การตั้งค่า Take Profit

การตั้งค่า Take Profit ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น

บทนำ

การเทรด ไบนารี่ออปชั่น เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้เช่นกัน หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรคือการตั้งค่า Take Profit หรือระดับราคาที่ต้องการทำกำไร เมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ ออปชั่นจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณสามารถล็อคผลกำไรได้ทันที บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการตั้งค่า Take Profit เทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการกำหนดระดับราคา และข้อควรระวังที่ควรทราบสำหรับผู้เริ่มต้น

ทำไมต้องตั้งค่า Take Profit?

การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยไม่ตั้งค่า Take Profit อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดได้ แม้ว่าการคาดการณ์ทิศทางราคาจะถูกต้อง แต่หากปล่อยให้ออปชั่นเปิดไว้นานเกินไป อาจทำให้กำไรที่ได้ลดลง หรือแม้กระทั่งกลับกลายเป็นขาดทุนได้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ไม่คาดคิด นี่คือเหตุผลหลักที่ควรตั้งค่า Take Profit:

**ล็อคผลกำไร:** เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้ และถึงระดับราคาที่ตั้งไว้ Take Profit จะช่วยล็อคผลกำไรของคุณทันที ไม่ปล่อยให้ความผันผวนของตลาดเข้ามามีผลกระทบ
**ลดความเสี่ยง:** การตั้งค่า Take Profit ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ไม่คาดคิด หากราคาพลิกกลับหลังจากที่คุณทำกำไรได้แล้ว Take Profit จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณต้องเสียเงินทั้งหมด
**บริหารเวลา:** การตั้งค่า Take Profit ช่วยให้คุณไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา เพื่อรอให้ราคาถึงระดับที่ต้องการ คุณสามารถปล่อยให้ระบบทำงานโดยอัตโนมัติ และไปทำสิ่งอื่นได้
**เพิ่มวินัยในการเทรด:** การมี Take Profit ที่ชัดเจนช่วยให้คุณมีวินัยในการเทรดมากขึ้น ไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

เทคนิคการตั้งค่า Take Profit

มีหลายเทคนิคที่นักเทรดไบนารี่ออปชั่นใช้ในการตั้งค่า Take Profit แต่ละเทคนิคมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่คุณรับได้

**Based on Support and Resistance:** เทคนิคนี้ใช้ระดับ Support และ Resistance เป็นจุดอ้างอิงในการตั้งค่า Take Profit หากคุณเปิดออปชั่น Buy (คาดการณ์ว่าราคาจะขึ้น) คุณสามารถตั้ง Take Profit ไว้ที่ระดับ Resistance ที่ใกล้เคียงที่สุด ในทางกลับกัน หากคุณเปิดออปชั่น Sell (คาดการณ์ว่าราคาจะลง) คุณสามารถตั้ง Take Profit ไว้ที่ระดับ Support ที่ใกล้เคียงที่สุด
**Using Fibonacci Retracement:** Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุระดับราคาที่อาจมีการกลับตัวของแนวโน้ม คุณสามารถใช้ระดับ Fibonacci Retracement เป็นจุดอ้างอิงในการตั้งค่า Take Profit ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับ 38.2%, 50% และ 61.8%
**Applying Moving Averages:** Moving Average เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการหาแนวโน้มของราคา คุณสามารถใช้เส้น Moving Average เป็นจุดอ้างอิงในการตั้งค่า Take Profit ได้เช่นกัน หากราคาตัดผ่านเส้น Moving Average ขึ้นไป คุณสามารถตั้ง Take Profit ไว้เหนือเส้น Moving Average เล็กน้อย
**Based on Chart Patterns:** Chart Patterns เช่น Head and Shoulders, Double Top, และ Double Bottom สามารถบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้ คุณสามารถใช้จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของ Chart Patterns เหล่านี้เป็นจุดอ้างอิงในการตั้งค่า Take Profit
**Risk-Reward Ratio:** การกำหนด Take Profit โดยพิจารณาจาก Risk-Reward Ratio เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดจะตั้งเป้าหมาย Risk-Reward Ratio ที่ 1:2 หรือ 1:3 ซึ่งหมายความว่า หากคุณเสี่ยง 1 หน่วย คุณจะต้องการทำกำไรอย่างน้อย 2 หรือ 3 หน่วย
**Volatility-Based Take Profit:** การใช้ตัวชี้วัดความผันผวน เช่น Average True Range (ATR) สามารถช่วยในการกำหนด Take Profit ที่เหมาะสมได้ โดยพิจารณาจากระดับความผันผวนของตลาดในขณะนั้น

