปชั่น

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นในการทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ Common Gaps ในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น การเข้าใจปรากฏการณ์นี้สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้

Common Gaps คืออะไร?

Common Gaps หรือเรียกอีกอย่างว่า “Gaps” เป็นช่วงที่ราคาของสินทรัพย์ทางการเงินกระโดดขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว โดยมีช่องว่างระหว่างราคาปัจจุบันกับราคาล่าสุดก่อนหน้า ช่องว่างเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อมีความไม่สมดุลอย่างมากระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคาที่รวดเร็วและมีนัยสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว Gaps มักเกิดขึ้นเนื่องจากข่าวสารสำคัญ เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของตลาด

Gaps แบ่งออกได้หลายประเภท แต่เราจะเน้นที่ Common Gaps ซึ่งเป็น Gaps ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาตามแนวโน้ม (Trend) โดยทั่วไปแล้ว Common Gaps จะเกิดขึ้นในตลาดที่มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งและมักจะถูกเติมเต็มในที่สุด (Gap Fill) ซึ่งหมายความว่าราคาจะกลับมาเคลื่อนที่ในช่วงราคาที่เคยมีช่องว่างอยู่

สาเหตุของการเกิด Common Gaps

ข่าวสารสำคัญ: การประกาศข่าวสารสำคัญ เช่น รายงานตัวเลขการจ้างงาน หรือการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย สามารถทำให้เกิด Common Gaps ได้ เนื่องจากนักลงทุนจะปรับโพสิชันของตนอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อข่าวสาร
รายงานผลประกอบการ: การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดและนำไปสู่ Common Gaps ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลประกอบการแตกต่างจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ: เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่คาดฝัน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือความขัดแย้งทางการเมือง สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดและทำให้เกิด Common Gaps ได้
การเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของตลาด: การเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของตลาดอย่างกะทันหัน เช่น การเปลี่ยนแปลงในมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจ สามารถนำไปสู่ Common Gaps ได้
การสะสมหรือการกระจายตัว: การสะสม (Accumulation) หรือการกระจายตัว (Distribution) โดยนักลงทุนรายใหญ่ สามารถทำให้เกิด Common Gaps ได้ เนื่องจากราคาจะถูกผลักดันขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว

การระบุ Common Gaps

การระบุ Common Gaps บนชาร์ตราคาเป็นขั้นตอนแรกในการวิเคราะห์ การสังเกตช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียน (Candlesticks) เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการระบุ Gaps โดยทั่วไปแล้ว Gaps จะปรากฏชัดเจนบนชาร์ตที่มีกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น (เช่น รายวัน หรือ รายสัปดาห์)

ตัวอย่างการระบุ Common Gaps
กรอบเวลา	ลักษณะ	คำอธิบาย
รายวัน	ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนรายวัน	บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในราคา
รายสัปดาห์	ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนรายสัปดาห์	บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของแนวโน้มระยะยาว
รายเดือน	ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนรายเดือน	บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของแนวโน้มระยะยาวมาก

กลยุทธ์การเทรด Common Gaps ในไบนารี่ออปชั่น

มีหลายกลยุทธ์ที่สามารถใช้ในการเทรด Common Gaps ในไบนารี่ออปชั่น ดังนี้:

