การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สำหรับผู้เริ่มต้น

การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex หรือ FX) เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023 ตลาดนี้เปิดให้ทำการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ค้าขายจากทั่วโลก บทความนี้จะให้ภาพรวมที่ครอบคลุมสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Forex รวมถึงแนวคิดพื้นฐาน กลไกการทำงาน ปัจจัยที่มีผลกระทบ และกลยุทธ์การซื้อขายเบื้องต้น

Forex คืออะไร?

Forex ย่อมาจาก "Foreign Exchange" หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นกระบวนการของการซื้อขายสกุลเงินหนึ่งเพื่อแลกกับอีกสกุลเงินหนึ่ง การซื้อขายนี้เกิดขึ้นในตลาด Forex ซึ่งเป็นตลาดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Market) หมายความว่าไม่มีสถานที่ตั้งที่แน่นอน แต่การซื้อขายเกิดขึ้นผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกระหว่างธนาคาร สถาบันการเงิน และนักลงทุนรายย่อย

สกุลเงินส่วนใหญ่จะซื้อขายเป็นคู่สกุลเงิน (Currency Pair) เช่น EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐฯ), GBP/JPY (ปอนด์สเตอร์ลิง/เยนญี่ปุ่น) และ USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐฯ/ฟรังก์สวิส) ในคู่สกุลเงินนี้ สกุลเงินแรกเรียกว่าสกุลเงินฐาน (Base Currency) และสกุลเงินที่สองเรียกว่าสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) ราคาที่แสดงคือจำนวนสกุลเงินอ้างอิงที่จำเป็นในการซื้อ 1 หน่วยของสกุลเงินฐาน

การจับคู่สกุลเงิน เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำความเข้าใจตลาด Forex

กลไกการทำงานของตลาด Forex

ตลาด Forex ทำงานโดยอาศัยหลักการของอุปสงค์และอุปทาน ราคาของสกุลเงินจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพเศรษฐกิจ การเมือง และความเชื่อมั่นของนักลงทุน เมื่อมีความต้องการสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งสูง ราคาของสกุลเงินนั้นจะสูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากมีอุปทานของสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งมาก ราคาของสกุลเงินนั้นจะลดลง

ผู้ค้าขาย Forex จะพยายามทำกำไรจากความผันผวนของราคา โดยการซื้อสกุลเงินที่คาดว่าจะสูงขึ้น และขายสกุลเงินที่คาดว่าจะลดลง การซื้อขายสามารถทำได้ผ่าน โบรกเกอร์ Forex ซึ่งเป็นตัวกลางที่ให้การเข้าถึงตลาด Forex และเครื่องมือการซื้อขายต่างๆ

ผู้เข้าร่วมตลาด Forex

ตลาด Forex มีผู้เข้าร่วมหลายประเภท ได้แก่:

**ธนาคาร:** ธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์เป็นผู้เข้าร่วมรายใหญ่ที่สุดในตลาด Forex โดยทำการซื้อขายเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารความเสี่ยงและทำกำไร
**สถาบันการเงิน:** กองทุนเฮดจ์ฟันด์ บริษัทประกัน และกองทุนบำเหน็จบำนาญ ล้วนมีส่วนร่วมในการซื้อขาย Forex เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน
**บริษัทข้ามชาติ:** บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศจำเป็นต้องทำการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ
**นักลงทุนรายย่อย:** นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงตลาด Forex ผ่านโบรกเกอร์ Forex และแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน

อัตราแลกเปลี่ยนได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่:

**ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ:** ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และอัตราการว่างงาน สามารถส่งผลกระทบต่อความน่าดึงดูดของสกุลเงินหนึ่งๆ
**นโยบายการเงิน:** นโยบายการเงินของธนาคารกลาง เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ยและการดำเนินนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) สามารถส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน
**เหตุการณ์ทางการเมือง:** เหตุการณ์ทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สามารถสร้างความไม่แน่นอนและความผันผวนในตลาด Forex
**ความเชื่อมั่นของนักลงทุน:** ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจและสกุลเงินหนึ่งๆ สามารถส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินนั้นๆ
**ข่าวสารและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน:** ข่าวสารและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการประกาศผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ สามารถทำให้ตลาด Forex ผันผวนได้

แนวคิดพื้นฐานในการซื้อขาย Forex

**Pips (Percentage in Point):** Pips คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน โดยปกติแล้ว Pips จะเท่ากับ 0.0001 สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่
**Spread:** Spread คือความแตกต่างระหว่างราคาซื้อ (Ask Price) และราคาขาย (Bid Price) ของคู่สกุลเงิน Spread เป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์ Forex เรียกเก็บจากการซื้อขาย
**Leverage (อัตราทด):** Leverage คือการใช้เงินทุนจำนวนน้อยเพื่อควบคุมตำแหน่งการซื้อขายที่มีขนาดใหญ่ Leverage สามารถขยายผลกำไรและผลขาดทุนได้
**Margin (เงินมาร์จิน):** Margin คือจำนวนเงินที่จำเป็นในการเปิดตำแหน่งการซื้อขาย Leverage สูงจะต้องการ Margin ที่ต่ำลง
**Stop-Loss Order:** Stop-Loss Order คือคำสั่งให้ปิดตำแหน่งการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ เพื่อจำกัดผลขาดทุน
**Take-Profit Order:** Take-Profit Order คือคำสั่งให้ปิดตำแหน่งการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ เพื่อทำกำไร