ตัวอย่างการตั้งค่า Take Profit

สมมติว่าคุณกำลังเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD และคุณคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้น คุณเปิดออปชั่น Buy ที่ราคา 1.1000 และคุณต้องการตั้งค่า Take Profit คุณสามารถใช้เทคนิคต่างๆ ดังนี้:

**Support and Resistance:** หากระดับ Resistance ที่ใกล้เคียงที่สุดคือ 1.1050 คุณสามารถตั้ง Take Profit ไว้ที่ 1.1045 หรือ 1.1040 เพื่อให้มี Margin of Error เล็กน้อย
**Fibonacci Retracement:** หากระดับ Fibonacci Retracement ที่ 61.8% คือ 1.1060 คุณสามารถตั้ง Take Profit ไว้ที่ 1.1055 หรือ 1.1050
**Risk-Reward Ratio:** หากคุณเสี่ยง 10 USD และต้องการ Risk-Reward Ratio ที่ 1:2 คุณจะต้องทำกำไร 20 USD ดังนั้น คุณจะต้องตั้ง Take Profit ในระดับที่ทำให้คุณได้กำไร 20 USD

ตัวอย่างการตั้งค่า Take Profit
กลยุทธ์	จุดเข้า	Take Profit	Risk-Reward Ratio
Support and Resistance	1.1000	1.1045	1:4.5
Fibonacci Retracement	1.1000	1.1055	1:5.5
Risk-Reward Ratio (1:2)	1.1000	ขึ้นอยู่กับ Broker (คำนวณจาก 20 USD กำไร)	1:2

ข้อควรระวังในการตั้งค่า Take Profit

แม้ว่าการตั้งค่า Take Profit จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ควรทราบ:

**อย่าตั้ง Take Profit ใกล้กับจุดเข้ามากเกินไป:** หากตั้ง Take Profit ใกล้กับจุดเข้ามากเกินไป อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นได้
**พิจารณาความผันผวนของตลาด:** ในตลาดที่มีความผันผวนสูง คุณอาจต้องตั้ง Take Profit ให้กว้างขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูก Stop Out ก่อนที่ราคาจะถึงเป้าหมาย
**ปรับ Take Profit ตามสถานการณ์:** สถานการณ์ของตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น คุณควรปรับ Take Profit ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
**อย่ากลัวที่จะปรับ Take Profit:** หากคุณเห็นว่าราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้ได้ดี คุณสามารถปรับ Take Profit ให้สูงขึ้นได้
**ใช้ Stop Loss ควบคู่กับ Take Profit:** การใช้ Stop Loss ควบคู่กับ Take Profit จะช่วยจำกัดความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนของคุณได้

เครื่องมือและ Indicator ที่ช่วยในการตั้งค่า Take Profit

นอกเหนือจากเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีเครื่องมือและ Indicator ต่างๆ ที่สามารถช่วยในการตั้งค่า Take Profit ได้:

**Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนและระบุระดับ Overbought และ Oversold
**Parabolic SAR:** ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของแนวโน้ม
**MACD:** ใช้เพื่อวิเคราะห์โมเมนตัมของราคา
**Stochastic Oscillator:** ใช้เพื่อระบุสภาวะ Overbought และ Oversold
**Pivot Points:** ใช้เพื่อระบุระดับ Support และ Resistance ที่สำคัญ

กลยุทธ์การเทรดที่เกี่ยวข้อง

**Scalping:** เทรดระยะสั้น เน้นทำกำไรเล็กน้อยจำนวนมาก ใช้ Take Profit ที่แคบ
**Day Trading:** เทรดภายในวันเดียว ใช้ Take Profit ที่เหมาะสมกับช่วงเวลาการเทรด
**Swing Trading:** เทรดระยะกลาง เน้นทำกำไรจาก Swing ของราคา ใช้ Take Profit ที่กว้างขึ้น
**Trend Following:** เทรดตามแนวโน้ม ใช้ Take Profit ที่สูงขึ้นเมื่อแนวโน้มแข็งแกร่ง
**Breakout Trading:** เทรดเมื่อราคา Breakout จากระดับ Support หรือ Resistance ใช้ Take Profit ที่สูงขึ้น

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจตั้งค่า Take Profit การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยในการระบุแนวโน้มและระดับ Support/Resistance ในขณะที่การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

สรุป

การตั้งค่า Take Profit เป็นส่วนสำคัญของการเทรดไบนารี่ออปชั่นที่มีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจเทคนิคต่างๆ และข้อควรระวังที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้คุณสามารถบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ อย่าลืมปรับ Take Profit ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตลาดและสไตล์การเทรดของคุณเอง และที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาทักษะการเทรดของคุณ

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น