1. Gap Fill Trade: กลยุทธ์นี้อาศัยแนวคิดที่ว่า Common Gaps มักจะถูกเติมเต็มในที่สุด (Gap Fill) เทรดเดอร์จะเปิดออปชั่น “Call” หากราคา Gap ขึ้น และเปิดออปชั่น “Put” หากราคา Gap ลง โดยคาดหวังว่าราคาจะกลับมาในช่วงราคาที่เคยมีช่องว่างอยู่ กลยุทธ์ Gap Fill เป็นที่นิยมเนื่องจากมีโอกาสสำเร็จสูง แต่ต้องระมัดระวังหาก Gap ไม่ถูกเติมเต็ม 2. Breakout Trade: กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อราคา Breakout เหนือหรือใต้ Common Gap โดยคาดหวังว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ไปในทิศทางของ Breakout เทรดเดอร์จะเปิดออปชั่น “Call” หากราคา Breakout เหนือ Gap และเปิดออปชั่น “Put” หากราคา Breakout ใต้ Gap กลยุทธ์ Breakout ต้องใช้การยืนยันด้วย ปริมาณการซื้อขาย ที่เพิ่มขึ้น 3. Reversal Trade: กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อราคาทดสอบขอบบนหรือขอบล่างของ Common Gap แล้วเกิดการ Reversal เทรดเดอร์จะเปิดออปชั่น “Put” หากราคาทดสอบขอบบนของ Gap และเปิดออปชั่น “Call” หากราคาทดสอบขอบล่างของ Gap กลยุทธ์ Reversal ต้องใช้การยืนยันด้วย รูปแบบแท่งเทียน ที่บ่งบอกถึงการกลับตัว 4. Trend Continuation Trade: กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อ Common Gap เกิดขึ้นในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลัก เทรดเดอร์จะเปิดออปชั่นในทิศทางของแนวโน้ม โดยคาดหวังว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ไปในทิศทางนั้น การเทรดตามแนวโน้ม เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่สำคัญ

การใช้ Indicators ประกอบการวิเคราะห์ Common Gaps

การใช้ Indicators ทางเทคนิคประกอบการวิเคราะห์ Common Gaps สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรดได้ ดังนี้:

Moving Averages (MA): ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและยืนยันสัญญาณ Gap Fill หรือ Breakout Moving Averages ช่วยให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น
Relative Strength Index (RSI): ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุสภาวะ Overbought หรือ Oversold RSI สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดในสภาวะที่ตลาดอาจมีการปรับฐาน
MACD (Moving Average Convergence Divergence): ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงในโมเมนตัมและยืนยันสัญญาณ Gap Fill หรือ Breakout MACD ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง Moving Averages สองเส้น
Fibonacci Retracement: ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเป็นจุดกลับตัวของราคา Fibonacci Retracement ช่วยในการกำหนดเป้าหมายทำกำไรและจุดตัดขาดทุน
Bollinger Bands: ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคาและระบุสภาวะ Overbought หรือ Oversold Bollinger Bands ช่วยให้เห็นช่วงราคาที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

การบริหารความเสี่ยงในการเทรด Common Gaps

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทรด Common Gaps:

กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): กำหนดจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนเพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาเคลื่อนที่สวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไว้
ใช้ขนาด Position ที่เหมาะสม: อย่าเสี่ยงเงินลงทุนมากเกินไปในการเทรดแต่ละครั้ง ควรใช้ขนาด Position ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้
Diversify: กระจายความเสี่ยงโดยการเทรดสินทรัพย์หลายประเภทและใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย
ติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด
ใช้บัญชี Demo: ฝึกฝนการเทรด Common Gaps ในบัญชี Demo ก่อนที่จะใช้เงินจริง

ข้อควรระวังในการเทรด Common Gaps

False Gaps: บางครั้ง Gaps อาจเป็น False Gaps ซึ่งหมายความว่าราคาไม่ได้เคลื่อนที่อย่างแท้จริง แต่เกิดจากการขาดสภาพคล่องในตลาด
Gap Fill Failure: ไม่ใช่ทุก Common Gap จะถูกเติมเต็ม บางครั้งราคาอาจ Breakout จาก Gap แทนที่จะกลับมาเติมเต็ม
Volatility: Common Gaps มักจะเกิดขึ้นในตลาดที่มีความผันผวนสูง ซึ่งอาจทำให้การเทรดมีความเสี่ยงมากขึ้น

สรุป

การวิเคราะห์ Common Gaps เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิด Gaps วิธีการระบุ Gaps และกลยุทธ์การเทรดที่เกี่ยวข้อง สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม การบริหารความเสี่ยงและการใช้ Indicators ประกอบการวิเคราะห์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน การบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่น รูปแบบแท่งเทียน ปริมาณการซื้อขาย แนวโน้มของตลาด การทำนายแนวโน้ม การวิเคราะห์ความผันผวน การวิเคราะห์ตลาด การจัดการเงินทุน จิตวิทยาการเทรด การเลือกโบรกเกอร์ การเทรดตามข่าว กลยุทธ์ Straddle กลยุทธ์ Strangle กลยุทธ์ Butterfly กลยุทธ์ Call Spread กลยุทธ์ Put Spread

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น