กลยุทธ์การซื้อขาย Forex เบื้องต้น

**Trend Following (การติดตามแนวโน้ม):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มของราคาและทำการซื้อขายตามแนวโน้มนั้น หากราคามีแนวโน้มสูงขึ้น นักลงทุนจะซื้อ (Long) และหากราคามีแนวโน้มลดลง นักลงทุนจะขาย (Short) การวิเคราะห์แนวโน้ม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลยุทธ์นี้
**Breakout Trading (การซื้อขายการทะลุแนวรับ/แนวต้าน):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ แนวรับคือระดับราคาที่ราคาเคยลดลงและหยุดลง ในขณะที่แนวต้านคือระดับราคาที่ราคาเคยสูงขึ้นและหยุดลง
**Scalping (การเก็งกำไรระยะสั้น):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการทำกำไรจากความผันผวนของราคาขนาดเล็ก โดยการเปิดและปิดตำแหน่งการซื้อขายอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาทีหรือนาที
**Day Trading (การซื้อขายรายวัน):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเปิดและปิดตำแหน่งการซื้อขายทั้งหมดภายในวันเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกิดจากการค้างคืน
**Swing Trading (การซื้อขายระยะกลาง):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการถือครองตำแหน่งการซื้อขายเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะกลาง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

**การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** เป็นการวิเคราะห์ราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น กราฟแท่งเทียน, เส้นแนวโน้ม, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, MACD, RSI, และ Fibonacci Retracement
**การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis):** เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงิน

การรวมการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน สามารถช่วยให้ผู้ค้าขายตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขาย Forex

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขาย Forex เนื่องจากการใช้ Leverage สามารถขยายผลขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว

**กำหนดขนาดตำแหน่ง (Position Sizing):** กำหนดขนาดของตำแหน่งการซื้อขายให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
**ใช้ Stop-Loss Order:** ตั้ง Stop-Loss Order เพื่อจำกัดผลขาดทุน
**ใช้ Take-Profit Order:** ตั้ง Take-Profit Order เพื่อทำกำไร
**หลีกเลี่ยงการใช้ Leverage สูงเกินไป:** Leverage สามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้เช่นกัน
**กระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนทั้งหมดในคู่สกุลเงินเดียว
**รักษาวินัยในการซื้อขาย:** ปฏิบัติตามแผนการซื้อขายและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์

แพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex

มีแพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex หลายแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยม ได้แก่:

**MetaTrader 4 (MT4):** เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มีเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลาย และรองรับการซื้อขายแบบอัตโนมัติ (Expert Advisors)
**MetaTrader 5 (MT5):** เป็นแพลตฟอร์มรุ่นใหม่ของ MT4 มีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การซื้อขายในตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
**cTrader:** เป็นแพลตฟอร์มที่มีความซับซ้อนน้อยกว่า MT4 และ MT5 เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) กับ Forex

แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นและ Forex จะเป็นตลาดการเงินที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความเชื่อมโยงกัน ไบนารี่ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่อนุญาตให้ผู้ค้าคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ (รวมถึงคู่สกุลเงิน Forex) จะสูงขึ้นหรือต่ำลงภายในระยะเวลาที่กำหนด หากการคาดการณ์ถูกต้อง ผู้ค้าจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากการคาดการณ์ผิดพลาด ผู้ค้าจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด กลยุทธ์ไบนารี่ออปชั่น มีหลายรูปแบบที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการซื้อขาย Forex ได้ เช่น กลยุทธ์เข็มทิศ (Compass Strategy) และ กลยุทธ์การตัดผ่าน (Breakout Strategy) การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ความเสี่ยงของไบนารี่ออปชั่น เป็นสิ่งสำคัญก่อนลงทุน

สรุป

การซื้อขาย Forex เป็นตลาดที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ผู้เริ่มต้นควรใช้เวลาในการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดและกลไกการทำงานก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขาย การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขาย Forex เพื่อป้องกันผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น การฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นสิ่งจำเป็นในการประสบความสำเร็จในการซื้อขาย Forex

การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Forex สามารถหาได้จากแหล่งข้อมูลออนไลน์และหนังสือต่างๆ

การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสม

การจัดการเงินทุนในการซื้อขาย Forex

การใช้ข่าวสารเศรษฐกิจในการซื้อขาย Forex

การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)

การใช้เครื่องมือ Fibonacci

การใช้เครื่องมือ Elliott Wave

การซื้อขายตามข่าวสาร (News Trading)

การซื้อขายช่วงเวลาที่ตลาดเปิด (London Open Breakout)

การซื้อขายช่วงเวลาที่ตลาดปิด (New York Close)

การใช้ Volume Spread Analysis (VSA)

การใช้ Ichimoku Cloud

การใช้ Parabolic SAR

การใช้ Bollinger Bands

การใช้ Japanese Candlesticks

การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงิน (Currency Correlation)

การใช้ Pivot Points

การซื้อขายตามฤดูกาล (Seasonal Trading)

การป้องกันความเสี่ยง (Hedging)

การซื้อขายแบบ Algorithmic (Algo Trading)

หมวดหมู่

* * * * *

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น